“จะให้ฉันพลาดอะไรที่น่าสนใจแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?” เซียวเฟิงพูดด้วยสีหน้าสนอกสนใจ
ซือเยี่ยจิ๋งที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้พูดความรู้สึกในใจตนเองออกมาแต่อย่างใด “นายมันบ้าไปแล้ว! รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือไงว่านี่เป็นกับดักน่ะ? อยากไปตายหรือไง?”
“แล้วจะให้ฉันกลัวอะไรอีก?” เซียวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเมินเฉย “ฉันอาจจะตายซักครั้งนึงก็ได้ แต่แล้วยังไงน่ะ? ยังไงพวกนั้นก็ไม่มีทางฆ่าฉันได้อยู่แล้ว แต่ถ้าฉันไม่ปรากฏตัวออกไป คนอื่นก็จะคิดว่าฉันขี้ขลาด”
ภายในน้ำเสียงไม่แยแสนั้น เซียวเฟิงก็รู้ตัวเองดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่จบลงด้วยดีแน่ ๆ หากชายหนุ่มไป ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะมีค่าสถานะที่สูงที่สุดในเกมแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ใช่นักบวชเจ้า เป็นเพียงผู้เล่นที่มีอุปกรณ์และอาวุธที่ดีกว่าคนอื่นกับค่าสถานะสูงเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าเขาจะเก่งขนาดไหน ยังไงเสียศัตรูก็เป็นถึงกิลด์ขนาดใหญ่ที่ยากเกินกว่าจะรับมือคนเดียว และถ้าเขาทำมันไม่สำเร็จ….ชิ!
“นายนี่มัน!?” ความกระวนกระวายของซือเยี่ยจิ๋งทำให้เจ้าตัวพูดอะไรไม่ออก ลึกลงไปในใจ เธอก็พอจะรู้ได้ว่าเซียวเฟิงคิดอะไรอยู่
เรื่องนี้น่ะมันก็เป็นละครตบตามาตั้งแต่ต้นแล้ว หากเขาไม่ไป เหล่าผู้เล่นก็จะโต้เถียงกันเอง ซึ่งมันมีผลกับชื่อเสียงของเซียวเฟิงโดยตรง ในกรณีแบบนี้ การตอบรับคำท้าต่อสู้นั้นดูจะเป็นการที่ทำให้ตนเองได้รับผลกระทบเสีย ๆ น้อยที่สุด แม้ว่าตัวเองจะต้องไปตายด้วยเงื้อมมือของกิลด์กลอรี่ก็ตาม มันเป็นผลลัพธ์ที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว นี่มันผู้เล่น 1 คนปะทะกิลด์ขนาดใหญ่ทั้งกิลด์เลยนะ! ในเมื่อเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เซียวเฟิงจึงไม่เกรงกลัวว่าจะมีชื่อเสียใด ๆ ตามมาแน่ ๆ หากเลือกทางนี้
ในทางกลับกัน หากชายหนุ่มสามารถเอาชนะคนจากกิลด์กลอรี่ได้เป็นจำนวนมาก ต่อให้เขาต้องตาย ผลกระทบมันก็ไม่ร้ายแรงอะไรอยู่ดี การต่อสู้ครั้งนี้จะกลายเป็นเพียงเวทีเพื่อให้เซียวเฟิงแสดงศักยภาพในการต่อสู้ออกมาเท่านั้น ท้ายสุดแล้วผู้เล่นในเขตฮัวเซียก็จะมองเซียวเฟิงด้วยความหวาดกลัวแทนที่จะมองว่าขี้ขลาด
แต่ไม่ว่าอย่างไร การต่อสู้ในครั้งนี้เซียวเฟิงก็เลี่ยงไม่ได้
การต่อสู้ครั้งนี้ กิลด์กลอรี่จะต้องจัดทัพให้ดีที่สุดเพื่อที่จะรับมือเซียวเฟิงเป็นแน่ มันคือจุดจบของการต่อสู้ที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าเซียวเฟิงจะต้องตายในตอนจบ
ปัจจัยเดียวที่จะทำให้เซียวเฟิงสามารถยืนหยัดในการต่อสู้ครั้งนี้ หรือจะพูดให้ดีก็คือสามารถกำจัดคนของอีกฝ่ายไปให้ได้มากที่สุด ก็คือ ความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเอาชีวิตกลับมาไม่ได้ แต่ยิ่งเขายืนหยัดได้นาน ชื่อเสียงของเขาก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น
“แล้วถ้าคนอื่นรู้ว่านายครอบครองอาร์ติแฟคท์อยู่ล่ะ?” ซือเยี่ยจิ๋งพูดเกลี้ยกล่อมเป็นครั้งสุดท้าย ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าใจดีถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละทางเลือก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อยากให้เซียวเฟิงเข้าร่วมการต่อสู้แห่งความตายนี้อยู่ดี
“ก็ให้พวกเขารู้ไป ถ้ารู้แล้วอยากจะมาแย่งมันไปจากฉันก็ตามสะดวก” เห็นได้ชัดว่าเซียวเฟิงไม่ได้ใส่ใจเลยแม้กระทั่งอาร์ติแฟคท์ที่ตนเองครอบครอง ว่าอาจจะตกเป็นของคนอื่นก็ได้จากการต่อสู้ครั้งนี้
“ตาบ้าเอ้ย!” ซือเยี่ยจิ๋งอุทาน เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสริม “งั้นฉันจะไปกับนายด้วย!”
เซียวเฟิงหันกลับไปมองในทันที แล้วเขาก็พบเจอกับท่าทีอันไม่คาดคิดว่าจะเห็นได้จากซือเยี่ยจิ๋งคนนี้ ภายใต้หน้ากากที่ปิดบังใบหน้า ดวงตาของเธอกำลังแสดงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่เอาไว้อยู่ “นี่เธอ เป็นโรคประสาทหรือไงน่ะ?” เขาพูด “เธอจะตามฉันไปทำไม? อยากโดนเตะตูดหรือไงฮะ?”
เขากำลังพูดความจริง ถึงซือเยี่ยจิ๋งจะเป็นนักฆ่ามือฉมัง แต่สกิลของเธอจะโดดเด่นก็ต่อเมื่อเป็นการลอบสังหาร สำหรับการต่อสู้แบบประจันหน้าเช่นนี้ สกิลของเธอแทบจะทำอะไรไม่ได้เลยหลังจากใช้มันหมดไปแล้ว 1 ชุด ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่เหมาะกับสนามรบแบบนี้หรอก
“จะอะไรก็ช่าง! ฉะ…ฉันก็แค่ไปดูนายฆ่าตัวตายเท่านั้นแหละ!” ร่างเพรียวบางของซือเยี่ยจิ๋งสั่นไปด้วยความโกรธ ขณะที่หันกลับไปเพื่อเดินไปทางอื่น
“เป็นอะไรของเขานะ” เซียวเฟิงบ่นเบา ๆ ขณะก้มลงไปมองเวลา การต่อสู้แห่งเกียรติยศที่ว่าจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมงต่อจากนี้ ซึ่งนั่นหมายถึงเขาเหลือเวลาอีก 40 นาที… ยังเหลือมากพอให้ชายหนุ่มได้เก็บเลเวลเพิ่ม
ตอนนี้เซียวเฟิงเลเวล 19 แล้ว ดูจากหลอดค่าประสบการณ์ของเขาเอง เหลืออีกเพียงครึ่งหนึ่งเซียวเฟิงก็จะอัพเป็นเลเวล 20 ซึ่งเขาจะสามารถเรียนสกิลเพิ่มได้ บางทีถ้าสามารถอัพเลเวลได้ก่อน มันน่าจะเป็นประโยชน์ในการสู้กับกิลด์กลอรี่เป็นอย่างมากเลยก็ได้ เมื่อตระหนักได้เช่นนี้แล้ว เซียวเฟิงก็สลัดความสบายใจออกทั้งหมด เขาวางแผนและมุ่งหน้าสู่ภูเขากระดูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้ว่าซือเยี่ยจิ๋งจะบอกว่าตนไม่สนใจว่าเซียวเฟิงจะเป็นยังไงก็ตาม เธอก็ยังรู้ว่าเขานั้นมีแผนอยู่แน่ ๆ ดังนั้นแล้วในขณะที่ติดตามเซียวเฟิงไปเงียบ ๆ เธอก็แอบกดเอาตนเองออกจากปาร์ตี้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่เซียวเฟิงจะได้ไม่ต้องแบ่งค่าประสบการณ์ที่เขาควรจะได้เต็ม ๆ มาให้เธอด้วย
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร กลับกันเขาก็เลือกที่จะปล่อยให้เธอทำในสิ่งที่เธอต้องการ
ลึกเข้าไปในหุบเขากระดูก เหล่าทหารโครงกระดูกต่างก็ฟื้นคืนชีพกันหมดแล้ว นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ซือเยี่ยจิ๋งเป็นสักขีพยานให้ได้ว่าความแข็งแกร่งของสกิลพื้นที่ที่เซียวเฟิงมีนั้นรุนแรงขนาดไหน เธอตกใจมาก ๆ ที่เห็นเขาสามารถกำจัดมอนสเตอร์นับพันตัวได้ด้วยการร่ายสกิลครั้งเดียว
ไม่นานนักหลังจากที่ได้สติกลับมา ความตกใจก็ทำให้เธอสงสัย “นั่นมันสกิลอะไรกันน่ะ? ทำไมมันถึงเป็นสกิลหมู่ที่ทำดาเมจได้มากขนาดนั้น? แล้วมันใช้กับผู้เล่นได้ไหม?”
จะบอกว่าซือเยี่ยจิ๋งพูดมากมันคงจะไม่ได้ เพราะภาพของเซียวเฟิงที่กำลังเก็บเลเวลด้วยสกิลโจมตีหมู่นั้นมันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ๆ ถ้าหากสกิลนั้นสามารถใช้กับผู้เล่นได้ มันน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้กิลด์กลอรี่สามารถพ่ายแพ้จนต้องลงกราบแทบเท้าเซียวเฟิงได้เลย แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ผู้เล่นอื่นจะสามารถสู้กับนักบวชที่สามารถร่ายเวทโจมตีผู้เล่นนับพันในคราเดียวได้ยังไง?
และเพราะสกิลนี้มันทรงพลังมาก ซือเยี่ยจิ๋งที่เล่นเกมออนไลน์มาเยอะ จึงรู้ได้ว่ามันจะต้องมีข้อจำกัดอะไรแน่ ๆ ไม่งั้นเซียวเฟิงคงเป็นอมตะไปแล้ว
ความคิดของซือเยี่ยจิ๋งนั้นถูกต้องเมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงส่ายหน้า “มันก็ต้องไม่อยู่แล้ว” เขาตอบ “สกิลนี้ใช้ได้ผลกับอันเดดหรือไม่ก็พวกมอนสเตอร์ธาตุมืดเท่านั้น”
หญิงสาวพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายชอบมาวนเวียนอยู่ที่แม็ปนี้” ซือเยี่ยจิ๋งพูด “แต่นี่มันเป็นสกิลที่แข็งแกร่งมาก ๆ เลยนะสำหรับการเก็บเลเวล ถ้าหากนายไปยังส่วนที่มีทหารโครงกระดูกรวมกันอยู่มากกว่านี้แล้วใช้สกิลนี้ใส่ ฉันว่าไม่มีใครจะเก็บเลเวลได้เร็วเท่านายแล้ว” หลังจากที่พูดจบ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อและเลือกที่จะเดินตามเซียวเฟิง ดูเขาเก็บเลเวลไปเรื่อย ๆ แทน
หลังจากที่จัดการเหล่าทหารโครงกระดูกจนหมด เซียวเฟิงก็ตรงเข้าไปยังสุสานใต้ดินต่อเพื่อเริ่มเคลียร์ที่นั่นอย่างต่อเนื่อง อันที่จริงภายในภูเขากระดูกแห่งนี้เอง ก็ยังมีอีกหลายที่ที่มีมอนสเตอร์คล้าย ๆ กับพวกทหารโครงกระดูกเหล่านี้ แต่เซียวเฟิงเลือกที่จะไม่ไปเก็บเลเวลในเขตนั้นเพราะพวกมันล้วนเป็นมอนสเตอร์ที่โจมตีระยะไกล ในพื้นที่เปิดนั้น ยากที่จะหลบการโจมตีจากระยะไกลเป็นที่สุด หากมีมอนสเตอร์ที่โจมตีระยะไกล เล็งและยิงมาที่เขาพร้อมกัน เขาสามารถล้มตายได้ในเวลาไม่กี่วินาทีเลย ดังนั้นแล้วภายในดันเจี้ยนนั้นมีพื้นที่จำกัด แถมยังมีสิ่งของมากมายที่เขาสามารถใช้หลบการโจมตีระยะไกลได้ อีกอย่างเซียวเฟิงเองก็คุ้นเคยกับดันเจี้ยนแห่งนี้เป็นอย่างดีด้วย ซึ่งมันจะทำให้เขาสามารถเก็บเลเวลได้ง่ายขึ้นไปอีกเยอะ
สำหรับซือเยี่ยจิ๋ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้เข้ามาในดันเจี้ยนสุสานใต้ดินเช่นนี้ เธอใช้สกิลตรวจสอบของเธอในการตรวจดูมอนสเตอร์ในบริเวณนี้แล้ว และมันไม่สำเร็จ หญิงสาวจึงรู้ได้ทันทีว่ามอนสเตอร์ในละแวกนี้ล้วนแต่เป็นมอนสเตอร์ระดับที่อยู่สูงเกินกว่าเธอจะรับมือได้แน่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว เธอก็ยังอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดที่ได้เห็นเซียวเฟิงสามารถเคลียร์มอนสเตอร์ระดับสูงพวกนี้อย่างง่ายดายไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมเลเวลของชายคนนี้ถึงได้ทะยานสูงขึ้นเร็วจนน่ากลัวขนาดนี้ อันดับของเขาถือว่าสูงที่สุดในเขตฮัวเซียแล้ว อันที่จริง เขาน่าจะเป็นอันดับ 1 ของผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลกไปแล้วก็ได้ บนโลกของมิธนี้ ไม่น่าจะมีใครสามารถเลเวลนำเขาได้อีก
ในเมื่อต้องรีบเพิ่มเลเวลให้ไปถึงเลเวล 20 ให้ได้เร็วที่สุด เซียวเฟิงจึงไม่เรียกเสี่ยวเสวี่ยออกมาเพื่อกันไม่ให้ค่าประสบการณ์ที่ควรจะได้รับเต็ม ๆ ต้องถูกแบ่งไป เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เซียวเฟิงก็จัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดในดันเจี้ยนชั้นนั้นและรับค่าประสบการณ์เต็มหลอดตามที่เขาคาดหวังไว้ ทันใดนั้นเอง ร่างของเซียวเฟิงก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นพร้อมข้อความ
[ยินดีด้วย คุณเลเวล 20 แล้ว! คุณได้รับแต้มสถานะ 1 แต้ม] เขาทำสำเร็จแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถขึ้นเป็นเลเวล 20 ได้ก่อนที่จะเข้าศึกแห่งเกียรติยศเสียที
“มานี่” เซียวเฟิงหันไปพูดกับซือเยี่ยจิ๋ง “กลับเมืองกันได้แล้ว”
ไม่มีการรีรอ เซียวเฟิงหยิบเอาใบวาร์ปออกมาและเทเลพอร์ตตัวเองกลับเมืองเทียนหลงไปทันที จากนั้นเขาก็มุ่งตรงไปยังแท่นพิธีกรรมอันงดงามของเมืองเทียนหลงที่อยู่ภายในโถงเปลี่ยนอาชีพ
ณ เลเวล 20 นี้ เซียวเฟิงมี 3 สกิลให้เลือกเรียนเพิ่ม และมีเพียง 1 สกิลเท่านั้นที่สามารถเรียนได้ หลังจากที่อ่านคำอธิบายของแต่ละสกิลแล้ว เขาก็ตัดสินใจได้ เซียวเฟิงเลือกสกิลที่ดูจะเข้าท่ากับเขาในตอนนี้ที่สุด
อวยพรการป้องกัน
เอฟเฟค : เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ให้แก่พันธมิตรเป้าหมาย (10% ของพลังป้องกันผู้ถูกร่ายสกิล + 10% ค่าสภาพร่างกายของผู้ร่าย)
ระยะเวลาแสดงผล : 60 วินาที
คูลดาวน์ : 30 วินาที
มันคือสกิลป้องกันที่ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าพึงพอใจเลย เซียวเฟิงเรียนรู้สกิลดังกล่าวโดยไม่ลังเล ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องเก็บของของเขา
เซียวเฟิงวางแผนจะอัพเกรดอุปกรณ์ทั้งตัวของเขาเนื่องจากในตอนนี้เขาได้เข้าสู่เลเวล 20 แล้ว ภายในคลังนี้เขามีอุปกรณ์เลเวล 20 ถูกเก็บไว้ตั้งนานแล้ว ของเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากพวกทหารโครงกระดูกที่ตายแล้วดร็อปทิ้งไว้
ทหารโครงกระดูกเหล่านั้นเป็นมอนสเตอร์เลเวล 20 เนื่องจากมีทหารโครงกระดูกจำนวนมาก ไม่น้อยกว่าหมื่นตัวถูกกำจัดไป เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงมีชุดอุปกรณ์เลเวล 20 ครบชุดถูกเก็บไว้ในคลังอยู่แล้ว ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชิ้นในชุดเองก็เป็นระดับเงินที่เน้นหนักไปทางป้องกันหมดเลยด้วย
ขณะที่อยู่หน้าคลังเก็บของ เซียวเฟิงเปลี่ยนชุดอุปกรณ์แทบจะทั้งตัว ยกเว้น 2 ชิ้นที่ไม่แตะต้องมันเลยก็คือ อาร์ติแฟคท์มังกรปีศาจและรองเท้าระดับทอง ‘ซาลาเมนเดอร์ทองคำ’ ที่ชายหนุ่มยังคงใส่รองเท้าคู่นี้เพราะมันช่วยมอบสกิลติดตัวที่ทรงพลังให้เขา และมันจะมีประโยชน์ต่อการต่อสู้เป็นกลุ่มเช่นนี้มาก ๆ
จากนั้นเซียวเฟิงก็เปิดหน้าโปรไฟล์ตัวเองขึ้นมาเพื่อดูค่าสถานะทั้งหมดของเขา และมันทำให้เขาได้เห็นว่าสถานะของตนเองมันแข็งแกร่งมากขึ้น
ตัวละคร : แด๊ด
เลเวล : 20
อาชีพ : ผู้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
ค่าชื่อเสียง : 680
ธาตุ : ศักดิ์สิทธิ์
พลังชีวิต : 425/425
MP : 465/465
พลังโจมตีกายภาพ : 170-170
พลังโจมตีเวทมนตร์ : 146-146
พลังป้องกันกายภาพ : 108-120
พลังป้องกันเวทมนตร์ : 102-102
ค่าสถานะพื้นฐาน :
ค่าความแข็งแกร่ง : 179
ค่าความทนทาน : 155
ค่าความคล่องตัว : 146
ค่าความฉลาด : 146
ค่าจิตวิญญาณ : 175
แต้มค่าสถานะที่เหลือ : 0
สัตว์เลี้ยง : เสี่ยวไป่ (เลเวล 20 ระดับ เทพ)
สัตว์ขี่ : ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ , เสี่ยวเสวี่ย (เลเวล 20 ระดับ ทอง)
ทักษะชีวิต : สกิลตรวจสอบระดับสูง, สกิลสะสมระดับพื้นฐาน
สกิลอาชีพ :
โฮลี่ไลท์ (เลเวล 2) : ฟื้นฟูพลังชีวิตของเป้าหมาย 15% + ค่าจิตวิญญาณของผู้ร่ายในทันที ; คูลดาวน์ 30 วินาที
ชำระล้าง (เลเวล 0) : ล้างสถานะดีบัฟทุกอย่างให้เป้าหมาย
อวยพรอาวุธ (เลเวล 2) : เพิ่มพลังโจมตีกายภาพให้เป้าหมาย 15% + ความแข็งแกร่งของผู้ร่าย ; มีผล 30 วินาที ; คูลดาวน์ 60 วินาที
อวยพรความกล้า (เลเวล 2) : เพิ่มพลังโจมตีเวทมนตร์ให้เป้าหมาย 15% + ค่าความฉลาดของผู้ร่าย ; มีผล 30 วินาที ; คูลดาวน์ 60 วินาที
ค้อนแห่งการพิพากษา (เลเวล 2) : โจมตีใส่พื้นที่เป้าหมาย ทำความเสียหายเป็น 200% ของพลังโจมตีกายภาพของผู้ร่าย ; คูลดาวน์ 60 วินาที
อวยพรชีวิต (เลเวล 1) : เพิ่มค่าร่างกายให้กับผู้ร่าย/เป้าหมาย ; มีผล 30 วินาที ; คูลดาวน์ 60 วินาที
อวยพรการป้องกัน (เลเวล 1) : เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ของเป้าหมาย 10% + 10% ของค่าร่างกายของผู้ร่าย
ปัดรังควาน (เลเวล 1) : ยกเลิกผลของเวทมนตร์ บัฟ หรือผลของสกิลที่อยู่ในพื้นที่ที่สกิลมีผล
อุปกรณ์ :
อาวุธ : คทาแห่งการรักษา (เลเวล 10 , ระดับเงิน, ประเภท คทา)
เกราะ :
กระโหลกมังกร (อาร์ติแฟคท์, หัว)
กรงเล็บมังกร (อาร์ติแฟคท์, แขน)
เสื้อเกราะโครงกระดูก (ชิ้นเกราะ, เลเวล 20 ระดับเงิน, ลำตัว)
เกราะขาโครงกระดูก (ชิ้นเกราะ, เลเวล 20 ระดับเงิน, ขา)
เข็มขัดกระดูก (ชิ้นเกราะ, เลเวล 20 ระดับเงิน, เอว)
ปลอกแขนกระดูก (ชิ้นเกราะ, เลเวล 20 ระดับเงิน, ปลายแขน)
รองเท้าซาลาเมนเดอร์ทองคำ (ชิ้นเกราะ, เลเวล 15 ระดับทอง, เท้า)
เครื่องแต่งกาย
วัฏจักรชีวิต (เลเวล 20 ระดับเทพเจ้า, ต่างหู)
พระเจ้าประทานพร (เลเวล 15 ระดับเงิน, ต่างหู)
ถุงเครื่องหอม (เลเวล 15 ระดับเงิน, สร้อยคอ)
ประสงค์นักล่า (เลเวล 1 ระดับเงิน, แหวน)
แหวนแห่งชะตากรรม (เลเวล 5 ระดับเงิน, แหวน)
แหวนแห่งความเร็ว (เลเวล 16 ระดับน้ำเงิน, แหวน)
ชุดแฟชั่น : หน้ากากกระดูก
ฉายา : อัครสาวกแห่งแสง, อาร์คบิชอป
ค่าสถานะเหล่านี้มันแสดงให้เห็นว่าเซียวเฟิงพัฒนามาไกลมาแล้ว เขามีพลังชีวิตกว่า 400 หน่วย ซึ่งได้เพิ่มจากชิ้นเกราะทั้งหลายที่สวมไว้ ไหนจะมีค่าจิตวิญญาณที่สูงทะลุโลกนั่นอีก
เซียวเฟิงมีพลังโจมตีกายภาพเพียง 170 หน่วย นั่นเพราะคทาแห่งการรักษานั้นไม่ได้เพิ่มพลังโจมตีให้เขาอยู่แล้ว แต่ถ้าเปลี่ยนไปใช้กระบองกระทิงทอง พลังโจมตีกายภาพของเขาก็จะเข้าใกล้ 200 หน่วยเลยทีเดียว
แต่ถึงเซียวเฟิงจะไม่ได้ใช้อาวุธที่ช่วยเสริมพลังโจมตีอย่างคทาแห่งการรักษา เขาก็ยังสามารถสังหารผู้เล่นได้ในเวลาไม่กี่วินาทีอยู่หลังจากที่ร่ายอวยพรอาวุธให้ตัวเองไป
ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้แล้ว
ไนท์ คูนเนอร์หายไปไหนไม่รู้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเธอนัก ปล่อยเธอไป เขาเดินเข้าไปยังจุดวาร์ปของเมืองเทียนหลงและเลือกเมืองตามที่กิลด์นั่นนัดไว้เป็นเป้าหมายในการวาร์ป
ตั้งแต่ที่เซียวเฟิงเริ่มเก็บเลเวลจนถึงตอนนี้ ผู้เล่นมากมายที่รู้จักเขาต่างก็ส่งข้อความมาหาแต่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับเลย จะมีก็แต่เฉียนโตวโตวเท่านั้น เพราะถ้าหากเขาไม่ตอบเธอ มีหวังเธอได้บุกเข้ามาในห้องแน่ ๆ
เซียวเฟิงตรวจสอบสถานะของตนเองอีกครั้งหนึ่ง เพื่อดูว่าลืมหรือพลาดอะไรไปหรือเปล่า เพราะถ้ามีเขาจะได้ตั้งค่ามันใหม่ตอนนี้เลย