เสือขาวไม่เข้าใจ
เต่าดำหันมองเขาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย แล้วพูดว่า : นายไม่ได้ยินคำมั่นสัญญาที่เจ้ามังกรพูดกับเฉ่าเฉียงเมื่อครู่หรืออย่างไร ?
ต่อไปความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศทุกอย่าง เขาจะไม่มีการระดมคนจากสำนักมังกรลับเข้ามาจัดการอีก เพราะเรื่องในครั้งนี้ ถึงแม้จะรับการยินยอมจากบรรดาผู้อาวุโส แต่ก็ทำให้หลายฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งนี่อาจทำให้เราถูกจับตามองได้
อำนาจภายในประเทศมีความซับซ้อน หากประมาทเพียงเล็กน้อยอาจเดือดร้อนมาถึงพวกเราได้ ถึงตอนนั้นสำนักมังกรลับอาจจะต้องเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายเหล่านี้ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามังกรอยากเห็น
เพราะตั้งแต่สำนักมังกรลับก่อตั้งจนกระทั่งถึงบัดนี้ ก็ไม่เคยทำหน้าที่เป็นดาบในมือของใครมาก่อน !
อ้อ !
เต่าดำรู้สึกโล่งใจที่พูดมามากมายขนาดนี้ ในที่สุดเสือขาวก็เข้าใจเสียที แต่เขาก็ยังคงรู้สึกไม่เต็มใจนัก
แต่เจ้ามังกรทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับตัดแขนตัดขาของตนเองหรอกหรือ หากตอนนั้นเราไม่สามารถเข้ามาภายในประเทศได้ แล้วเขาจะทำเช่นไร ?
ต่อให้ตนเองจะมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาก็ไม่ใช่พระเจ้า
วางใจเถอะ เจ้ามังกรวางแผนทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เต่าดำยิ้มมุมปากเล็กน้อย นายคิดว่าที่เจ้ามังกรก่อตั้งกองทุนมูลนิธิโต๋วโน่วขึ้นก็เพื่อช่วยเหลือสังคมเพียงอย่างเดียวหรือ ?
อันที่จริงแล้วยังมีองค์ประกอบหลักแอบแฝงอยู่ในนั้น และเจ้ามังกรก็ทำเพื่อปกป้องตนเอง รวมไปถึงความปลอดภัยของนายหญิงและนายน้อยทั้งสองด้วย แค่เพียงเจ้ามังกรมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากพอ ต่อให้ยื่นมือจัดการจากภายในประเทศ ก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าผู้ทรงอิทธิพลเหล่านั้น ถึงเวลานั้นสำนักมังกรลับก็ไม่จำเป็นจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออีก และเจ้ามังกรเองก็ยังสามารถรับรองความปลอดภัยของครอบครัวได้อีกด้วย
ต้องบอกว่าความฉลาดของเจ้ามังกรนั้นไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ เพิ่มจะกลับมาก็วางแผนการเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว อย่างไรเสียก็มีผู้นำสูงสุดของเมืองชิงชวนคอยสนับสนุนอยู่ ดังนั้นกองทุนมูลนิธิโต๋วโน่วต้องมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนเกินคาดเดาได้แน่นอน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต การที่มีกองทุนมูลนิธิอยู่ภายในประเทศ และมีสำนักมังกรลับของเราอยู่ในต่างประเทศ อาจทำให้ต้าถังยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคงตลอดไปก็ได้ !
ต้องบอกว่าเต่าดำเองก็มีความเฉลียวฉลาดจนน่าตกใจ ที่สามารถคาดเดาความคิดของเฉินอีออกมาได้ในทันที
ถึงแม้เสือขาวจะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าออกมาตามสัญชาตญาณ
มีเพียงหงส์แดงคนเดียวเท่านั้นที่นิ่งเงียบไม่พูดจา
เธอรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับเฉินอี และนั่นเป็นเรื่องที่เต่าขาวและเสือดำไม่รู้
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือสุขภาพของเจ้ามังกรในตอนนี้กำลังย่ำแย่
การสู้รบเมื่อครึ่งปีก่อน ต่อให้เจ้ามังกรจะใช้ความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเอาชนะมาได้ แต่ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ไม่เพียงแต่พละกำลังที่ถดถอยลงเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันถึงชีวิตอีกด้วย ถึงแม้จะเหลือเวลาไม่มาก แต่เขาก็อยากจะสร้างทุกอย่างบนโลกเอาไว้ให้นายหญิงกับนายน้อย เพื่อเป็นการรับประกันความปลอดภัยของพวกเธอ
หงส์แดงรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย และในที่สุดก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ส่วนเต่าดำกลับลูบหน้าผาก แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมาพลางพูดว่า : ดูเหมือนว่าโอกาสครั้งนี้ไม่เลวเลยนะ
สำนักมังกรลับของเราตั้งอยู่ในต่างประเทศมาหลายปี จึงขาดความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศ ดังนั้นเมื่อมีคนคิดทำเรื่องไม่ดี พวกเราก็เป็นเหมือนกับลูกแกะที่ไร้พิษสง
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ขอเพียงแค่กองทุนมูลนิธิโต๋วโน่วของเจ้ามังกรก่อตั้งขึ้นมา ไม่แน่ว่าสักวันอาจจะมีฐานะเท่าเทียมกับคนที่มีความคิดชั่วร้ายเหล่านั้นก็ได้ ถึงตอนนั้นมันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสำนักมังกรลับของเรา
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เฉินอีจะวางแผนการเอาไว้เช่นนี้
ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาช่วยปิดบังเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะเอิกเกริกเกินไปจริง ๆ เกรงว่าผู้มีอำนาจในประเทศเหล่านั้น อาจกำลังจับตามองเรื่องนี้อยู่
เมื่อก่อนฉันไม่เคยมีครอบครัว ไม่เคยมีความผูกพัน พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรฉันได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ในเมื่อไม่ต้องการให้ปิงหลัน โต๋วโต๋ว โน่วโน่วต้องก้าวออกไปอยู่ต่างประเทศ และยังต้องรับรองความปลอดภัยของพวกเธออีก จึงทำได้เพียงยื่นมือเข้ามาจัดการเรื่องภายในประเทศแล้ว
นอกจากนี้กลุ่มอำนาจขนาดใหญ่ภายในประเทศเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจสำนักมังกรลับของเรา และคิดจะใช้เรื่องในครั้งนี้มาเล่นงานเรา หากฉันไม่สามารถสร้างฐานอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากพอขึ้นมาได้ และกุมอำนาจในการมีปากมีเสียงที่มากพอ ก็อาจทำให้สำนักมังกรลับต้องตกที่นั่งลำบากได้ นี่คงเป็นความคิดทั้งหมดที่อยู่ในหัวของเจ้ามังกร
แต่เรื่องกองทุนมูลนิธิ น่าจะให้มังกรเขียวเป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจในตอนนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดจริง ๆ ก็คือปิงหลัน
เขาอดไม่ได้ที่จะเกาหัว
ยังมีใครอยู่ไหม ?
เจ้ามังกรครับ มังกรสิบเอ็ดยังอยู่นี่ครับ
องครักษ์มังกรนายหนึ่งเดินเข้ามา เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า : เอาโทรศัพท์ของนายมา
โทรศัพท์มือถือของเขาถูกทำลายในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาจึงต้องใช้โทรศัพท์ของบรรดาลูกน้อง
ถึงแม้โทรศัพท์จะถูกทำลายไป แต่เบอร์โทรศัพท์ของฉินปิงปลินเขายังคงจำได้ขึ้นใจ
สวัสดีค่ะ ?
มีเสียงของฉินปิงหลันดังขึ้นมาจากปลายสาย ฟังดูแล้วไม่เย็นชาอย่างเช่นก่อนหน้านี้
เฉินอีรีบพูดขึ้นว่า : ปิงหลัน คืออย่างนี้ ผมอยากจะชวนคุณมาดูหนังสักเรื่อง ได้ไหม ?
ตู้ด !
สายโทรศัพท์ถูกตัดไป
เฉินอีมองดูโทรศัพท์ที่ถูกตัดสาย แล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ตอนนี้มังกรสิบเอ็ดเดินเข้ามา แล้วพูดเบา ๆ ว่า : เจ้ามังกรครับ อย่าเป็นกังวลมากไปเลยครับ ตอนนี้นายหญิงกำลังโกรธ แต่อย่าลืมว่ายังมีนายน้อยทั้งสองอีก ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องให้เจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ทั้งสองช่วยเหลือแล้วครับ
อะไรนะ ?
……
อีกทางด้านหนึ่ง ฉินปิงหลันกดตัดสายไป แล้วจูงมือโต๋วโต๋วและโน่วโน่วเดินต่อไป
เห็นได้ชัดว่าโน่วโน่วหวาดกลัวท่าทีเย็นชาของฉินปิงปลิน ดังนั้นขึงไม่กล้าเอ่ยปากพูด แต่โต๋วโต๋วไม่เหมือนกัน
แม่คะ ใช่คุณพ่อหรือเปล่าคะ ?
แม่บอกแล้วว่าเขาไม่ใช่พ่อของลูก !
แม่คะ พ่อนัดแม่ออกไปดูหนังใช่ไหม ?
แม่จะพูดอีกครั้งนะ เขาไม่ใช่……
แต่เมื่อกี้แม่เป็นคนพูดเองว่าจะให้โอกาสคุณพ่ออีกหนึ่งครั้ง แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจอีกแล้วล่ะคะ ? หึ ! โต๋วโต๋วมุ่ยปาก
ฉินปิงหลันนิ่งเงียบไปพักใหญ่
เธอปลูกฝังให้โต๋วโต๋วโน่วโน่วเป็นคนซื่อสัตย์และรักษาคำพูดตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้เธอกลับพูดจากลับกลอกเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก
เธอมีสีหน้าเก้อเขิน และพูดออกมาอย่างจนใจว่า : เป็นเขาจริง ๆ เขาบอกว่าอยากดูหนังด้วยกัน แต่แม่ปฏิเสธไปแล้ว
ยังคงมีท่าทีเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่มีความรู้สึกดีต่อเฉินอีเลยแม้แต่น้อย
โต๋วโต๋วสังเกตเห็นสิ่งนี้ได้ในทันที จึงมุ่ยปากและดึงมุมเสื้อของฉินปิงหลัน
แม่คะ แม่คะ ถ้าแม่ไม่ให้โอกาสพ่อ แล้วจะทำใจยอมรับเขาได้อย่างไรล่ะคะ
ความสัมพันธ์ของคนเราต้องอาศัยการพัฒนาอย่างช้า ๆ อีกอย่างถ้าไม่ใช่คุณพ่อ หนูกับโน่วโน่วเองก็คงไม่ต้องการเช่นกัน
……
หน้าผากของฉินปิงหลันปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด เธอรีบโน้มตัวลงแล้วถามว่า : คำพูดพวกนี้ใครเป็นคนสอนลูก ?
ไม่มีนี่คะ เพียงแต่โต๋วโต๋วและโน่วโน่วรู้สึกว่า หากคุณพ่อกับคุณแม่ดูหนังด้วยกัน ก็จะทำให้พวกเราได้รับรู้ถึงความรู้สึกในการมีพ่อไปด้วย
โต๋วโต๋วยังคงมุ่ยปากอยู่
ฉินปิงหลันเหลือบมองโน่วโน่ว ถืงแม้น้องสาวตัวน้อยจะไม่โวยวาย แต่ในแววตาของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
สิ่งนี้ทำให้ฉินปิงหลันรู้สึกจนใจ
เธอกุมหน้าผาก ความคิดในหัวของเธอกำลังต่อสู้กันอยู่
ในที่สุดเธอก็พูดออกมาว่า : ก็ได้ แม่จะรับปากไปดูหนังกับพ่อเดี๋ยวนี้ แต่จำเอาไว้ว่าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งหน้าหากยังใช้วิธีการเช่นนี้อีก ไม่มีทางที่จะได้ผลเด็ดขาด
ได้ค่ะ ได้ค่ะ คุณแม่น่ารักที่สุดเลย
โต๋วโต๋วส่งเสียงตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดี