ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างหน้าซีดขาวลง นี่มันคือการต่อต้านอาจารย์จี้มิใช่หรือ?
ทุกผู้คนในที่นี้ต่างเข้าใจว่าในทุ่งราบสุดอุดรนี้อาจารย์จี้นั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ ต่อให้เป็นหอเมฆาน้ำแข็งก็ยังได้แต่ต้องก้มหัวให้อย่างจนตัว
ส่วนทางเฟิงเทียนหยางนั้นเองก็เป็นถึงยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งทุ่งราบสุดอุดร เป็นยอดคนสวรรค์ส่ง มหาอำนาจที่ก้าวเข้าใกล้อาณาจักรเทพสวรรค์เต็มที
สองเทพนี้จะปะทะกันแล้วอย่างนั้นหรือ?
ทางเทพสวรรค์เซียวหยูนั้นได้แต่ขมวดคิ้วแน่น “เทียนหยาง อาจารย์จี้ท่านนั้นเป็นยอดคนมีอำนาจเหนือล้น ข้าเกรงว่า… ทำเช่นนี้มันจะไม่เหมาะสมหรือไม่?”
เฟิงเทียนหยางนั้นเป็นคนที่มีนิสัยโอหังวางตัวเหนือผู้คนเป็นชีวิต “มีอะไรไม่เหมาะสม? ข้านั้นคิดอยากเจอจี้ฉิงหยุนผู้นี้มาแสนนานแล้ว ข้าแค่อยากจะเห็นว่ามันจะเก่งกาจเหมือนที่เขาเล่ากันหรือไม่”
เขานั้นมิใช่นักหลอมโอสถ ไม่รู้วิชาการโอสถใด ๆ แน่นอนว่าย่อมจะไม่เข้าใจว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจเช่นใด
ในสายตาของเขาแล้วไม่ว่าอาจารย์จี้ผู้นี้จะเก่งกาจปานใด หากตัวเขาไม่อาจใช้งานได้ มันก็ย่อมจะไม่มีค่าใด ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือผู้อื่นมันย่อมจะมีประโยชน์ใด ๆ กับตัวเขา
ในเมื่อเขาคิดจะหาทางพบเจออาจารย์จี้คนนี้อยู่แล้ว นี่มันก็เป็นโอกาสที่ดี ทำไมจะไม่ใช้มันเล่า?
ส่วนเรื่องว่าชายหญิงใต้ชายคาเดียวกันนั้นเฟิงเทียนหยางย่อมจะไม่คิดกังวลใด ๆ
ในแดนสุดอุดรนี้ไม่มีใครกล้าที่จะแตะต้องผู้หญิงของเขา เฟิงเทียนหยาง
เมื่อเห็นว่ากู้หงไม่ยอมตอบใด ๆ กลับมาเฟิงเทียนหยางก็ถามขึ้น “เป็นอะไรไปกู้หง? ไม่ได้ยินคำของข้าหรือ?”
ในเวลานี้เฟิงเทียนหยางไม่คิดจะพูดจาสุภาพใด ๆ อีกต่อไป
เมื่อได้พูดกับเทพสวรรค์กู้หงนี้ ตัวเขากลับไม่เรียกท่านเรียกผู้อาวุโสใด ๆ และกล่าวนามของเขาออกมาห้วน ๆ
กู้หงเองก็ผงะไปทันทีที่ได้ยิน ชุมวายุไพศาลนั้นมีกำลังเหนือล้ำเขาไม่อาจจะไปลบหลู่ท้าทายเฟิงเทียนหยางด้วยตัวคนเดียวได้
ในหมู่ค่ายสำนักของทุ่งราบสุดอุดรนั้นคนทั้งหลายต่างรู้และเข้าใจดีว่าใครมีอำนาจเหนือกว่าใคร
และยอดกองกำลังอย่างชุมวายุไพศาลนั้นมันมีกำลังที่เหนือล้ำกว่าคนทั้งหลายไปอย่างมากมาย ไม่อาจจะลบหลู่ว่ากล่าวหรือขัดขืนใด ๆ ได้
ในทุ่งราบสุดอุดรนี้ การที่กองกำลังหนึ่งจะกลืนกินกองกำลังอื่นมันเกิดขึ้นได้มิใช่เรื่องแปลก
การที่ชุมวายุไพศาลมีอำนาจยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้มันก็เพราะว่าเทพสวรรค์ห่าวเฟิงนั้นทำสงครามขยายดินแดนกับผู้มีอำนาจโดยรอบ
และมันก็เพราะเช่นนั้นเองที่เทพสวรรค์ห่าวเฟิงจึงจะกล้าทำตัวโอหังวางท่าเหนือผู้คน มีกำลังเหนือล้ำสุดอุดร เฟิงเทียนหยางที่เป็นลูกชายจึงได้มีความมั่นใจว่าตนจะทำอะไรก็ได้ดินแดนนี้
เทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นหวาดกลัวเย่หยวนอย่างมากจึงได้แต่กล่าวเตือน “เทียนหยาง อาจารย์จี้นั้นเป็นคนเย่อหยิ่งมาก ข้าเกรงว่า…”
เฟิงเทียนหยางนั้นได้แต่หัวเราะขึ้น “เกรงว่าอะไรเล่า? ผู้อาวุโสปิงหยุนท่านกลัวว่าตนเองจะไม่มีโอสถใช้หรือ? วางใจเถอะ ด้วยการแต่งงานของข้ากับลู่เอ๋อแล้วมีหรือที่ข้าจะไม่ดูแลบ้านแม่เมีย? ผู้อาวุโสเซียวหยู เรื่องโอสถของหอเมฆาน้ำแข็งในวันหน้าท่านจัดการได้ใช่หรือไม่?”
เทพสวรรค์เซียวหยูนั้นได้ยินและเข้าใจทันทีว่าเฟิงเทียนหยางนั้นคิดจะจัดการจี้ฉิงหยุนเพื่อเป็นตัวอย่างแก่ทุกผู้คน!
เพียงแค่ว่าเฟิงเทียนหยางนั้นมีนิสัยไม่ต่างจากพ่อ เป็นคนที่ไม่อาจขัดใจได้เขาจึงได้แต่ต้องตอบรับมา “ย่อมไม่เป็นปัญหา!”
หลังจากเทพสวรรค์ปิงหยุนได้ยินเช่นนั้นนางก็ยิ้มตอบกลับมา “เช่นนั้น… ข้าคงต้องขอบคุณเจ้ามากหลานเทียนหยาง!”
เฮ่อเซียงหยุนที่ได้ยินก็ยิ้มปริ่มขึ้นมาก่อนจะเดินไปกระซิบด้านหลังเทพสวรรค์ปิงหยุน “ท่านอาจารย์ เจ้าอาจารย์จี้นั้นมันโอหังอวดตัว ท่านต้องจัดการมันให้ข้านะ!”
วันนั้นหลังจากนางส่งตัวลู่เอ๋อไปแล้วนางก็กลับมาถึงหอพร้อมรอยแดงบนใบหน้าและจนถึงวันนี้ความเจ็บปวดนั้นมันก็ยังไม่จางหายไปดี
หลังจากที่เฮ่อเซียงหยุนมองซ้ายมองขวาดูนางก็ได้แต่เข้ามาร้องร่ำบอกเทพสวรรค์ปิงหยุนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แม้ว่าทางเทพสวรรค์ปิงหยุนนั้นจะโกรธแค้นมาก แต่นางจะกล้าลบหลู่ท้าทายเย่หยวน? นางจึงได้แต่ต้องกลืนความเจ็บแค้นใด ๆ ลงไปและส่งตัวหยางเฟยออกไปดูแลเรื่องราวแทน
แต่ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว!
เทพสวรรค์ปิงหยุนจึงกล่าวขึ้นตอบ “หากเป็นเช่นนั้นแล้วเจ้าก็ไป เดินทางไปกับเทพสวรรค์กู้หงและพวก หากเจ้าเย่หยวนนั้นกลับขัดคำสั่งของหลานเทียนหยาง เจ้ารีบจัดการมันลงทันทีและพามันกลับมานี่!”
เทพสวรรค์กู้หงที่ได้ยินต้องหันหน้ากลับมาร้องบอก “ปิงหยุน ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเจ้าคิดจะไม่ไว้หน้าเทพสวรรค์ผู้นี้แล้ว?”
“หึ! กู้หง เจ้าคิดว่าเฟิงผู้นี้ไม่มีตัวตนหรือ?” เทพสวรรค์ปิงหยุนยังไม่ทันจะตอบอะไรทางเฟิงเทียนหยางก็ตอบขึ้นมาแทน
เทพสวรรค์กู้หงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
ทางเทพสวรรค์ปิงหยุนเองก็ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก เดิมทีนางคิดไปว่าเฟิงเทียนหยางอาจจะแค่เห็นลู่เอ๋อเป็นของเล่นไม่สนใจมากมาย แต่หากดูสภาพตอนนี้แล้ว เขาคงให้ความสำคัญกับลู่เอ๋อไม่น้อย
ด้วยกำลังของชุมวายุไพศาล ใครจะยังมากลัวชุมเก้าสายนี้?
“เซียงหยุน จะยังยืนนิ่งทำไมอีก?” เทพสวรรค์ปิงหยุนบอก
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฮ่อเซียงหยุนก่อนที่นางจะรีบเดินตามเทพสวรรค์กู้หงออกไป
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นต่างได้แต่นั่งนิ่ง ดูท่าแล้วพวกเขาคงไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวมันจะบานปลายใหญ่โตได้ปานนี้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าลบหลู่ท้าทายอาจารย์จี้ แต่ทางเฟิงเทียนหยางคงไม่ได้คิดเช่นนั้น
ทุกผู้คนต่างรู้ดีว่าเฟิงเทียนหยางนั้นเป็นคนเอาแต่ใจตนมากเพียงใด เขาคงคิดจะเก็บจี้ฉิงหยุนไปใช้งานเอง
หากเขาทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนไม่ได้ เขาก็คงจะทำลายอีกฝ่ายทิ้ง
แม้ว่าทุกผู้คนจะเสียดาย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะขัดขวางใด ๆ
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียนี่ก็คือยอดกองกำลังที่เหนือล้ำที่สุดในทุ่งราบสุดอุดรนี้
สุดท้ายแล้วจี้ฉิงหยุนก็เป็นได้แค่เทพถ่องแท้
ต่อให้จะเป็นแค่เฮ่อเซียงหยุน ลำพังตัวเขาก็คงไม่อาจต้านทานนางได้
…
เฮ่อเซียงหยุนนั้นสะใจที่จะได้แก้แค้นแก่เย่หยวนอย่างมาก
นางนั้นอยู่ในชุมเก้าสายมาอย่างยาวนานและไม่เคยจะได้รับความอัปยศอดสูมากมายขนาดนี้มาก่อน
นางนั้นเป็นคนมีนิสัยคิดเล็กคิดน้อย เรื่องราวเล็กน้อยปานใดหากมีทางแก้แค้นนางก็จะไม่มีทางปล่อยมันผ่านไป ตอนนี้เมื่อมีโอกาสแล้วมีหรือที่นางจะไม่คิดเอาคืนใด ๆ?
ก่อนหน้านี้ที่นางไม่กลับทำอะไรก็เพราะเทพสวรรค์กู้หงเรื่องหนึ่ง ทั้งยังเรื่องที่เย่หยวนนั้นมีอำนาจเหนือล้ำดินแดนจนนางไม่กล้าจะลบหลู่ท้าทายใด ๆ
แต่ตอนนี้เมื่อมีเฟิงเทียนหยางนำทางให้ มีหรือที่นางจะเกรงกลัว?
แค่ตัวเย่หยวน ต่อให้จะหลอมโอสถได้เก่งกาจแล้วทำไม?
ด้วยพลังของเทพถ่องแท้เก้าดาวนี้ นางจะเกรงกลัวใด ๆ เย่หยวนอีก?
“ท่านอาจารย์ เฟิงเทียนหยางแห่งชุมวายุไพศาลมาถึงแล้ว เขากล่าวบอกว่าให้ท่านส่งแม่นางลู่เอ๋อออกมา แล้วก็… แล้วก็…”
พูดมาถึงตรงนี้เทพสวรรค์กู้หงก็ไม่อาจจะกล่าวใด ๆ ได้อีกต่อไป
ในเวลานั้นทางเฮ่อเซียงหยุนที่ตามติดมาใกล้จึงอดหัวเราะขึ้นไม่ได้และกล่าวพูดขึ้นแทน “จี้ฉิงหยุน ออกมาหาแม่เจ้าเดี๋ยวนี้! ท่านเทียนหยางสั่งให้เจ้าพานางกะหรี่นั่นออกมาขอโทษท่านบัดเดี๋ยวนี้!”
เทพสวรรค์กู้หงที่ได้ยินต้องขมวดคิ้วแน่น เปิดปากคิดจะพูดแต่เสียงกลับไม่ออกมา
เพราะชุมวายุไพศาลนั้นยิ่งใหญ่ไพศาล ตัวเขากู้หงแค่คนเดียวไม่กล้าที่จะไปท้าทาย!
แต่ทว่ามันกลับไม่มีเสียงตอบรับ
เฮ่อเซียงหยุนเองก็ดูท่าไม่มีความอดทนหลงเหลือใด ๆ ไม่ตอบนี่แหละยิ่งดี
หากจี้ฉิงหยุนยอมออกมารับง่าย ๆ นางก็ไม่มีโอกาสจะเอาคืนสิ
“ผู้อาวุโสกู้หง ข้าว่าท่านก็น่าจะได้ยินคำของท่านเทียนหยาง ตอนนี้มันเป็นทางจี้ฉิงหยุนที่ไม่ให้เกียรติท่านเทียนหยาง อย่าได้กล่าวว่าเซียงหยุนไม่มีมารยาทเลย!”
พูดจบทางเฮ่อเซียงหยุนก็กำลังจะเข้าไปพังประตูลง
แต่ทางเทพสวรรค์กู้หงกลับตะคอกออกมา “หยุดมือ! มีหรือที่ท่านอาจารย์จะเป็นคนที่ถูกเจ้าลบหลู่ได้?”
เฮ่อเซียงหยุนที่ได้ยินต้องหน้าซีดขาวลง แต่นางนั้นไม่ได้กลัวมากมายใด ๆ จึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสกู้หง ท่านเองก็เป็นถึงเทพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ กลับไปกราบเทพถ่องแท้เช่นนั้นเป็นอาจารย์? ตอนนี้ท่านเทียนหยางนั้นคิดจะจัดการกับจี้ฉิงหยุนแล้ว ด้วยกำลังของชุมวาโยไพศาลท่านคิดว่ากำลังของตนแค่คนเดียวจะรับมือใด ๆ ได้?”
พูดจบเฮ่อเซียงหยุนก็ยิ้มเย้ยออกมา
ด้วยชื่อของเฟิงเทียนหยางแล้วมีหรือที่นางจะมากลัวเทพสวรรค์กู้หงใด ๆ?
เทพสวรรค์กู้หงได้แต่ยืนนิ่งหน้าถอดสีจนสุดท้ายเขาก็กล่าวขึ้น “เจ้าอยู่ตรงนี้รอเทพสวรรค์ผู้นี้ หากเจ้ากล้าทำอะไรรุนแรงเทพสวรรค์ผู้นี้จะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่!”
พูดจบเขาก็เดินเข้าไปกำลังจะผลักประตูออกเพื่อเข้าไปด้านใน
แต่ในเวลานั้นเองที่ประตูของโถงมันกลับถูกเปิดออกมาเผยให้เห็นเงาร่างหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมา
เมื่อเฮ่อเซียงหยุนได้เห็นเย่หยวนนางก็ย่อมจะยิ่มเย้ยออกมาก่อนจะชี้นิ้วว่า “ข้าก็นึกว่าเข้ามันจะเป็นคนหนักแน่นไม่ยอมคน ยอมหักไม่ยอมงอ ที่ไหนได้… เจ้ามันก็แค่หมาขี้แพ้! เรียกลู่เอ๋อออกมาเดินทางไปกับข้าเดี๋ยวนี้!”
นั่นทำให้เย่หยวนต้องยิ้มรับออกมาอย่างเย็นเยือก แต่ละก้าวเท้าของเขานั้นหนักหน่วงพร้อมด้วยคลื่นพลังที่พุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ
………………………….