ธิชานั้นแทบหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว จึงต้องยอมตามเขามาที่สนามม้า
ถึงแม้จะเป็นสุดสัปดาห์ แต่ลูกค้าในสนามม้านั้นกลับมีไม่เยอะ มีหลายคนที่เดินเข้ามาทักทายกับดนัยกฤตด้วยตนเองต่างก็เป็นคนแปลกหน้าทั้งนั้น ธิชาไม่เจอคนรู้จักเลย ค่อยๆ ลดการหวาดระแวงลง ความรู้สึกอึดอัดนั้นไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้นแล้ว
ดนัยกฤตไปเลือกม้าเป็นเพื่อนเธอ ภายใต้คำแนะนำของเขา ธิชาได้เลือกม้าดีที่มีขนสีขาวตัวหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นม้ามีชื่อที่เคยชนะการแข่งขันระดับใหญ่มาแล้วหลายครั้ง
ธิชาคิดว่าต่อไปม้าที่ห้าวหาญแบบนี้จะต้องไปอยู่กับเธอ มันช่างไม่เป็นธรรมกับมันซะเลย มันช่างเสียของจริงๆ
ทั้งๆ ที่ในสนามม้านั้นมีคนที่คอยฝึกสอนม้าที่สามารถช่วยจูงม้าให้เธอ คุ้นชินกับการขี่ม้าก่อน
แต่คุณดนัยกฤตก็ยังแสดงความใส่ใจ จะรับหน้าที่นี้เอง ยืนกรานที่จะขี่ไปพร้อมกับเธอ
น้ำหนักของทั้งคู่กดทับลงไปบนม้าที่เยาว์วัย ธิชาก็ยิ่งปวดใจมากกว่าเดิม
การที่ทั้งคู่ขี่ม้าไปด้วยกันนั้น เป็นภาพที่ดูเข้ากันได้ดี ถึงแม้ว่าสำหรับธิชา……แขนทั้งสองข้างของดนัยกฤตห้อมล้อมอยู่ที่เอวของเธอ จับเชือกที่อยู่ตรงหน้า ท่วงท่านี้มันดูจะคลุมเครือไปนิด แต่การที่คนสองคนมาขี่ม้าตัวเดียวกันนั้น มันก็ไม่มีทางเลือก
ถ้าจะให้เธอเป็นคนจับเชือก แล้วให้ดนัยกฤตที่อยู่ข้างหลังกอดเอวของเธอไว้ก็คงไม่ได้
ถ้าคนที่ผ่านไปผ่านมาเห็นเข้า ก็คงจะหมดคำพูดกันเลย
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เห็นดนัยกฤตทำตัวเรียบง่าย ออกมาขี่ม้ารับแดด
ที่แท้ก็ออกมาพลอดรักกับคนรักนี่เอง มันก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลย
ครั้งล่าสุดที่ธิชาขี่ม้าก็เมื่อหลายปีก่อนแล้ว รู้สึกไม่คุ้นชินเลย พอขึ้นไปบนม้า ก็ต้องตื่นเต้นอย่างช่วยไม่ได้
การที่เธอรู้สึกตื่นเต้นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยกับม้า ที่อยู่เบื้องล่าง ส่วนอีกสาเหตุนั้นก็ต้องโทษผู้ชายที่เกาะติดอยู่ตรงกระดูกสันหลังของเธอ……
ดีที่ดนัยกฤตเป็นคนที่เอาใจผู้หญิงเก่งในระดับกลางๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าธิชากำลังเขินอายอยู่ แต่เขาก็ยังจงใจกอดเอวของเธอไว้ ท่าทางที่ทั้งคู่แสดงออกมานั้นดูใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ในขณะที่ความเร็วของม้าเร็วขึ้น ก็ยังไม่ลืมที่จะพูดหยอกล้อกัน
เมื่อธิชาว่อกแว่ก ก็รู้สึกถึงความตื่นเต้นได้ไม่มากเท่าไหร่
ดนัยกฤตขี่วนอยู่ในสนามม้าไปหลายรอบ จนกระทั่งใกล้เที่ยง แสงแดดก็แสบตาขึ้นเรื่อยๆ
เขาถามธิชาว่าเหนื่อยรึยัง ธิชาที่ตากแดดจนเหงื่อเริ่มออกแล้ว จึงได้พยักหน้าไป บอกว่าทั้งเหนื่อยทั้งหิว อยากไปกินข้าวเที่ยงแล้ว
ดนัยกฤตก็หันหัวแล้วควบม้ากลับไป หลังจากที่ลงจากม้า เขาก็พบกับคนรู้จักเข้าคนหนึ่ง
ชายที่ยืนทำตัวเหมือนผู้ดีอยู่ตรงหน้า และพิจารณาธิชาจากหัวจรดเท้าเป็นพักๆ บางทีอาจเป็นเพราะไม่เคยเห็นดนัยกฤตพาผู้หญิงคนไหนมาทำเรื่องผ่อนคลายโดยการขี่ม้าเลย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจในความเรียบง่ายนี้
แต่ธิชาก็ยืนอยู่ข้างเขา ถูกชายคนนั้นจ้องจนเริ่มทำตัวไม่ถูก
ดนัยกฤตขยี้ผมเธอราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย น้ำเสียงก็ฟังดูใส่ใจรักใคร่มากเป็นพิเศษ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะครับ เปลี่ยนเสร็จแล้วเราก็ไปกินข้าวกัน
ธิชาจึงถือโอกาสนี้ชิ่งไป และตรงไปที่ห้องเปลี่ยนชุดเพื่อถอดชุดขี่ม้าออก
ถึงแม้จะเป็นหน้าหนาว แต่หลายวันมานี้อุณหภูมิก็ไม่ได้ต่ำ บวกกับตอนนี้เป็นตอนเที่ยง ธิชาจึงรู้สึกแค่ว่ามันร้อน หลังจากที่ถอดชุดขี่ม้าออกแล้ว เธอก็ใส่เสื้อกันหนาวกับกางเกงขาสั้นอย่างง่ายๆ และไม่ได้ถอดรองเท้าบูตออก
เธอเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด จัดระเบียบผมของตัวเองที่หน้ากระจก ตัวเธอในกระจกนั้นยังคงหน้าซีดอยู่
วันปกติธิชาจะไม่แต่งหน้า แต่ก็รู้สึกว่าสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่ จึงได้หยิบลิปสติกออกมาเติมปากสักหน่อย
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงอันแหลมคมที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ไพลินสวมชุดขี่ม้าที่ใหม่เอี่ยม ผมยาวๆ ถูกรวบขึ้น เชิดคางได้สูงมาก สีที่ริมฝีปากนั้นแดงจนแสบตา พร้อมกับแสดงท่าทางที่ไม่เห็นหัวใครเลย แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสบแก้วหูว่า เมืองJนี่มันช่างแคบจริงๆ เลยนะคะ ไม่เจอกันหลายวัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้มาพบกับคุณธิชาอีกครั้งในสนามขี่ม้าแบบนี้
สีหน้าของธิชานั้น ซีดมากยิ่งกว่าเดิม มันไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้อย่างเดียว แต่เป็นการที่ผู้หญิงคนนี้มาปรากฏตัวในที่แบบนี้ เหมือนจะรู้ว่า……ธิชานั้นอยู่ที่สนามขี่ม้า?
ความสงสัยแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจ
ไพลินรออยู่ตั้งนาน เห็นเธอไม่พูดอะไร ในใจนั้นก็ยังคงจดจำภาพตอนที่เธอถูกตัวเองจงใจเหยียบย่ำอย่างแสนสาหัสได้เป็นอย่างดี
เส้นโค้งที่มุมปากของเธอนั้นกว้างขึ้นกว่าเดิม จ้องมองธิชาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม
แหม๋ ไม่เจอกันแค่กี่วันเอง ความสามารถในการยั่วของคุณธิชานี่ยิ่งอยู่ยิ่งถนัดแล้วนะคะเนี่ย รังไข่พักไปแค่ไม่กี่วันเองใช่มั้ย แล้วนี่มันก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว จนถึงขั้นดูเด่นสง่ายิ่งกว่าเก่าซะอีก ในแวดวงของคนดังเขารู้กันไปทั่วแล้ว หลังคุณธิชานั้นออกจากตระกูลธนาภูวนัตถ์ ก็พบกับคนใหญ่คนโตเข้าคนหนึ่ง ขอเสียมารยาทถามหน่อยนะคะ ว่าตอนนี้ค่าตัวของคุณธิชานั้นเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้ว่าจะเทียบกับนางโลมอันดับหนึ่งอย่างณิชานาฎได้แล้วรึยัง?
ธิชารู้สึกเจ็บใจ อยากหัวเราะแต่ก็หัวเราะออกมาไม่ได้
คำๆ นี้ไม่เพียงแค่เยาะเย้ยเธอ มันยังเป็นการเหยียดหยามแม่ของเธอด้วย ว่าเป็นแค่เครื่องอันมีค่าที่ธาวินเลี้ยงไว้เท่านั้น แค่ใช้ปากกับลิ้นก็สามารถฆ่าคนได้แล้ว
แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เห็นค่าศักดิ์ศรีอันทรงเกียรติพวกนั้นไปนานแล้ว
ธิชายิ้มออกมาอย่างเกร็งๆ ค่าตัวของฉันคุณไม่ต้องอยากรู้หรอกค่ะ เพื่อที่คุณไพลินจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดหวัง จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
นี่___ ไพลินนึกไม่ถึงว่าธิชาจะเถียงกลับ สายตาจึงเหี้ยมโหดยิ่งขึ้นทุกที เธอก้าวเท้าไปขวางทางของธิชาเอาไว้เหลือกตาจนตาแทบถลนออกมาแล้ว
ทำไมผู้หญิงอย่างเธอถึงได้เลวทรามได้ขนาดนี้! เพิ่งไปจากคุณชายแค่กี่วันเอง พอเห็นเศรษฐีหน้าโง่เข้าก็อดใจไม่ไหวแล้วใช่มั้ย? เธอมันเลวขนาดนี้ ดนัยกฤตจะทำให้เธอพอใจได้เหรอ? แหม๋ๆ ……หรือฉันกังวลมากไป ผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อขายตัวอย่างเธอ แค่ลีลาที่อ้าขาออกก็ทำให้ผู้ชายดีอกดีใจแล้วมั้ง ถ้าไม่ใช่เข้าหาด้วยลีลาบนเตียง แล้วดนัยกฤตจะไปสนใจของกากๆ อย่างเธอได้ยังไง!