ศึกเดือด มหากาฬ – บทที่ 9 ฆ่าไม่มีละเว้น

บทที่ 9 ฆ่าไม่มีละเว้น

คำพูดนี้ของแกมันหมายความว่าอะไร? หลินเจิ้นหลงขมวดคิ้ว

เขาพอจะเดาได้แล้วว่าหลินเทียนเชิงทำอะไรลงไป แต่แล้วมันจะยังไง ?

คุณชายตระกูลหลินอยากจะทำอะไร ก็ควรจะได้ทำ เทพเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่ง !

ตุ้บ ๆๆ ……

ยิ่งเฉินอีเดินเข้าไปใกล้มาเท่าไหร่ เสียงเท้าของเขาก็ยิ่งดูมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ

วันนี้ผมไม่ได้ต้องการอะไรอย่างอื่น ผมต้องการเพียงทวงความยุติธรรมให้กับภรรยาและลูกเท่านั้น

หลินเทียนเชิงรังแกภรรยาและลูกของผม ความผิดนี้สมควรตาย !

ทันใดนั้นเสียงของเฉินอีก็ดังสนั่นไปทั่ว

ความโกรธของหลินเจิ้นหลงปะทุขึ้นมาเช่นเดียวกัน ไอ้หนุ่ม แกรู้ว่าคนที่แกมาหยามด้วยเป็นคนระดับไหนหรือเปล่า ?

ตระกูลหลินของพวกเราเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงชวน ส่วนน้องสามของฉันก็เป็นถึงผู้บัญชาการของหน่วยทหารเขตตะวันตกเฉียงใต้ พวกแกคิดจะก่อกบฏงั้นหรอ?!

คำพูดแทงใจ

เขาไม่เชื่อหรอกว่าถ้าแอบโยกย้ายตำแหน่งของน้องสามแล้ว ผู้ชายที่ไม่กลัวตายคนนี้จะยังกล้าโอหังต่อไปได้อีก

แต่ว่า!

เฉินอีกลับยิ้มเยาะออกมาก่อนจะเอ่ยปากพูด

ให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง ให้คุณเรียกผู้ช่วยทั้งหมดที่คุณพอจะเรียกได้ให้มาที่นี่

ผมอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเป็นที่พึ่งแบบไหนกัน ถึงได้ทำให้ตระกูลหลินของคุณกล้ามาสร้างความอัปยศให้กับภรรยา และรังแกลูกของผม !

บูม!

คราวนี้ หลินเจิ้นหลงถูกยั่วโมโหจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว เขาจ้องเฉินอีเขม็ง พูดด้วยเสียงแหบ: ดี ดี ไอ้หนุ่มทำได้ดีมาก ในเมื่อแกอยากรนหาที่ตาย อย่างนั้นฉันก็จะสนองให้แล้วกัน

ผู้ช่วย?ตลกสิ้นดี!

ตระกูลหลินของเราตั้งรกรากในเมืองชิงชวนมากว่าสิบปี ไอ้สวะอย่างแกกลับกล้ามาดูถูกอย่างนั้นหรอ ?

แกฆ่าลูกชาย ฆ่าน้องรองของฉัน บัญชีเลือดนี้จะต้องใช้ชีวิตแกมาชดใช้ !

บุก ฆ่าอย่าให้เหลือ!

หลินเจิ้นหลงถูกกระตุ้นจนหน้ามืดตามัว เขาโบกมือแล้วนำผู้อาวุโสทั้งห้ากระโจนเข้าไปหาเฉินอี

ตาย!

คนที่อยู่หน้าสุดคือท่านผู้อาวุโสสี่ เขาที่เดิมที่เป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นกับตาว่าผู้สืบทอดของตระกูลถูกฆ่าตาย ถึงได้โกรธมากขนาดนี้

หมัดที่สามารถทำลายภูเขาและแม่นำตวาดเข้าไปหาเฉินอี

ทว่าวินาทีต่อมา เฉินอีเพียงยกมือขึ้นมาก็สามารถกำหมัดอันทรงพลังนั้นเอาไว้ได้อย่างสบายๆ จนทำให้คนจำนวนมากถึงกับสั่นสะท้าน

ท่านผู้อาวุโสสี่เองก็ถึงกับเบิกตากว้างเช่นกัน

เขาเป็นถึงปรมาจารย์ชื่อดังในเมืองชิงชวน พลังการต่อสู้สะท้านไปทั่วสารทิศ

แต่เมื่ออยู่ในมือของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย?

ส่วนเฉินอีแน่นอนว่าไม่ได้สนใจกับความตกใจของพวกมดตัวเล็กอยู่แล้ว พร้อมกับเพิ่มแรงขึ้นกดหมัดนั้นของท่านผู้อาวุโสสี่จนแหลก ทันใดนั้นทุกคนในตระกูลหลินต่างรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมา

นั่นเป็นถึงท่านผู้อาวุโสสี่ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้อาวุโสเชียวนะ แล้วจะมาถูกผู้ชายนิรนามตรงหน้าคนนี้ทำร้ายได้อย่างไร ?

แต่ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว เฉินอีก็ใช้มืออีกข้างขัดขวางผู้อาวุโสห้าที่แอบโจมตีเข้ามาแล้วบีบขาของผู้อาวุโสห้าจนแหลกเป็นชิ้น !

คราวนี้ กลุ่มคนเหล่านั้นของตระกูลหลินก็ไม่สามารถที่จะสะกดความรู้สึกของตัวเองต่อไปได้อีกแล้ว

ในระยะเพียงไม่กี่วิ สองในห้าผู้อาวุโสของตระกูลหลินก็ได้ถูกกำจัดทิ้งไปแล้วสองคนจนต้องลงไปนอนคร่ำครวญอยู่บนพื้น

แก แก แก!

ผู้อาวุโสตระกูลหลินที่เหลืออีกสามคนตอนนี้ไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้อีก

ผู้ชายคนนี้มันคืออะไรกันแน่?!

ผู้อาวุโสของตระกูลหลินสองคนทำไมถึงได้ถูกกำจัดได้อย่างง่ายแบบนี้!?

เฉินอียิ้มเยาะแล้วระเบิดหัวของทั้งสองที่อยู่บนพื้นทันที

แพล็บ!

เลือดเนื้อสาดกระเด็นออกมา

จิตสังหารอันรุนแรง!

เฉินอีในตอนนี้ราวกับเป็นเทพแห่งการสังหารที่กำลังเดินออกมาจากภูเขาซากศพทะเลเลือด จนทำให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหลินต่างหวาดกลัว

เหล่าปรมาจารย์จำนวนมากของตระกูลหลินเองก็ไม่ต่างกัน

โดยเฉพาะ หลินเจิ้นหลง

เขารู้เรื่องความสามารถของผู้อาวุโสทั้งสองเป็นอย่างดี ว่าในเมืองชิงชวนพวกเขาเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการต่อสู้เลยทีเดียว

แต่เมื่ออยู่ในกำมือของเฉินอี แม้แต่กระบวนท่าเดียวกลับไม่สามารถสู้ได้ด้วยซ้ำ

ผู้ชาย ผู้ชายคนนี้น่าเกรงขามขนาดนี้เชียวรึ!

เดิมทีคิดว่าเขาเป็นเพียงชายนิรนามคนหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้หลินเจิ้นหลงไม่สามารถสบประมาทเขาได้อีกแล้ว

ท่านผู้อาวุโสใหญ่ พวกท่านรีบกลับมาก่อนเถอะ!

หลินเจิ้นหลงร้องตะโกนออกไป

ผู้อาวุโสทั้งสามไม่กล้าที่จะลังเล รีบกลับไปยังฐานทัพของตระกูลหลินอย่างรวดเร็ว แต่ว่าผู้อาวุโสสามที่อยู่ด้านหลังสุดกลับถูกเฉินอีจับเอาไว้ก่อน แล้วถูกเตะลงไปที่กระดูกขาทำให้ต้องล้มลงไปคลานกับพื้นอย่างกับเศษสวะ

ฉิบหาย!

ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็โกรธจัด แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะก้าวไปหาเฉินอีเลยแม้แต่ก้าวเดียว เพราะเมื่อต้องเผชิญกับผู้ชายคนนี้พวกเขาต่างสูญเสียความกล้าไปหมดแล้ว

เฉินอียิ้มออกมา

เห็นคนในครอบครัวของตัวเองเป็นแบบนี้ พวกคุณก็โกรธมากไม่ใช่หรอ ?

ถ้าอย่างนั้น แล้วผมล่ะ?

คนในครอบครัวของผม พวกเธอสมควรได้รับการทรมานงั้นหรอ ?!

สายตาของเขาเป็นเหมือนกับใบมีดที่คมกริบกำลังแทงทะลุตัวของตระกูลหลินทุกคน

คราวนี้หลินเจิ้นหลงเข้าใจสักที

เมื่อคิดถึงเจ้าเด็กหลินเทียนเชิงที่หลงใหลในการรังแกใช้กำลังผู้อื่น แย่งชิงภรรยาของคนอื่น สุดท้ายดันมาเจอกับเฉินอีเข้า

เจ้าเด็กได้สร้างศัตรูตัวฉกาจให้กับตระกูลแล้วสิ!

เขาเข้าใจดีว่ายอดมนุษย์ที่จะมีพลังระดับนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการนี้ ก็ต้องเป็นนักฆ่าในหน่วยทหาร

ตอนนี้หลินเจิ้นหลงรู้สึกได้สติขึ้นมาไม่น้อย

ตอนนี้พวกเขาได้สูญเสียผู้อาวุโสไปถึงสองคนติดต่อกัน ขณะที่ชีวิตของผู้อาวุโสสามก็ตกอยู่ในอันตราย หากยังเรื่องผิดแบบนี้ต่อไป เกรงว่าตระกูลหลินจะได้รับความเสียหายอันมหาศาลแน่ และถึงแม้ว่าสุดท้ายจะชนะสงครามครั้งนี้ แต่กองกำลังที่พุ่งเป้ามายังตระกูลหลินคงจะมีไม่น้อย

และเมื่อกำลังของตระกูลหลินเสื่อมถอย พวกหมาป่าที่รอขย้ำคงจะไม่มีทางปล่อยพวกเขาไม่ง่ายๆ แน่ พอถึงเวลานั้นตระกูลก็คงจะหมดสิ้นลงที่รุ่นของเขาแล้ว

หลังจากที่คิดไตร่ตรองไปมา หลินเจิ้นหลงก็ทำการตัดสินใจสักที

สหายท่านนี้ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าผมไม่รู้เรื่องที่เจ้าเด็กนอกรีตคนนั้นได้ทำลงไป ทั้งหมดนี้ถือเป็นความผิดของตระกูลหลินจริงๆ เจ้าเด็กนอกรีตนั้นสมควรตายถูกแล้ว

แต่ตอนนี้ตระกูลหลินของพวกเราก็ได้ชดใช้อย่างสาสมแล้ว เอาเป็นว่าพวกเราถอยกันคนละก้าว ให้เรื่องนี้จบลงตรงนี้เถอะ

หลินเจิ้นหลงกัดฟันพูดออกมา

แน่นอนว่าเขาได้คำนวณเอาไว้แล้ว ขอเพียงวันนี้สามารถกลับไปอย่างปลอดภัย เขาจะต้องเชิญน้องสามของตัวเองมาทำให้เจ้าเด็กนี่และผู้มีอำนาจในเมืองชิงชวนได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหลิน โดยไม่ให้พวกเขาหนีรอดไปได้เด็ดขาด !

การถอยในครั้งนี้ ถือเป็นวิธีการสุดท้ายที่เพื่อในอนาคตจะได้สามารถแก้แค้นเฉินอีเท่านั้น

เหอะๆ เฉินอีหัวเราะออกมา

รอยยิ้มของเขาฉายแววเย็นชา หยอกล้อและดูถูกออกมา

สู้ไม่ได้ ก็คิดจะมาขอชีวิตงั้นหรอ?

ผมขอถามหน่อย ถ้าเกิดเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายผมที่ร้องขอชีวิต พวกคุณจะไว้ชีวิตผมหรือเปล่า ?

……

หลินเจิ้นหลงนิ่งอึ้งไปในทันที

แต่เพียงเสี้ยววิเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีความคิดที่จะมาเจรจาต่อรองอยู่แล้ว

ไอ้สารเลวนี่!

เขากำหมัดแน่น ไม่คิดที่จะเสแสร้งกับเฉินอีอีกต่อไปแล้วโบกมือขึ้น

มือปืน ยิงได้!

แคร็กๆ !

เสียงเตรียมปืนดังขึ้นพร้อมกับเหล่ามือปืนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีปรากฏตัวขึ้น

กระบอกปืนสีดำสนิทนับสิบทำให้ความรู้สึกกลัวในใจของหลินเจิ้นหลงสงบลงมาได้ไม่น้อย

ต่อให้จะเป็นคนที่มีวรยุทธ์มากแค่ไหน แต่มีหรือที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับปืนไฟได้ ?

เมื่อได้อย่างนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างสะใจเหลียวมองไปยังเฉินอีอย่างดูถูก

เจ้าหมอนี่ ต่อให้จะเติบโตมาในหน่วยทหาร แต่ด้วยกฎแล้วหากไม่มีคำสั่งพวกเขาจะไม่สามารถใช้ปืนไฟได้เด็ดขาด ซึ่งนี่ก็คือข้อแตกต่างระหว่างพวกเขาตระกูลหลินและคนชั้นต่ำอย่างพวกเขา !

แต่ว่า!

ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้เฉินอียังคงมีสีหน้าที่สงบ เป็นความสงบที่ทำให้บางคนถึงกับรู้สึกว้าวุ่นใจ

ทันใดนั้น เฉินอียกมือขึ้นแล้วร้องตะโกนด้วยเสียงเคร่งขรึม

สำนักมังลับที่ซ่อนตัวอยู่ เตรียมแถว!

ห๊า! หลินเจิ้นหลงร้องออกมาอย่างงุนงง

เมื่อได้ยินเสียงนี้ดังสนั่นขึ้นไปบนท้องฟ้า คราวนี้คนตระกูลหลินต่างนิ่งอึ้ง

สำนักมังกรลับ?

มันคืออะไร?!

หลินเจิ้นหลงกวาดสายตาไปรอบ กลับมองไม่เห็นร่างใครปรากฏตัวขึ้นมา จู่ๆ หลินเจิ้นหลงก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา

เจ้าหนุ่มนี่ ต้องตาย

แต่ผู้อาวุโสใหญ่กลับเอื้อมมือไปคว้าเขาเอาไว้ พร้อมพูดด้วยเสียงที่หวาดกลัวสุดขีด: เจ้า เจ้าสำนัก ข้างบน !

หืม?

หลินเจิ้นหลงแหงนหน้าขึ้นไปอย่างไม่เข้าใจ

เพียงพริบตา เขาถึงกับหน้ามืดแทบทรุดลงไปกับพื้น

บนท้องฟ้า เครื่องบินรบมากมายทั้งหมดมีจำนวนกว่าร้อยลำกำลังบินลงมาข้างล่าง

โดยเฉพาะอาวุธรบที่อยู่บนเครื่องบินรบ ที่ตอนนี้ปากกระบอกปืนกำลังเล็งไปยังหัวของคนตระกูลหลิน

ในเวลาเพียงสิบวินาที

ไม่สิ เวลาไม่ถึงสิบนาที ตระกูลหลินของพวกเขาก็ถูกกำจัดจนราบคาบ !

 

ศึกเดือด มหากาฬ

ศึกเดือด มหากาฬ

Status: Ongoing

เขาเป็นเจ้าแห่งสำนักมังกรลับ เป็นเทพสงครามที่ภาคภูมิ แต่ลูกสาวทั้งสองของเขากลับถูกกระทำทารุณ ภรรยาถูกรังแกข่มเหง เขากลับมาจากชายแดนพร้อมกลับความน่ากลัว ทุกคนต่างรู้ว่า คนบ้าเลือดเหล่านั้น จุดจบจะมาพร้อมกับความตาย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท