“จืดชืดไร้รสชาติ? กับพ่อเจ้าสิ!”
เมื่อเถ้าแก่ได้ยินคำของเย่หยวนแน่นอนว่าเขาจะต้องโกรธเคืองจนกระทืบเท้าออกมา
เมื่อคนอื่นๆ ได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็รู้สึกขันอยู่ในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสารและสมเพชเย่หยวน
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมนี้มีนามว่าจางถู ในวัยหนุ่มเขานั้นฆ่าสังหารผู้คนก่อการชั่วร้ายไว้มากมาย ตัวเขานั้นมีกำลังถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางและไม่ใช่คนที่ดีงามใดๆ
จนมาถึงวันหนึ่งที่เขาได้สูตรของสุราเพลิงคลั่งนี้มาที่ทำให้เขาได้เริ่มหันมาเปิดโรงเตี๊ยมเพลิงคลั่งนี้
เถ้าแก่ผู้นั้นพุ่งตัวเข้ามาหาเย่หยวนอย่างรวดเร็วพร้อมยิ้มขึ้นอย่างเย็นเยือก “เด็กน้อย ข้าจางถูขายสุราเพลิงคลั่งในชุมเก้าสายนี้มานับหมื่นๆ ปีแต่ยังไม่เคยจะได้ยินผู้ใดว่ากล่าวว่ามันจืดชืดไร้รสชาติมาก่อน! หากวันนี้เจ้าไม่คิดอธิบายข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเดินออกจากประตูไปแน่!”
ทุกผู้คนต่างมองมายังเย่หยวนด้วยสายตาสมเพช เหล่าคนในชุมเก้าสายนี้ต่างรู้กันดีว่าจางถูนั้นมิใช่คนที่จะมาเล่นหัวด้วยได้
ไม่เช่นนั้นแล้วสุราเพลิงคลั่งที่โด่งดังเช่นนี้มันย่อมจะต้องมีคนมาคิดทำการแย่งชิงสูตรใดๆ ไปบ้างแล้ว
เพียงแค่ว่ามันไม่มีใครกล้าคิด!
หวู่หลิงที่ได้เห็นจึงกล่าวขึ้นทันที “ไงล่ะ? ทำให้คนมากมายไม่พอใจแล้วใช่ไหม? ทำไมไม่ลองพูดมาหน่อยเล่าว่าจะจัดการเรื่องราวนี้อย่างไร?”
หวู่ซ่งนั้นหันไปมองดุน้องสาวก่อนจะหันไปหาจางถูด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่ถู น้องชายข้านี้เขาเพิ่งมาถึงและไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวใด อย่าได้ไปสนใจคนอย่างเขาเลย”
แต่จางถูกลับหัวเราะขึ้น “แล้วเจ้าเป็นใครเล่า? มีสิทธิใดมาห้ามไม่ให้ข้าสนใจมัน? วันนี้ข้าจะสนใจมัน! หากคำพูดของมันนี้ถูกคนผู้อื่นได้ยินเข้าแล้วโรงเตี๊ยมข้าจะยังทำกิจการต่อได้อย่างไร?”
พูดจบเขาก็หันมาหาเย่หยวนทันที “เด็กน้อย เจ้าอย่าได้ว่าข้าไม่ให้โอกาส ตราบเท่าที่เจ้านำเอาสุราที่เหนือล้ำกว่าสุราเพลิงคลั่งออกมาได้ เรื่องนี้ข้าจะไม่ถือสาและก้มหัวลงขอโทษเจ้าด้วย แต่หากเจ้าไม่มีแล้ว… หึๆ…”
จางถูนั้นแสดงท่าทางอย่างมีเรื่องเต็มแก่ ดูท่าเขาคงไม่ได้คิดจะจบเรื่องดีๆ แน่
หวู่ซ่งได้แต่หันไปหาเย่หยวนและกระซิบบอก “ขอโทษ! น้องจี้รีบขอโทษเถ้าแก่ถูเร็ว!”
เย่หยวนได้แต่นั่งนิ่งไม่สนใจจางถูใดๆ เขาหันไปมองหวู่ซ่งด้วยรอยยิ้ม “นั่งเถอะพี่หวู่ เพื่อตอบแทนที่ท่านปกป้องจี้คนนี้มาถึงเวลานี้ จี้คนนี้จะได้นำเอาสุราแก้วหนึ่งให้ท่านได้ลอง”
พูดจบเย่หยวนก็ได้นำเอาขวดสุราน้อยๆ ออกมา
เย่หยวนเปิดฝาของมันออกส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั้งโรงเตี๊ยมในพริบตา
“หอม! เหล้าดี!”
“พระเจ้าช่วย สุรานี้มันหอมกว่าสุราเพลิงคลั่งนับสิบเท่าเลย!”
“นี่มันสุราใดกัน? เฒ่าคนนี้ไม่เคยจะได้กลิ่นสุราใดหอมล้ำเท่านี้มาก่อนเลย!”
…
เมื่อเปิดฝาออกมามันก็เกิดเสียงโห่ร้องขึ้นในทุกมุมของโรงเตี๊ยม ตอนนี้เหล่าผู้คนมากมายเริ่มแสดงท่าทางมึนเมาออกมาเพราะเพียงแค่ได้กลิ่นของสุรานี้
จางถูได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะหยิบเอาสุราออกมาจริงๆ
หากนับเพียงแค่กลิ่นนี้แล้ว สุราในมือเย่หยวนมันก็คงเหนือล้ำกว่าสุราเพลิงคลั่งไปหลายเท่าตัว!
“อ่า… หอมจัง! ท่านพี่ ข้าอยากดื่มมัน!”
ที่ด้านข้างหวู่หลิงเริ่มแสดงท่าทางราวคนเมาออกมาก่อนจะค่อยๆ พูดไปส่ายหัวไปมา
ตอนนี้น้ำลายมันได้ไหลลงมาที่มุมปากของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะกลิ่นของสุรานี้มันหอมถึงขนาดนั้น!
เพียะ!
หวู่หลิงพยายามยื่นมือออกไปหาขวดสุรานั้นแต่กลับถูกเย่หยวนตบมือเข้า
“โอ้ย! เจ้าตีข้าทำไมเนี่ย!”
การตบนี้มันปลุกสติของหวู่หลิงกลับมาทันที
แต่ในเวลานี้นางกลับมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึงราวกับได้เห็นผี
เจ้าหมอนี่มันมีสุราดีติดตัวจริงๆ!
“สุรานี้ข้าให้แค่พี่หวู่ซ่งดื่ม เจ้าไม่มีสิทธิ!” เย่หยวนบอก
“ชิ ขี้งกแท้! ไม่ดื่มก็ไม่ดื่มสิ ใครอยากได้เล่า!”
แม้ว่านางจะพูดเช่นนั้นออกมาแต่ดวงตาทั้งสองก็ไม่อาจละจากขวดสุรานั้นได้พร้อมด้วยน้ำลายที่ค่อยๆ ไหลลงมุมปากมาอีกครั้ง
ในทุ่งราบสุดอุดรนี้แม้แต่หญิงสาวก็ยังชอบดื่มเป็นเรื่องธรรมชาติ
มันมิใช่แค่หวู่หลิง แต่ทุกผู้คนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมเวลานี้ต่างจ้องมองดูขวดสุราในมือเย่หยวนพร้อมกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ภายใต้สายตาของคนทั้งหลายนี้เย่หยวนได้เทสุราลงจอกให้แก่หวู่ซ่ง
เมื่อสุรานี้มันถูกเทออกมา กลิ่นของมันก็ยิ่งหอมนวลยิ่งกว่าตอนอยู่ในขวด!
หวู่ซ่งได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง เขานั้นได้แต่มองดูหยาดน้ำอันสวยงามที่ค่อยๆ ไหลรินลงจอกนี้
มันมีเพียงแค่เขาที่จะดื่มสุรานี้ได้!
“พี่หวู่ ลองดื่มสุราของเย่หยวนผู้นี้ดูหน่อยสิ” เย่หยวนทำท่าเชิญด้วยรอยยิ้ม
หวู่ซ่งที่ได้ยินก็กลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ รู้สึกถึงความหิวกระหายในท้องไส้อย่างไม่อาจควบคุมได้
“นี่มัน… เช่นนั้นหวู่ผู้นี้ขอไม่เกรงใจแล้ว!”
หวู่ซ่งยกจอกนั้นขึ้นพร้อมดมกลิ่นของมันดูในระยะใกล้จนแทบจะล้มตัวลงนอน
หอมเกินไปแล้ว!
เขานั้นดื่มสุราเหล้ามากมายแต่ยังไม่เคยพบเจอสุราใดที่หอมหวนได้มากมายถึงปานนี้
คนทั้งหลายนั้นได้แต่มองดูหวู่ซ่งอย่างอิจฉาพร้อมน้ำลายที่ไหลลงนองพื้น
แต่ตอนนี้มันเป็นทางหวู่ซ่งเองที่ไม่กล้าที่จะดื่มหลังมันขึ้นมาถึงปากของตนแล้ว
ที่ด้านข้างหนิงเทียนปิงจึงได้กล่าวขึ้นด้วยท่าทางอิจฉา “ชิๆ สาดตะวันโอบแม้แต่นายท่านยังห้ามข้าดื่มเป็นเดือน เจ้าหนุ่ม เจ้านี่โชคดีจริงๆ!”
เย่หยวนจึงหันมาตวาดว่าทันที “เจ้าหมูนี่ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าแอบดื่มมันไปมากเท่าใด ยังจะมีหน้ามาวางท่าว่าไม่ได้ดื่มอีก? คิดว่าข้าจะไม่กล้ากระทืบเจ้าตรงนี้หรือ?”
หนิงเทียนปิงที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าท่าทางละอายออกมา “มันเพราะว่าอากาศหนาวนี้มิใช่หรือนายท่าน? หึๆ เพราะสุรานี้ของนายท่านยิ่งดื่มมันก็ยิ่งอร่อย! รุนแรงกว่าสุราดั่งฝันหลายเท่านัก!”
เย่หยวนได้แต่ส่ายหัวออกมาและไม่คิดจะสนใจหนิงเทียนปิงอีก
เมื่อมาถึงดินแดนอันหนาวเย็นเยือกนี้ ในเวลาครึ่งปีมานี้เย่หยวนจึงได้ใช้เวลาส่วนมากสืบหาข้อมูลและเวลาที่เหลือมาปรุงสุราสาดตะวันโอบนี้
แม้ว่าเย่หยวนจะไม่รู้สึกทรมานกับอากาศหนาวเย็นใดๆ แต่สุดท้ายมันก็ยังไม่อาจจะรู้สึกสบายได้ท่ามกลางอากาศเช่นนี้
เมื่อได้ดื่มสุรานี้ลงไปแล้วมันก็จะช่วยในเรื่องนั้นได้อย่างดี
“พี่หวู่ มันมิใช่ว่าจี้ผู้นี้ขี้เหนียวใดๆ แต่ท่านคงดื่มมันได้แค่จอกเดียวเท่านั้น มากกว่านี้ท่านจะได้เป็นลบสลบไป” เย่หยวนบอก
หวู่ซ่งยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน “น้องจี้ก็จะดูถูกหวู่ผู้นี้ไปแล้ว หวู่ผู้นี้ดื่มสุราแรงๆ นับพันจอกยังไหว ขนาดสุราเพลิงคลั่งนี้ข้าก็ยังดื่มมันหมดไปได้ถึงห้าไห”
พูดจบเขาก็ยกสุราในมือลงดื่มไปจนหมดในอึกเดียว
ดื่มหมดหวู่ซ่งก็แสดงสีหน้าท่าทางประหลาดออกมาทันที
เมื่อจางถูได้เห็นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ… ข้าบอกว่าอย่างไรเล่า? สาดตะวันโอบบ้าบอใด?! เทียบกับสุรา…”
“สุราดี!”
จางถูยังพูดไม่ทันจบเขาก็ถูกขัดขึ้นก่อนด้วยคำพูดสุดหนักแน่นของหวู่ซ่ง
“สุราดี! สุราดี! สุราดี! ของโคตรอร่อยเลย!”
หวู่ซ่งกล่าวคำพูดนี้ออกมาติดๆ กันด้วยท่าทางมึนๆ
จางถูที่เห็นจึงได้แต่ยืนนิ่ง เจ้าปล่อยให้ข้าพูดจบมันจะตายไหม?
แต่คนอื่นๆ นั้นไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปรีบถามหวู่ซ่งขึ้นมาทันที “พี่ชาย มันเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ใช่ รีบเล่ามาเร็ว!”
“ชิๆ ข้าล่ะอยากจะดื่มบ้างจริงๆ!”
…
สภาพของหวู่ซ่งในเวลานี้ดวงตาทั้งสองมันเริ่มปรือๆ ส่ายหัวไปมาพยายามตั้งสติให้ตื่นไว้
เมื่อทุกผู้คนได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเงียบปากลง
สุรานี้… แรงปานนั้น?
“ข้า… ข้าบอกไม่ถูก ไม่ว่าอย่างไรมันก็โคตรอร่อย!” หวู่ซ่งกล่าวขึ้นด้วยเสียงส่ายๆ
จางถูนั้นย่อมจะไม่ยอมแพ้และยิ้มตอบกลับไป “อร่อยแล้วมันทำไมเล่า? สุราเพลิงคลั่งของข้านั้นมันมีฤทธิ์แก้หนาว ดื่มเข้าไปหนึ่งไหแล้วจะไม่ต้องใช้ปราณเทวะกันความหนาวไปอีกสามวัน! ไม่ว่าเจ้าจะมีสุราที่หอมหวนปานใดมันก็ไม่มีทางเทียบสุราเพลิงคลั่งของข้าได้!”
พูดไปเขาก็แสดงสีหน้าท่าทางภาคภูมิออกมา
เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของสุราเพลิงคลั่งนี้มันมิใช่ความอร่อยหอมหวน แต่เป็นเรื่องช่วยสร้างความอบอุ่น!
ในแดนที่หนาวเหน็บเช่นนี้ มันย่อมจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก
ส่วนเรื่องความอร่อยใดๆ นั้นมันเป็นแค่เรื่องรอง
แต่เขายังพูดไม่ทันขาดคำทางหวู่ซ่งก็พรวดลุกขึ้นยืนแกะเสื้อนอกตนออกทิ้งพร้อมตะโกนลั่น “ร้อน! ร้อนโว้ย!”
……………………