หลังจากที่เฉินอีสั่งสอนมังกรเขียวเสร็จแล้ว เขาก็สะบัดมือและเดินเข้าไปหาฝูงชน
ขณะนี้ผู้คนทั้งยี่สิบกว่าคนต่างตกตะลึง
มังกรเขียวสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดยี่สิบกว่าคนภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่มังกรเขียวกลับไม่สามารถรับมือได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวของเถ้าแก่?
เถ้าแก่ คุณแข็งแกร่งขนาดไหน
เจ้าดำถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้ามังกรแห่งสำนักมังกรลับนั้นไม่อ่อนแอแน่นอน
แต่นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้วมั้ง
อึม?
เฉินอีชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นครุ่นคิดและกล่าวว่า ผมเองก็ไม่รู้ว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับตอนที่ผมอยู่ในระดับจุดสูงสุดแล้ว ตอนนี้เหลือพลังอยู่แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
สิ่งที่เขากล่าวนั้นเป็นความจริง
เจ้าดำและคนอื่น ๆ ตกใจยิ่งกว่าเดิม
ส่วนมังกรเขียวนั้นมุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
เหลือพลังอยู่แค่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นคือความจริง
ตอนที่อยู่ในระดับจุดสูงสุดนั้นเฉินอีสามารถต่อสู้กับศัตรูมากมายมหาศาล ตอนนี้ถ้าต่อสู้กับศัตรูเป็นร้อยหรือเป็นคนก็ไม่ใช่ปัญหา
แน่นอนว่าคนหลายร้อยหรือหลายพันเหล่านั้นไม่ใช่คนธรรมดาที่ไม่มีพลังการต่อสู้ อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเป็นทหารผ่านศึกเหมือนเจ้าดำ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มังกรเขียวก็เงียบอีกครั้ง
ร่างกายขอเจ้ามังกรยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่ลง ครึ่งปีก่อนเจ้ามังกรยังมีพลังอยู่ยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้กลับเหลือแค่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว รอไม่ได้แล้ว ผมต้องเร่งฝึกฝน และแสวงหายาวิเศษเพื่อมาบำรุงร่างกายของเจ้ามังกร
เขากำหมัดไว้แน่น และเมื่อเฉินอีเห็นพฤติกรรมนี้ก็มีความรู้สึกอบอุ่น
ต้องบอกว่า ถึงแม้มังกรเขียวจะดูเหมือนเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ความจริงเมื่อเปรียบเทียบแล้วเขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากกว่าหงส์แดงและเสือขาว นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เฉินอีอยู่ต่อ
โอเค ไม่พูดแล้ว เมื่อสักครู่ผมได้รับรู้เกี่ยวกับประสิทธิภาพล่าสุดของพวกคุณแล้ว พูดตามตรง—
เฉินอีหยุดชั่วครู่ มองใบหน้าที่คาดหวังเหล่านั้น และกล่าวออกมาว่า พอถูไถไปได้
พอถูไถไปได้
สิ่งที่เขาอยากเห็นไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกคุณแข็งแกร่งแค่ไหนแล้ว แต่เป็นพวกคุณก้าวหน้าไปเร็วแค่ไหน ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้าดำจะผ่านการทดสอบนี้ได้ภายในเวลาไม่ถึงสี่นาที แต่นั่นก็เป็นเพียงการฝ่าฟันไปในระหว่างทางถึงขีดจำกัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ถ้ายังไม่ถึงขีดจำกัด แล้วจะไปต่อได้อย่างไร?
ก่อนหน้านั้นผมได้กำหนดให้พวกคุณเร่งความเร็วอย่างน้อย 20 วินาที แต่ตอนนี้ทำได้สูงสุดคือ 15 วินาที พวกคุณคิดว่าตอนนี้พวกคุณเป็นยอดฝีมือหรือคนไร้ประโยชน์?
ปกติเฉินอีเป็นคนที่พูดจาสุภาพ
แต่เมื่ออยู่ในการฝึกพิเศษเช่นนี้ หรือเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อชีวิตแล้ว เขาจะกลายเป็นคนปากร้าย
เจ้าดำและคนอื่นต่างนิ่งเงียบ
พวกเขารู้สึกว่าตนเองก้าวหน้าไปมากแล้ว แต่เฉินอียังคงไม่พอใจแม้แต่น้อย ทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจมาก
นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกคุณทุกคนไปทำงานที่ไซต์งานก่อสร้าง ยิ่งเป็นเรื่องที่อันตรายพวกคุณยิ่งต้องทำ พวกคุณไม่สามารถพึ่งพาสิ่งอำนวยความสะดวกและยาเหล่านั้นเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับตนเอง หากไม่อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตราย มันเป็นเรื่องยากที่พวกคุณจะทะลวงถึงขีดจำกัดของตนเองได้
เฉินอีมองไปรอบ ๆ และกล่าวอย่างราบเรียบว่า หลังจากครึ่งเดือนผมจะมาตรวจสอบสถานการณ์ของพวกคุณ ต้องมีคนยี่สิบคนที่ทำเวลาได้สี่นาที และเจ้าดำคุณเป็นคนพิเศษ อย่างน้อยต้องทำเวลาได้สามนาทีสี่สิบห้าวินาที
คนที่เหลือที่ไม่สามารถไปถึงเป้าหมายก็ไสหัวออกไป ถ้าหากจำนวนไม่ถึงตามเป้าหมายที่ผมตั้งเอาไว้ งั้นพวกคุณทั้งหมดก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน
ต่อไปผมจะทำให้เมืองฉือกลายเป็นเหมือนกรงเหล็ก จะต้องเกิดการนองเลือดมากมาย ถ้าใครไม่มีความสามารถก็ไม่ต้องมาเข้าร่วม แล้วก็กลับไปดื่มนมที่บ้าน!
หลังจากที่เฉินอีกล่าวคำพูดเหล่านี้แล้วก็เดินออกมา
เจ้าดำและคนอื่น ๆ กำหมัดไว้แน่นและยืนอยู่ที่เดิม มังกรเขียวที่มองอยู่รู้สึกแทบทนไม่ได้
เจ้ามังกร อย่างไรเสียพวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่นักสู้จริง ๆ การที่ใช้ข้อกำหนดของนักสู้แห่งสำนักมังกรลับของพวกเรา ไปใช้กับพวกเขานั้นมันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?
ถึงแม้ว่ามังกรเขียวจะเยาะเย้ยคนเหล่านั้นอยู่เสมอ แต่ความจริงมังกรเขียวได้ถือว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นลูกน้องของตนเองแล้ว และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าไม่รู้สึกเอ็นดูพวกเขา
เฉินอีเหลือบมองมังกรเขียวแวบหนึ่ง และกล่าวอย่างราบเรียบว่า หากไม่มีความสามารถจริง ๆ ก็ไม่ต้องมาเข้าร่วม คุณต้องการให้พวกเขาสบายแล้วต้องตายในสงครามในอนาคต หรือว่ากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้พวกเขาสามารถอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในอนาคตได้?
ผม นี่!
เมื่อได้ยินประโยคนี้มังกรเขียวก็พูดอะไรไม่ออก
เขาเข้าใจสิ่งที่เฉินอีพูด
และยิ่งเข้าใจเรื่องที่เฉินอีกำลังจะทำต่อไป
มีเรื่องมากมายที่เจ้าหน้าที่ไม่สมควรทำ
อย่างไรก็ตามพลังอำนาจของพวกชนชั้นสูงเหล่านั้นยิ่งใหญ่เกินไป จนทำให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป้าหมายของเฉินอีคือการกำจัดพวกชนชั้นสูงเหล่านั้น และถ้าอาศัยเฉินอีและตนเองทำเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และยังไม่สามารถใช้คนของสำนักมังกรลับอีก เพราะจะถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ จึงทำได้เพียงสร้างกองกำลังใหม่ในอาณาเขตของตนเองเท่านั้น
คนเหล่านี้เป็นทหารผ่านศึกกลุ่มแรกที่เฉินอีเตรียมเอาไว้ แต่ถ้าพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ ในอนาคตพวกเขาจะต้องตายอย่างไร้ที่ฝังแน่นอน
ไม่ว่าเขาหรือเฉินอีต่างก็เข้าใจ ในอนาคตจะมีการนองเลือดมากมายแน่นอน และจะมีคนตายมากมาย และการเสียสละเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้คือลดการเสียสละให้ได้มากที่สุด
ผมเข้าใจแล้ว
สีหน้าของมังกรเขียวก็ดูจริงจังเช่นกัน
เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อยและไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อ หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงด่าของมังกรเขียวอย่างดุดัน
ไอ้พวกลูกหมา หรือไม่ก็รีบมาฝึกต่อ หรือไม่ก็กลับบ้านไปนอนกอดลูกเมีย!
เฉินอีไม่แยแส และไม่อยากสนใจว่าจะมีคนอยู่ฝึกต่ออีกกี่คน เขาสนแค่ว่าในอนาคตจะมีคนรอดกี่คน
และขณะเดียวกัน
หลี่เจ๋อก็ถูกคนมารับออกไปเช่นกัน
เขาออกมาช้ากว่าเฉินฝูหลายวัน เดิมทีเขาเป็นคนที่สง่างามแต่ตอนนี้กลับซูบผอม คุณพ่อหลี่ที่เฝ้าดูอยู่แสดงสีหน้าที่ทนไม่ไหว แล้วเขาก็กลืนคำด่าทั้งหมดลงไป
ลูก พวกเรากลับบ้านไปกินข้าวกันเถอะ
คุณแม่หลี่มาถึงก็เดินไปพาลูกชายออกมา ปากก็ด่าพึมพำว่า คนของกรมอนามัยและความปลอดภัยเป็นอะไรกันนี่? แม้แต่ลูกชายของฉันก็จับ สักพักฉันจะไปร้องเรียนกับอธิบดีหยาง แล้วตำหนิเขาที่สั่งสอนลูกน้องไม่ดี!
มุมปากของหลี่เจ๋อยกขึ้นเล็กน้อย ผมถูกอธิบดีหยางจับมา
คุณแม่หลี่ ……
คุณพ่อหลี่มีปฏิกิริยาตอบสนอง และถามคำถามอย่างจริงจังหลายคำถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบใด ๆ
ลูกถูกจับไปหลายวัน แล้วพวกเขาถามลูกแค่นี้หรือ?
หลี่เจ๋อได้เล่าเรื่องที่ถูกสอบสวนเมื่อสักครู่ให้พวกเขาฟัง แต่ประเด็นที่ละเอียดอ่อนเพียงอย่างเดียวก็คือเรื่องที่หลี่เจ๋อจ้างนักฆ่า
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ?
สิบวันเต็ม ๆ ผมถูกไอ้พวกสารเลวกลุ่มนี้กักขังไว้สิบวันเต็ม และเอะอะก็มาสอบสวนในขณะที่ผมนอนหลับอยู่ ทำให้ช่วงนี้ผมนอนไม่พอเพียง และเดาว่าน้ำหนักของผมคงจะลดลงไปสิบกิโลเต็ม ๆ
ไอ้สารเลวเฉินอี ยังมีนางโสเภณีฉินปิงหลัน ต้องเป็นพวกมันแน่ที่ทำให้ผมตกอยู่ในสถานการณ์คับขันลำบากเช่นนี้ ถ้าผมไม่คิดบัญชีแค้นนี้กับพวกมัน ผมก็จะไม่แซ่หลี่!