ดวงตาของเยว่ชูหลิงส่อประกายแวววาว หล่อนมองลงไปที่เฉินอีอีกครั้ง
ก็แค่คนที่ชอบหาผลประโยชน์ให้ตัวเองแถมยังเอามิตรภาพความสัมพันธ์มาบีบคั้นผู้อื่นอีก ช่างไร้ค่าเสียจริง แม้ว่ามันอาจจะเสี่ยงที่ต้องทำร้ายประธานวังแต่ฉันจะต้องเอาชายหนุ่มคนนี้ออกไปให้ได้
หล่อนตัดสินใจอย่างลับๆ
แต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือเฉินอีนั้นไม่ได้ใช้มิตรภาพความสัมพันธ์มาขู่เข็ญวังจ่างหลินแต่เป็นวังจ่างหลินเองต่างหากที่คอยพยายามเอาใจเฉินอี
ขณะนี้ฉินปิงหลันเองก็ยังคงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ทุกๆสองถึงสามนาทีเธอจะหยิบสัญญาขึ้นมาเพื่อดูตราประทับเป็นเวลากว่ายี่สิบวินาทีก่อนจะวางมันลงไป
นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่?
เมื่อเฉินอีเห็นพฤติกรรมของฉินปิงหลันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ฉินปิงหลันรีบพูดออกไปว่า นายไม่รู้สึกเหรอว่าเรื่องนี้มันดูเพ้อฝันมากเลยนะ?
แม้ว่าประธานวังจะเห็นด้วยกับแผนงานของฉันแต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องมาต้อนรับเป็นการส่วนตัวเลยนี่ ต่อให้มาต้อนรับก็ไม่ควรที่จะต้องรับอย่างเกรงใจดูสุภาพมีมารยาทขนาดนี้
ไม่ใช่ ท่าทางแบบนั้นไม่ใช่เกรงใจหรอก มันคือการนอบน้อมต่างหากล่ะ
เมื่อนึกถึงท่าทางของวังจ่างหลิน ฉินปิงหลันก็รู้สึกเหลือเชื่ออย่างบอกไม่ถูก
เฉินอียิ้มออกมา อาจจะเป็นเพราะประธานวังหวงแหนคนมีความสามารถ ดังนั้นเขาถึงพอใจในตัวเธอยังไงล่ะ เหมือนคำกล่าวที่ว่าคนตำแหน่งสูงเคารพในตัวของคนมีพรสวรรค์ ประธานวังคนนี้เอาใจเธออยู่นะ
แต่ฉันก็ไม่ได้ทำงานให้เขานะ เป็นความร่วมมือเองล้วนๆเลย
เมื่อฟังดูในตอนแรกสิ่งที่เฉินอีพูดนั้นเหมือนดูสมเหตุสมผลแต่หากลองดูให้ละเอียดลึกลงไปมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ตอนนี้ก็นำเอาสัญญามาได้แล้วก็ถึงเวลาที่คุณย่าจะต้องทำตามสิ่งที่พูดเอาไว้
เฉินอีเตือนออกไป ฉินปิงหลันรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาพร้อมกับกดโทรออกไปและยังไม่ทันที่จะพูดอะไรก็ถูกเสียงตะโกนด่าใส่กลับมา- –
ฉินปิงหลัน ยังจะมีหน้าโทรมาอีกนะ ไปหาแม่น้ำสักแห่งฆ่าตัวตายไปซะและอย่ามายุ่งกับเราอีกจะได้ไหม?
เป็นเสียงของฉินหวยจือ
ฉินปิงหลันตกตะลึง ไม่ใช่ นี่มันอะไรกัน?
เธอยังจะมีหน้ามาพูดอีก เมื่อกี้พี่ชายคนโตได้บอกกับพวกเราหมดแล้วว่าเธอไปทำให้ประธานวังจ่างหลินขุ่นเคืองใจทำให้ไม่สามารถเจรจาเรื่องการร่วมมือทำงานได้แถมยังมาทำให้พี่ชายกับตระกูลฉินต้องลำบากกันอีก ฉินปิงหลันเธอนี่เป็นหายนะจริงๆ อีกอย่างทั้งหมดนี้เธอก็จงใจทั้งนั้น ตอนแรกก็เป็นคุณชายหลี่เจ๋อแล้วก็มาเป็นประธานวังอีก เธอคิดที่จะทำให้เราตระกูลฉินไม่มีที่ยืนเลยหรือไงกัน?
รอบนี้เป็นฉินโรซีที่รับสาย
นอกจากนี้ยังมีเสียงดุด่ามากมายจากหลายๆคน ความสุขของฉินปิงหลันที่เพิ่มพูนขึ้นในตอนแรกๆนั้นถูกทำให้มอดดับลงไปเสียแล้ว
ต่อจากนี้ไป เธอไม่ต้องก้าวขาเข้ามาที่ประตูของตระกูลฉินอีกแล้วเว้นแต่คุณย่าจะสั่ง หากกล้าเข้ามาแม้แต่ครั้งเดียวล่ะก็ฉันจะหักขาเธอซะ!
และสุดท้ายนี่คือคำสั่งของฉินหวยจือและเห็นได้ชัดว่าคงได้รับการยินยอมจากคุณย่าฉินแล้ว
ฉินปิงหลันถึงกับทรุดตัวลงไป
นี่ มันเกิดอะไรขึ้น?
เห็นได้ชัดว่าฉันเอารายการของวังซื่อกรุ๊ปมาได้แล้วแต่ทำไมฉันถึงยังเป็นคนบาปของตระกูลอีกล่ะ แม้แต่คุณย่าเองก็ยินยอมกับคำพูดของฉินหวยจือ
เธอผิดหวังเป็นอย่างมาก
เฉินอีขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า ไป พวกเรากลับไปดูกัน
แต่!
ไม่ต้องแต่ ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะทำแบบนี้ก็ต้องทำให้พวกเขากลับเสียใจภายหลัง
แต่ก่อนหน้านี้เราจะต้องทำให้พวกเขาเสียใจก่อน สัญญาที่อยู่ในมือของเธอตอนนี้คือเครื่องมือชั้นดีเลยแหละ
เฉินอีไม่ฉินปิงหลัน เธอวิตกกังวลเกี่ยวกับคนในตระกูลแต่เฉินอีไม่เป็นแบบนั้น
ทำกับฉันไม่ดีก่อนก็อย่ามาหาโทษว่าฉันทำไม่ดีกลับล่ะ
ก่อนอื่นก็คือจะต้องให้พวกนั้นเห็นความหวังเสียก่อนและค่อยทำให้สิ้นหวัง นี่คือรูปแบบที่เฉินอีทำ
ฉินปิงหลันไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เธอปล่อยให้เฉินอีพาเธอขับรถออกไปที่บ้านของตระกูลฉิน
ขณะนี้เป็นเวลาที่ตระกูลฉินกำลังยุ่งเหยิงอลเวงไปหมด บรรยากาศก็ไม่ดีเป็นอย่างมากโดยเฉพาะฉินต้าเจียง
ฉินต้าเจียง ดูลูกสาวตัวดีของแกสิไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเองแต่ยังมาทำร้ายลูกชายกับตระกูลฉินอีก ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยบอกไปแล้วว่าอย่าให้เธอเข้ามาแต่พวกแกแต่ละคนก็ไม่เห็นจะออกเสียงอะไรเลย
แม่ของฉินหวยจือพูดอย่างไม่หยุดหย่อนจนฉินต้าซานที่เป็นสามารถต้องมาดึงหล่อนออกไป
คุณมาดึงฉันทำไม หรือว่าฉันพูดไม่ถูกเหรอ?
แม่ของฉินหวยจือยังคงพูดร่ายยาวไม่จบสิ้น
ในเวลานี้เอง ท่านย่าฉินก็ได้พูดขึ้นมาทันที หล่อนกำลังจะบอกว่าท่านย่าอย่างฉันทำอะไรผิดงั้นสินะ?
สิ่งนี้ทำให้ฉินต้าซานตกใจ แม่ของฉินหวยจือก็เช่นกัน เดิมทีหล่อนคิดที่จะมุ่งเป้าไปที่ครอบครัวของฉินต้าเจียง ไม่คิดเลยว่าท่านย่าจะเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวด้วย
ดวงตาของท่านย่านั้นเฉียบคม การที่ให้ฉินปิงหลันมารักษาตำแหน่งประธานแทนเป็นสิ่งที่ฉันตัดสินใจเอง ตอนนี้หล่อนกำลังโทษฉันอยู่สินะ?
หล่อนไม่ได้ตั้งใจที่จะเปลี่ยนเรื่อง แม่ของฉินหวยจือถึงกับทรุกลงไปกับพื้นพร้อมกับรีบพูดออกมาว่า แม่คะ หนูจะไปกล้าได้ยังไงกัน แต่ฉินปิงหลันมันไม่มีความสามารถทำอะไรก็ไม่สำเร็จ พวกเรา..
พอแล้ว!จะด่ายังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนซึ่งเป็นคนนอกทำได้!
คุณย่าฉินถือเป็นคนที่เข้มงวดมาโดยตลอด
แม้ว่านี่จะเป็นลูกสะใภ้แต่หล่อนก็ใช้แซ่อื่น มีสิทธิ์อะไรเข้ามาก้าวก่ายงานของตระกูลฉิน
จากนั้นดวงตาก็หันไปทางฉินต้าเจียง
พี่ใหญ่ มีอะไรอยากจะพูดไหม?
ฉินต้าเจียงกลืนน้ำลายก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย
ไม่เพียงแค่เขา แม้แต่หลิวหลันที่ปากดีก็ถึงกับไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ
ไม่ใช่อะไรหรอก เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าท่านย่ากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่
เหอะ!
คุณย่าฉินพ่นเสียงเหอะออกมาอย่างเย็นชา ทันทีที่ลุกขึ้นก็ตีเข้าไปที่หลิวหลันในทันที หลิวหลันที่ต้องการหลบหลีกแต่เมื่อเห็นสายตาของท่านย่าที่มองมาก็ถึงกับต้องดับความคิดนั้นลงไป
ทนความเจ็บปวดมาหลายครั้งหลายคราคุณย่าฉินก็ได้พูดอย่างเฉียบขาดไปว่า เรื่องอื่นฉันไม่สนใจแล้ว ภายในสองวันส่งตัวฉินปิงหลันไปที่ตระกูลหลี่ซะ
ตอนนี้ระหว่างเรากับวังซื่อกรุ๊ปนั้นมีช่องว่างกันอยู่ หากไม่จับขาของตระกูลหลี่ให้มั่น พวกเราตระกูลฉินคงไม่มีที่ให้ยืนอีกต่อไป!
น้ำเสียงของหล่อนนั้นเข้มงวดกวดขัน
หลิวหลันรีบพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับตอบรับ
มีก็แต่สีหน้าของฉินต้าเจียงที่เปลี่ยนไปและได้รีบพูดออกมาว่า แม่ พวกเราอย่าไปกดขี่ข่มเหงฉินปิงหลันอีกเลย สภาพของเธอในตอนนี้ก็แย่มาก เธอไม่สามารถไปทำอะไรให้วังซื่อกรุ๊ปขุ่นเคืองใจได้หรอก
อืม?
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินต้าเจียง แววตาของคุณย่าฉินก็ดูเย็นลง ไม่สามารถทำได้?
ตอนนั้นฉันได้ตกลงให้เธอแต่งงานกับตระกูลร่ำรวยที่อยู่เมืองถัดไปแต่ท้ายที่สุดเธอกลับนำสิ่งที่เลวร้ายสองสิ่งกลับมา ตอนนี้ยังจะอยากมาขอความเมตตาให้เธออีกเหรอ?ฉินต้าเจียง แกอย่าคิดนะว่าฉันจะตีแกไม่ได้เพียงเพราะขาสองข้างของแกเจ็บป่วย ฉันตีแกไม่ได้ก็จริงแต่ถึงยังไงซะลูกแกเมียแกก็ยังสภาพดีกันอยู่นี่!
ฉินต้าเจียงอ้าปากพูดอะไรไม่ออก
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าแม่ของเขาจะมีความคิดที่รุนแรงเช่นนี้ถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมาได้
แม่ ท่าน!
หุบปาก!
คุณย่าฉินกล่าวอย่างเด็ดขาด ทำตามที่บอก เข้าใจไหม?
ได้ได้ได้!
ก่อนที่ฉินต้าเจียงจะพูดอะไรออกไป หลิวหลันกับฉินปิงซินก็รีบตอบรับทันที
ในเวลานี้เอง สมาชิกของตระกูลฉินนั้นต่างยิ้มออกมาอย่างเย็นชาโดยเฉพาะฉินโร่ซี ดูเหมือนว่าการที่หล่อนได้เห็นความผิดหวังของฉินปิงหลันนั้นจะทำให้มุมปากกวาดรอยยิ้มขึ้นมา
ฉินปิงหลัน เธอซวยแล้ว