ไส้ซาลาแมนเดอร์ วัสดุหลอม…
ภายในห้องทำงาน อาจารย์ตี้ก็เช็คของที่ได้มาจากเซียวเฟิงกับรายการที่เขาจดไว้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เซียวเฟิงขอให้เขาจดรวม ๆ มาในทีเดียวเลยจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลารับภารกิจใหม่บ่อย ๆ หลังจากที่ตี้อู่หยาพินิจแล้วผนวกกับตำแหน่งอาร์คบิชอปของเซียวเฟิง ท้ายที่สุดอาจารย์ตี้ก็ยอมมอบภารกิจแบบมัดรวบให้เซียวเฟิงไป
ไม่เลวเลยนี่! เจ้าเอาของทุกอย่างที่พวกข้าต้องใช้กลับมาได้หมดเลย! ตอนนี้พวกข้าสามารถเข้าสู่กระบวนการหลอมได้เร็วขึ้นแล้ว! เจ้าทำให้ข้าประทับใจมาก เจ้าหนุ่ม
อาจารย์ตี้ดูจะพึงพอใจสุด ๆ เขามองเซียวเฟิงอย่างชื่นชม ในขณะเดียวกัน เสียงระบบก็ดังขึ้นในหูชายหนุ่มด้วย มันมีใจความว่า ค่าความชอบของอาจารย์ตี้ที่มีต่อเซียวเฟิงเพิ่มขึ้นมา 10 แต้มแล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งสองอยู่ในสถานะเป็นมิตรกันเรียบร้อย
ในเมื่อพวกข้าสามารถเริ่มกระบวนการหลอมได้แล้ว เช่นนั้นข้าเองก็ว่างแล้วเช่นกัน เดี๋ยวข้าจะสร้างอุปกรณ์สุดพิเศษให้ท่านเอง ท่านอาร์คบิชอป ตี้อู่หยาลูบเคราตนเองแล้วหัวเราะออกมา เขารู้อยู่แล้วว่าทำไมเซียวเฟิงถึงมาตามหาเขาถึงที่นี่
ดีล่ะ บอกมาได้เลยเจ้าหนุ่ม ว่าเจ้าอยากได้อุปกรณ์แบบไหน? เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าด้วย หากข้ากับตี้อู่หยาได้ทำงานร่วมกันแล้วล่ะก็ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถหรอก แถมยังทำได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ตราบใดที่ของที่เจ้าหวังไม่ใช่อาร์ติแฟคท์ล่ะนะ
ผมอยากได้อุปกรณ์ที่สามารถเพิ่มพื้นที่ได้น่ะครับ พวกอุปกรณ์เก็บของอะไรทำนองนี้ เซียวเฟิงหยิบเอาหินจักรวาลจำนวนมากออกมา อาจารย์ตี้ยังไม่ได้ตบรางวัลสำหรับภารกิจต่อเนื่องให้เขา ดังนั้นนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี
แม้จะมีหินอวกาศเป็นจำนวนมาก แต่พวกมันล้วนเป็นระดับต่ำกันทั้งสิ้น ถึงอย่างงั้นมันก็น่าจะเพียงพอต่อการสร้างอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าสักชิ้นหนึ่งได้อยู่ อาจารย์ตี้ขมวดคิ้วพูด ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หินอวกาศในมือของเซียวเฟิงไปด้วย
แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ เซียวเฟิงตอบ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ใช่คนโลภ
เข้าใจแล้ว งั้นอุปกรณ์แบบไหนล่ะที่ท่านอยากได้? เข็มขัด? หรือว่าเครื่องประดับ? ตี้อู่หยาถาม
พอจะทำแหวนได้ไหมครับ? ชายหนุ่มตอบกลับด้วยคำถาม เพราะในบรรดาอุปกรณ์ที่เขามี แหวนถือเป็นสิ่งที่ยังขาดอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเล็งที่จะเก็บชุดเซ็ตมังกรปีศาจที่เป็นอาร์ติแฟคท์ให้ครบ ในเซ็ตนั้นมีเข็มขัดประกอบอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่อยากได้เข็มขัดเส้นอื่นมาอีก
แหวนงั้นเหรอ? ได้สิ มันใช้หินจักรวาลแค่ 50 ชิ้นเท่านั้น เพราะงั้นที่เหลือเจ้าก็เก็บกลับไปเถอะ อาจารย์ตี้หยิบหินจักรวาลมาแค่ 50 ชิ้นในขณะที่ส่วนที่เหลือก็ส่งคืนให้เซียวเฟิงไป
อุปกรณ์สำหรับเก็บของงั้นเหรอ… หาดูได้ยากเหมือนกันนะเนี่ย ทำยากน่าดูเลย อ่า ท่านอาร์คบิชอป ข้ามีเรื่องที่ต้องแจ้งก่อนว่า แม้ท่านจะมีวัตถุดิบพื้นฐานเพียงพอต่อการหลอม แต่ของชิ้นนี้ยังจำเป็นต้องใช้ ‘คริสตัลแห่งความว่างเปล่า’ ด้วย มันถือเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับทำอุปกรณ์ชนิดนี้เลย ตี้อู่หยาพูดเสริม
นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะข้ามีคริสตัลแห่งความว่างเปล่าอยู่แล้ว เดี๋ยวข้าให้สิ่งนั้นเป็นของขวัญเจ้าหนุ่มนี่ก็แล้วกัน อาจารย์ตี้พูด
หา? ไม่ใช่ว่าคริสตัลนั่นเป็น 1 ในสมบัติที่เจ้าหวงแหนที่สุดหรือไง? ทำไมเจ้าถึงยกให้คนอื่นได้เล่า? ตี้อู่หยาถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ข้าก็แค่ให้เขาเป็นของรางวัลตอบแทนที่เขาช่วยข้าไว้ตั้งเยอะแยะต่างหาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสมบัติล้ำค่าขนาดไหน มันก็แค่ขยะรอวันทิ้งนั่นแหละน่า อาจารย์ตี้พูด ท่าทียึกยักขณะหยิบเอาคริสตัลแห่งความว่างเปล่านั้นออกมาราวกับไม่อยากจะยกให้ใครจริง ๆ
ซึ่งในขณะเดียวกัน เซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงจากระบบที่ควรจะมาก่อนหน้านี้พักหนึ่งแล้ว
[คุณได้ทำภารกิจที่มอบหมายโดยอาจารย์ตี้สำเร็จแล้ว คุณได้รับ ‘คริสตัลแห่งความว่างเปล่า’ เป็นของรางวัล!]
อย่างไรก็ตามคริสตัลแห่งความว่างเปล่านั้นก็ไม่ได้ถูกส่งเข้ามาในช่องเก็บของของเซียวเฟิงแต่อย่างใด มันยังคงอยู่ในมือของอาจารย์ตี้ดังเดิม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสรุปแล้วคริสตัลแห่งความว่างเปล่าเป็นอย่างไร แต่จากการที่ได้ฟังบทสนทนาระหว่างอาจารย์ตี้กับตี้อู่หยา ก็พอจะสรุปได้บ้างว่ามันจะต้องเป็นของที่ดีมากชิ้นหนึ่งเลย
ถ้าอย่างนั้น ท่านอาร์คบิชอป พวกเราจะเริ่มทำงานกันเลย มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย เพราะงั้นไว้พรุ่งนี้ท่านค่อยกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลานี้ด้วยเถิด คำพูดของตี้อู่หยานั้นทำให้เซียวเฟิงผิดหวังนิดหน่อย นั่นเพราะมันหมายถึงเขาจะไม่สามารถใช้มันในอีเวนท์เซิร์ฟเวอร์คืนนี้ได้
เดี๋ยวก่อน เจ้าหนุ่ม เจ้าอยากจะเรียนทักษะการหลอมจากข้าหรือเปล่า? อาจารย์ตี้หยุดเซียวเฟิงไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
การหลอมเหรอครับ? ไม่สนใจสักเท่าไหร่
เซียวเฟิงส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล การหลอมน่ะถือเป็นทักษะชีวิตที่ดี แต่ว่ามีผู้เล่นเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะสามารถเรียนทักษะนี้จนกลายเป็นเจ้าแห่งการหลอมได้ เพราะค่าใช้จ่ายระหว่างเรียนมันค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ทักษะการหลอมนั้นจะสามารถทำให้ผู้ที่เรียนรู้ทักษะสามารถนำขนสัตว์หรือแร่ต่าง ๆ มาหลอมเป็นอาวุธหรืออุปกรณ์ได้ แต่โดยปกติแล้วผู้เรียนในระดับเบื้องต้นจะยังไม่สามารถสร้างอุปกรณ์ที่มีค่าสถานะพิเศษติดมาด้วยได้ ของเหล่านี้แม้แต่ผู้เล่นด้วยกันเองก็ไม่ได้อยากจะซื้อมันนัก เพราะฉะนั้นจึงทำได้เพียงนำมันไปขายกับร้านค้าของระบบเท่านั้น น่าเสียดายที่วัสดุในการหลอมอุปกรณ์แต่ละครั้งนั้นมีราคาแพงมาก มันเหมือนการลงทุนที่ขาดความสมดุล หากจะพัฒนาฝีมือการหลอมอุปกรณ์ให้ขึ้นสู่ระดับสูงนั้นถือเป็นเรื่องยากหากไม่มีเงินซัพพอร์ตที่มากพอ
ไอ้เจ้าหนุ่มนี่! ทำไมเจ้าถึงหักหน้าข้าแบบนี้! ทุก ๆ คนที่อยู่ในแดนแห่งเทพต่างก็รู้จักชื่อของข้าดี ตี้ลู่! เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าทักษะการหลอมของข้าจะเหมือนกับทักษะการหลอมทั่ว ๆ ไปน่ะ? อาจารย์ตี้ดูจะโกรธเคืองขึ้นมาทันทีขณะจ้องมองไปยังเซียวเฟิง
ยังคงยืนยันว่า ไม่สนใจ เหมือนเดิมครับ เซียวเฟิงไม่ได้สนใจเลยว่าทักษะการหลอมที่อีกฝ่ายจะสอนนั้นดีขนาดไหน อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจทักษะชีวิตกับทักษะอาชีพเลยด้วยซ้ำ
สิ่งเดียวในทักษะชีวิตที่เขาสนใจคือทักษะการสอดแนม ที่ซึ่งจะช่วยชายหนุ่มในการต่อสู้ได้ ส่วนทักษะอื่น ๆ นั้นเสียทั้งเงินทองและเวลาชีวิตมากเกินไป
เจ้าทำให้ข้าโกรธอีกแล้ว เจ้าหนุ่ม ออกไปได้แล้ว! เป็นไอ้เจ้าบ้าที่อวดดีจริง ๆ! อาจารย์ตี้กลับกลายเป็นชายอารมณ์ร้อนเหมือนกับเมื่อตอนที่เจอเซียวเฟิงครั้งแรกอีกแล้ว เป็นชายที่ไม่เป็นมิตรผู้มาพร้อมกับอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ
เซียวเฟิงไม่ได้อยู่ที่นี่นานนัก เขาตรงกลับไปยังเมืองเทียนหลงหลังจากคิดได้ว่าตนใช้เวลาอยู่ในเมืองเฮ่ยฉีมานานจนสงครามป้องกันฐานที่ตั้งของกิลด์มิดซัมเมอร์จะเริ่มแล้ว ในช่องข้อความนั้น หลิวเฉียงเหว่ยก็ได้ส่งข้อความมาหาเขาอยู่หลายครั้ง เพราะเธอกังวลกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่มา
ในศึกครั้งนี้ หลิวเฉียงเหว่ยตัดสินใจตั้งฐานที่มั่นของมิดซัมเมอร์ไว้ ณ ที่ราบกว้าง ใกล้ ๆ กับจุดที่ตั้งเดิมที่เคยถูกทำลายไป เมื่อเซียวเฟิงมาถึง สงครามก็เริ่มไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายที่เกิดจากการปะทะกันของผู้เล่นกับมอนสเตอร์ จากการตรวจสอบระดับเวฟของมอนสเตอร์ มันมาถึงเวฟที่ 25 สถานการณ์ตอนนี้ พวกคนที่อยู่ที่นี่จัดการเวฟมอนสเตอร์มาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
พื้นที่โล่งกว้างแห่งนี้ถูกเติมเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จำนวนมากมายแทบจะนับไม่ถ้วน มันห้อมล้อมที่ตั้งกิลด์มิดซัมเมอร์เอาไว้พร้อมกับกู่ร้องคำรามไปทั่วฟ้าจนน่าสะพรึงกลัว
มิดซัมเมอร์ยังคงมีผู้เล่นเหลือรอดเยอะอยู่ พวกเขามีกำแพงมนุษย์ถึง 4 ทิศเพื่อคอยปกป้องแคมป์กิลด์ของพวกตนไว้อย่างหนาแน่น
ถึงแม้ว่าจำนวนคนที่เห็นตอนนี้จะดูมากมายก็จริง แต่มันก็สังเกตเห็นได้ว่าปริมาณเมื่อเทียบกับตอนก่อนนั้นลดหายลงไปเยอะมาก
เมื่อไร้ซึ่งฮิลเลอร์มาคอยร่ายบัฟให้ มอนสเตอร์ในเวฟที่ 25 นี้ก็กลายเป็นสิ่งตึงมือยากที่จะกำจัดขึ้นมาทันที สงครามครั้งนี้กำลังกลายเป็นเกมชักเย่อที่พวกเขาต้องต้านมอนสเตอร์เหล่านี้เอาไว้ให้ได้จนกว่าจะหมดเวลาสำหรับรอบนี้ และพวกมอนสเตอร์จะถอยกลับออกไปเอง
นี่เป็นความเสียเปรียบของมิดซัมเมอร์ ณ ตอนนี้ที่เห็นชัดที่สุด เมื่อสงครามป้องกันฐานทัพครั้งก่อน พวกเขามีจำนวนคนมากพอที่จะสามารถยืนหยัดจนไปถึงเวฟเกือบสุดท้ายได้ก่อนที่จะต้องถูกทำลายจนแตกพ่ายไป แต่ตอนนี้ แค่เวฟที่ 25 ก็ทำให้ตึงมือเสียแล้ว
เซียวเฟิงไม่ใช่สมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ ดังนั้นเขาไม่สามารถเข้าไปในแคมป์กิลด์ได้ผ่านทางจุดวาร์ป ครั้นจะย่องเข้าไปจากด้านนอกก็ต้องล้มเลิกความคิดไปเพราะจำนวนมอนสเตอร์กับผู้เล่นนับไม่ถ้วนที่กำลังปะทะกันอยู่นั้นเลย ท้ายสุดเขาจึงต้องตัดสินใจโทรหาหลิวเฉียงเหว่ยแทน
นายมาถึงแล้วเหรอ? อยู่ไหนแล้ว?
มันเป็นเรื่องไม่ปกติเลยที่หลิวเฉียงเหว่ยจะเปลี่ยนโทนเสียงที่ไม่ค่อยจะแยแสผู้อื่นของตนนัก ดูเหมือนว่าเธอจะรอคอยเซียวเฟิงมาเนิ่นนาน และในที่สุด ก็คงถึงเวลาที่หญิงสาวจะได้ผ่อนคลายเสียที
ตอนนี้อยู่ด้านหลังเวฟมอนสเตอร์ กำลังมองหากิลด์ที่อาจแอบซ่อนอยู่ เซียวเฟิงตอบ เขากำลังครุ่นคิดว่ามีกิลด์อื่นที่คอยดักซ่อนเพื่อจะดักปล้นของที่ตกหล่นบนสนามรบแห่งนี้อีกหรือเปล่า
ไม่จำเป็น เสี่ยวจิ๋งช่วยตรวจสอบให้ก่อนหน้าแล้ว ดูเหมือนว่าละแวกนี้จะไม่มีกิลด์อื่นอยู่เลย ส่วนหนึ่งคงเพราะกำลังวุ่นอยู่กับการตามล่าโทเคนล่าสมบัติกันอยู่ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งก็หายไปเพราะนายนั่นแหละ หลิวเฉียงเหว่ยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
งั้นเหรอ งั้นฉันจะเข้าไปในแคมป์เลยก็แล้วกัน เซียวเฟิงพยักหน้า และชายหนุ่มก็รู้ดีว่าทำไมบางส่วนถึงหายไปก็เพราะเขา หลังจากที่มิดซัมเมอร์เคยพ่ายแพ้ในสงครามครั้งก่อน กิลด์ทุกแห่งในเขตฮัวเซียต่างก็รับรู้กันว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์และมิดซัมเมอร์กลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว เพราะงั้นหลังจากที่พวกเขาได้ยินว่ากิลด์มิดซัมเมอร์ได้ก่อตั้งแคมป์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดจึงไม่ได้สนใจ ทุกคนกำลังรอให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เคลื่อนไหว และปล่อยให้แคมป์ถูกทำลายลงไปอีกครั้ง
ด้วยความตั้งใจนี้ การที่กิลด์อื่นจะมาหรือไม่มามันจึงมีค่าไม่ต่างกัน แถมช่วงนี้พวกเขาจำเป็นต้องรีบฟาร์มและหาโทเคนให้ได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสให้กิลด์ของตน เพราะงั้นตอนนี้จึงมีเพียงไม่กี่กิลด์เท่านั้นที่จะมาสนใจเกี่ยวกับสงครามปกป้องฐานที่ตั้งครั้งที่ 2 ของกิลด์มิดซัมเมอร์
นายอยู่ตรงไหน เดี๋ยวฉันจะให้เสี่ยวจิ๋งไปรับตอนนี้เลย หลิวเฉียงเหว่ยถามและวางสายหลังจากรู้แล้วว่าเซียวเฟิงอยู่ที่ไหน
…
ฉันคิดว่านายจะพูดเล่น
ครู่หนึ่ง ซือเยี่ยจิ๋งก็ปรากฏตัวออกจากโหมดล่องหนของเธอ ดวงตาที่จ้องมองมายังเซียวเฟิงนั้นดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย
ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ? ฉันไม่น่าต้อนรับหรือไง? เซียวเฟิงถามตามปกติ
ไม่ ไม่ได้หมายความแบบนั้น เอาเถอะ ตามฉันมา ลูกพี่ลูกน้องของฉันกำลังรอนายอยู่ ซือเยี่ยจิ๋งส่ายหน้าขณะพูด จากนั้นเธอก็เดินนำเซียวเฟิงไปยังทางที่จะนำพาทั้งสองเข้าสู่แคมป์ของมิดซัมเมอร์ที่อยู่ภายใน
เซียวเฟิงเข้าไปถึงภายในแคมป์ได้อย่างปลอดภัยซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หมดเวลาเวฟนั้นพอดี ดังนั้นแล้วเหล่ามอนสเตอร์จึงกลับไปยังจุดเกิดของพวกมันด้วยตัวเอง
ค่ายแห่งนี้ยังคงถูกสร้างมาด้วยความเรียบง่ายและไม่ได้ประณีตอะไรมากนัก ไม่ได้มีอะไรต่างกับค่ายที่เห็นครั้งก่อนเลย นอกจากการที่แคมป์แห่งนี้ดูเป็นหมู่บ้านมากยิ่งขึ้น บางทีอาจจะเป็นเพราะมิดซัมเมอร์มีของรางวัลจากระบบเมื่อครั้งที่แล้วก็เป็นได้
เป็นยังไงบ้าง? เซียวเฟิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ที่ชั้นที่ 2 ของแคมป์ และมันถือเป็นจุดที่อยู่สูงที่สุดภายในแคมป์นี้แล้วด้วย ทัศนวิสัยเมื่อมองจากที่แห่งนี้แล้วสามารถเห็นสมรภูมิเป็นวงกว้างได้ ซึ่งหลิวเฉียงเหว่ยเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
ที่ชั้น 2 นี้มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยและลิลลี่อยู่เท่านั้น เหล่าผู้บริหารคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เหตุผลหลักก็เพราะว่า เธอกลัวเหล่าผู้บริหารพวกนั้นจะจำเซียวเฟิงได้ไม่ว่าจะปลอมตัวอย่างไรก็ตาม และถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะมีปัญหามากมายเกิดขึ้นมาอีก เหมือนกับศัตรู 2 กลุ่มได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งที่แล้วเซียวเฟิงได้ทำเรื่องสุดแสนจะ ‘ประทับใจ’ ไว้ให้คนเหล่านี้กันถ้วนหน้า รวมไปถึงหัวหน้าและรองหัวหน้ากิลด์ด้วย พวกเขาจึงพากันเกลียดความบ้าบิ่นของเซียวเฟิงกันหมด
ไม่ดีเท่าที่ควร นี่เพิ่งจะผ่านมาแค่ 30 เวฟเอง แต่พวกเราก็รู้สึกเหนื่อยกันหมดแล้ว มีความคิดดี ๆ บ้างไหม? หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้าแล้วถามเซียวเฟิงกลับ
คิดว่าเขาจะมีความคิดดี ๆ เหรอคะ? ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่มันก็ไม่มีทางที่เขาจะสามารถต้านกองทัพมอนสเตอร์นับพันได้ด้วยตัวเองหรอก ลิลลี่บ่นพึมพำ เธอยังคงไม่พอใจในตัวเซียวเฟิงอยู่
เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! หลิวเฉียงเหว่ยพูดขึ้นมาทันทีพร้อมกับจ้องมองไปยังลิลลี่ด้วยคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมด้วย
เธอใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการเชิญเซียวเฟิงมาที่นี่ ดังนั้นจึงกลัวว่าเขาจะจากไปหากอารมณ์ไม่ดี สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวตัดสินใจเริ่มสงครามป้องกันฐานในครั้งนี้ก็เพราะเชื่อใจชายหนุ่มนั่นเอง สภาพของมิดซัมเมอร์ในตอนนี้นั้นไม่สามารถป้องกันฐานด้วยตนเองได้แน่ ๆ และเซียวเฟิงคือคนเดียวที่พวกเธอจะสามารถไว้วางใจได้
อืม… ย้ายคนครึ่งหนึ่งจากทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเพื่อส่งไปช่วยทางทิศเหนือกับใต้เป็นไง?
เซียวเฟิงแนะนำขึ้นมาหลังจากตรวจสอบสมรภูมิด้านล่างไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวฟที่ 30 ยังเหลืออีก 6 เวฟ ไม่ต้องพูดถึงบอสที่เวฟสุดท้าย เพราะสภาพของสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ในตอนนี้ เอาแค่ 6 เวฟนี้ให้รอดจากวิกฤตยังถือว่ายาก เท่ากับว่าพวกเขากำลังเจอปัญหาที่ใหญ่เข้าให้เสียแล้ว หากทิศใดทิศหนึ่งเกิดทลายลง แคมป์ทั้งแคมป์เองก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย ทุกอย่างจะค่อย ๆ พังไปตาม ๆ กันหมด
การเสริมกำลังคนให้ทางทิศใต้และทิศเหนือนั้นจะช่วยลดแรงกดดันของทั้งสองทิศได้ดี แต่แบบนี้จะไม่ทำให้ทิศตะวันออกกับตะวันตกอ่อนแอแทนเหรอ?
หลิวเฉียงเหว่ยกำลังลังเล ในขณะที่ซือเยี่ยจิ๋งก็กำลังรู้สึกประหลาดใจ ส่วนลิลลี่นั้นกำลังจ้องเซียวเฟิงอย่างไม่ละสายตา เธอสงบปากสงบคำลงไปหลังจากที่โดนหลิวเฉียงเหว่ยดุไป แววตาของเด็กสาวนั้นเปี่ยมไปด้วยความสงสัยที่อยากจะถามเซียวเฟิงออกไปตรง ๆ ว่าเขากำลังคิดจะชดเชยความผิดที่เคยก่อหรือเปล่า?