Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] – บทที่ 265 กระดูกไหล่มังกรปีศาจ

บทที่ 265 กระดูกไหล่มังกรปีศาจ

บทที่ 265 กระดูกไหล่มังกรปีศาจ

ผู้พิทักษ์ชั้นที่ 2 ของปราสาทใต้พิภพ (ฝั่งขวา)

เลเวล : 30

ประเภท : บอสระดับเทพเจ้า

ธาตุ : อันเดด

พลังชีวิต : 170,000 / 170,000

พลังโจมตีกายภาพ : 3,150-3,200

พลังโจมตีเวทมนตร์ : 1,900-2,000

พลังป้องกันกายภาพ : 2,500-2,600

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,600-2,800

สกิล : ระเบิดแรงสูง, พิษอันเดด, จู่โจม, เชื้อสายระดับสูง, วัจนะโรยลา, ผู้วายชนม์สาปส่ง, ต้านทานอันเดด, สละชีพ, ร่างไร้วิญญาณ, พลังแห่งเทพเจ้า

คำอธิบาย : ‘ผู้พิทักษ์ประจำชั้นที่ 2 ของมหาสุสานใต้พิภพ ปรากฏตัวก็ต่อเมื่อชั้นที่ 2 ถูกบุกรุก หน้าที่หลักคือการขับไล่ผู้บุกรุกออกไปด้านนอก’

ถึงแม้ว่าหานเฟิงจะรู้อยู่แล้วว่าบอสที่เขาจะต้องเข้าไปกำจัดตรงหน้านี้ไม่ใช่อะไรที่สามารถรับมือได้ง่าย ๆ แต่พอได้มาอ่านค่าสถานะของผู้พิทักษ์นักฆ่าจริง ๆ แล้วมันก็ทำให้เขาคอแห้งขึ้นมาทันทีเลย บอสตัวนี้มันเก่งกว่าที่คิดอีกนะ!

 บอสสามารถล่องหนแบบสมบูรณ์ได้ และมันจะไม่ปรากฏตัวออกมาแม้ว่าจะโดนโจมตีก็ตาม ลองดูหน่อยสิว่าสัจจะวิสัยของนายมองเห็นหรือเปล่า?  เซียวเฟิงพูดก่อนจะเริ่มกระทำการใด ๆ ต่อ

 ไม่ต้องห่วงลูกพี่ ระยะการมองเห็นของสกิลสัจจะวิสัยนั้นไม่เป็นปัญหา ลูกพี่มองเห็นบอสแน่ ๆ เพราะยังไงฉันกับลูกพี่ก็อยู่ปาร์ตี้เดียวกัน สกิลมันส่งผลถึงอยู่แล้ว แต่มันมีปัญหาอื่นมาแทน…  ในตอนแรกนั้นหานเฟิงพูดอย่างมั่นใจ ทว่าประโยคสุดท้ายกลับแสดงความลังเลใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 ปัญหาอะไรน่ะ?  เซียวเฟิงถามในจุดที่น่าสงสัย

 แม้ว่าระยะการมองเห็นของสัจจะวิสัยจะไม่ใช่ใกล้ ๆ แต่มันก็ไม่ได้ไกลนัก ถ้าหากพวกเราต้องการจะมองเห็นบอสตลอดเวลา เราจะไม่สามารถถอยหนีจากบอสได้ และเพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงมองว่ามันเป็นปัญหา พลังโจมตีของบอสน่ะสูงมาก ๆ ฉันกลัวว่าถ้าบอสแตะตัวฉันได้ ฉันคงจะตายในทันทีแน่ ๆ   หานเฟิงพูดด้วยความกังวล

ด้วยความแข็งแกร่งของเซียวเฟิง ต่อให้เป็นบอสเลเวลสูงระดับเทพเจ้าที่เก่งกว่าบอสตัวไหน ๆ มันก็ไม่คณามือเขาได้หรอก หานเฟิงมั่นใจมาก ๆ ว่าเซียวเฟิงสามารถสู้ได้แม้จะสูสีก็ตาม

แต่ปัญหามันอยู่ที่ตัวเขาไม่สามารถอยู่ห่างจากบอสต่างหาก ไม่งั้นแล้วผลของสกิลสัจจะวิสัยจะหลุดระยะ และการที่ไม่สามารถถอยห่างจากบอสได้ มันหมายถึงชีวิตเขาจะอยู่ที่ปลายดาบของบอสตลอดเวลา เมื่อไหร่ที่ดาบนั้นฟาดฟันลงมาถูกเขา ตัวหานเฟิงก็จะตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย

 ไม่เป็นไร นายแค่คอยตามหลังฉันเพื่อให้ผลของสกิลสัจจะวิสัยคงอยู่ก็พอ ไม่ต้องเข้าต่อสู้ คอยหลบการโจมตีให้ดี ๆ แล้วฉันจะเป็นคนซัดกับบอสเอง  ในการที่จะปกป้องหานเฟิงไปด้วย เซียวเฟิงจำเป็นต้องล่อให้บอสโจมตีไปทางเขาเท่านั้น

โชคยังดีบอสตัวนี้เป็นผู้พิทักษ์นักฆ่า การโจมตีหลัก ๆ ของมันล้วนพึ่งพาพลังโจมตีทางกายภาพล้วน ๆ ดังนั้นถ้าหลบสกิลของมันได้ การโจมตีปกติของมัน ตัวชายหนุ่มเองก็จะสามารถป้องกันได้

ถ้าหากมันเป็นบอสนักเวทแล้วล่ะก็ เซียวเฟิงคงทำได้แค่หลบสกิลและโจมตีสวนกลับเท่านั้น ไม่งั้นแล้วเขาจะเป็นฝ่ายที่ต้องรับส่วนต่างความเสียหายจากการโจมตีระยะไกลหากเลือกที่จะป้องกันแน่ ๆ เอาเวลาที่คิดหาทางป้องกันไปคิดหาทางหลบและสวนกลับยังจะดีเสียกว่า

 ถ้างั้นไม่มีปัญหาเลยลูกพี่! ฉันจะไม่ทำให้พี่ต้องเหนื่อย!  หานเฟิงรีบสัญญา แต่คำสัญญานั่นก็ทำให้เซียวเฟิงต้องมองเขาอีกรอบด้วยความคิดที่ว่า ‘ไอ้เจ้านี่มันทิ้งเพื่อนร่วมปาร์ตี้มากี่ครั้งแล้วกันนะ?’

 เอาล่ะ เริ่มโจมตีมันได้แล้ว! 

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากไปกว่านี้ เซียวเฟิงรีบพาหานเฟิงเข้าไปยังจุดที่บอสผู้พิทักษ์นักฆ่าปรากฏตัวขึ้น นั่นเพราะบอสตัวนี้จะหายตัวตั้งแต่ต้นที่มันโผล่ออกมา ดังนั้นจะมีเพียงเซียวเฟิงเท่านั้นที่รู้ตำแหน่งที่มันปรากฏตัวอ้างอิงจากครั้งที่แล้ว

หานเฟิงรีบตามหลังเซียวเฟิงไปติด ๆ เขาระวังตัวเองทุกฝีเก้า สกิลสัจจะวิสัยนั้นเป็นสกิลติดตัว ดังนั้นมันจะทำงานเองเมื่อมีเงื่อนไขตรงตามที่ระบุไว้โดยที่เขาไม่ต้องไปยุ่ง ตราบใดที่เขายังมีชีวิต สกิลนี้จะส่งผลตลอด ดังนั้น…การต่อสู้ครั้งนี้น่ะ ตัวหานเฟิงจะชิงตายก่อนไม่ได้เด็ดขาด

 ฉันเห็นมันแล้ว! 

ทั้งสองกำลังเข้าใกล้จุดกลางของห้องบอสมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่ออยู่ห่างจากจุดนั้นเพียง 20 เมตร หานเฟิงก็หยุดเท้าลงพร้อมกับมองตรงไปข้างหน้าก่อนจะกระซิบกับเซียวเฟิง

ตรงกลางห้องที่เป็นเหมือนเทวสถานนั้น คือจุดที่เซียวเฟิงเคยคิดว่ามันจะโผล่ออกมาจากเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้น นี่หมายความว่าผู้พิทักษ์นักฆ่าตนนี้ไม่ได้เปลี่ยนจุดเกิด มันอยู่ตรงนี้ และคราวนี้เขาก็ได้เห็นร่างของมันชัดเจนจากผลของสกิลสัจจะวิสัยของหานเฟิงด้วย

 ฮ่าาาาาา 

ขณะเดียวกันที่ทั้งสองเห็นร่างของบอส บอสเองก็เห็นร่างของพวกเขาด้วยเช่นกันเพราะมันเข้าสู่ระยะตรวจจับผู้บุกรุกแล้ว ด้วยเสียงคำราม ความเงียบสงัดของเทวสถานก็ถูกทำลายลง ร่างของผู้พิทักษ์นักฆ่าที่เคยนิ่งสงบนั้นก็พุ่งทะยานเข้าใส่เซียวเฟิงราวกับเงาอย่างรวดเร็ว

 ลูกพี่…ระวัง! 

หานเฟิงเผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะกัดฟันและข่มความกลัวไว้เพื่อไม่ให้ตนเองถอยหนี เขาจะต้องอยู่หลังเซียวเฟิง ห้ามถอยหนีไปไหนเด็ดขาด!

เซียวเฟิงที่พร้อมรับแรงปะทะอยู่แล้ว จึงรีบใช้คทานักปราชญ์ยกขึ้นตรงหน้าตัวเอง เพื่อปัดป้องการโจมตีจากมีดสั้นของผู้พิทักษ์นักฆ่าตนนี้

ป้องกันได้!

ข้อความระบุผลการกระทำปรากฏขึ้นเหนือหัวเซียวเฟิง อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเซียวเฟิงก็แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ข้อมือของชายหนุ่มที่ต้องรับแรงสะท้อนมาจากคทานั้นมันรุนแรงเสียจนมือของตัวเองชาขึ้นมา…หากเป็นคนอื่นละก็ คงได้มือแตกกันไปแล้ว…

นี่ขนาดเซียวเฟิงมีค่าความแข็งแกร่งค่อนข้างสูงยังขนาดนี้ ถ้าหากเป็นผู้เล่นอื่นแล้ว… ยังไงก็หาทางรอดไม่ได้

ภาพของซางกวน อาโอเชินเมื่อครั้งนั้นมันย้อนกลับมาอีกครั้ง เด็กคนนั้นสามารถสะท้อนแรงปะทะจากการโจมตีของผู้พิทักษ์นักฆ่าตนนี้ได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องขมวดคิ้วเลยด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ค่าสถานะก็ไม่ได้สูงไปกว่าเขา หรือว่านั่นจะเป็นสกิลอะไรบางอย่างนะ?

ไม่เพียงแต่เซียวเฟิงที่ตกใจ หานเฟิงที่อยู่ด้านหลังก็ยิ่งตกใจมากกว่าเขาอีก เขาคิดว่าเซียวเฟิงน่าจะเลือกหลบการโจมตีนั้นนั้น แต่พอเอาเข้าจริง… ไม่คิดเลยว่าเซียวเฟิงจะเลือกตั้งรับการโจมตีจากบอสตรง ๆ แบบนี้!

เขาคิดว่าการปัดป้องนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีโอกาสจะทำได้เลย ไม่สิ ต้องบอกว่า เขาไม่คิดว่าเซียวเฟิงที่เป็นถึงอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียจะสามารถปัดป้องการโจมตีเมื่อครู่ได้ด้วยคทานั่น และที่มันทำให้เขาตกใจมากเลยจริง ๆ นั่นก็คือ ไอ้บอสตรงหน้านี่มันไม่ใช่บอสทั่ว ๆ ไป! มันคือบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30! ทำไมเซียวเฟิงถึงสามารถรับการโจมตีของมันได้ง่าย ๆ แบบนี้โดยที่ไม่ขยับถอยหลังเลยแม้แต่น้อย?

แต่สิ่งหนึ่งที่หานเฟิงไม่รู้ นั่นก็คือเซียวเฟิงจะต้องรับแรงปะทะเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่ได้อะไรมาก แต่อาการมือชานั้นไม่ทุเลาลงเลย ทว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่สามารถถอยกลับไปได้ เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงเลือกได้แค่ตอบโต้กลับไปและรีบฆ่าบอสตนนี้ในเวลาอันสั้น

โฮลี่ไลท์!

ถ้อยคำแห่งเงา!

-30,853!

-1,530!

-1,530!

-1,530!

เหนือหัวของผู้พิทักษ์นักฆ่าก็ปรากฏตัวเลขแสดงค่าความเสียหายมากมายขึ้นมา พร้อมทั้งพลังชีวิตที่หายไปกว่าครึ่งหลอด!

 โฮกกกกก! 

ผู้พิทักษ์นักฆ่าตนนี้โกรธเสียแล้ว ดวงไฟแห่งความตายที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของมันแปลเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับเลือดที่กำลังเผาไหม้ มีดสั้นในมือของมันที่มีรูปทรงเหมือนกระดูกสั่นกึก ๆ พร้อมกับเปล่งแสงสีแดงออกมา ร่างนั้นกระโจนออกจากจุดที่ยืนอยู่แล้วพุ่งเข้าไล่แทงเซียวเฟิง ดูท่าว่านี่จะเป็นสกิลหนึ่งของมันแน่ ๆ

มังกรคำราม!

 กรรรรรร! 

มึนงง!

มึนงง!

อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่เปิดโอกาสให้ผู้พิทักษ์นักฆ่าตนนี้ได้โจมตี เขาใช้มังกรคำรามอัดใส่หน้าอีกฝ่ายไปตรง ๆ ซึ่งผลของสกิลที่เป็นวงกว้างนั้น มันทำให้ทั้งผู้พิทักษ์นักฆ่าและหานเฟิงต่างติดสถานะมึนงงไปพร้อม ๆ กัน แต่เพราะแบบนี้ มันเลยทำให้ชายหนุ่มสามารถหยุดสกิลของบอสไว้ได้

เพราะรูปแบบการส่งผลของมังกรคำรามนั้นเป็นแบบรอบตัว มันเลยเป็นสกิลที่ไม่สนใจว่ารอบ ๆ ตัวจะเป็นมิตรหรือศัตรู ด้วยเหตุนี้ หานเฟิงจึงได้รับผลสถานะมึนงงไปด้วย แต่ยังไงเสียเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นมึนงงไปก็ไม่มีผลอะไร…

ค่าต่อต้านสถานะผิดปกติของผู้พิทักษ์นักฆ่าตนนี้สูงมากในระดับหนึ่งเลย มันทำให้ผลความมึนงงของมังกรคำรามที่ควรจะนานถึง 5 วินาที เหลือเพียง 3 วินาทีเท่านั้น

แต่ถึงสถานะมึนงงจะหายไปเร็วขึ้น เซียวเฟิงก็ยังสามารถป้องกันการโจมตีของบอสตนนี้ได้อยู่ดี…

ด้วยผลอีกอย่างหนึ่งของกรงเล็บมังกร มันทำให้ผู้พิทักษ์นักฆ่าไม่สามารถเพิ่มพลังชีวิตของตนเองได้เลย ตลอดเวลาไม่ถึง 90 วินาทีถัดจากนั้นมันก็เป็นฝ่ายโดนบั่นพลังชีวิตด้วยพิษของโฮลี่ไลท์และถ้อยคำแห่งเงาอยู่ถึงสามครั้ง จนตอนนี้มันเหลือพลังชีวิตเพียงน้อยนิดเท่านั้น

หานเฟิงที่เป็นคนดูนั้นทำอะไรไม่ถูกแล้ว เขายืนนิ่งเหมือนรูปสลักหินขณะมองการต่อสู้ตรงหน้านี้อย่างไม่กะพริบตา

นี่มันบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 เลยนะ! มันมีพลังชีวิตสูงกว่า 150,000 หน่วยเลยนะ! แถมพลังป้องกันของมันก็ยังมากกว่า 2,500 หน่วยอีกนะ!

ทำไมบอสระดับนี้ถึงได้ตายภายในเวลาไม่ถึง 2 นาทีได้ล่ะ!? แถบสีเขียวในหลอดพลังชีวิตของมันนั้นหายอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เหลือเพียงนิดหน่อยเท่านั้น นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่หานเฟิงรู้สึกว่าบอสระดับสูงถูกจัดการได้ง่ายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่พลังในการต่อสู้ของมันสูงกว่ามอนสเตอร์ทั่วไปอยู่หลายร้อยเท่าตัวเลยแท้ ๆ!

หากไม่นับตอนที่บอสปล่อยสกิลออกมาสองครั้งระหว่างการต่อสู้กับตอนที่บอสหลุดระยะการมองเห็นของสกิลสัจจะวิสัยแล้ว ตลอด 2 นาทีมานี้ หานเฟิงไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนเฉย ๆ

ก่อนหน้านี้ ในฐานะที่เป็นจอมหยิ่งผยองและในฐานะผู้ที่มีอาชีพลับแข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง หานเฟิงค่อนข้างมั่นใจในตนเองและลำพองในความแข็งแกร่งของตัวเองอยู่ตลอด ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่กล้าที่จะหาเรื่องผู้เล่นคนอื่นหรือกิลด์ใหญ่ ๆ จนปวดหัวกันไปหมดแน่ ๆ แถมตัวเขานั้นยังมีชื่อติดอยู่ในลิสต์คนดังเสียด้วย

แต่ตลอด 1 นาทีกว่า ๆ ที่ผ่านมานี้ หานเฟิงได้ดูการต่อสู้ของเซียวเฟิงอย่างใกล้ชิด เขาได้เห็นเซียวเฟิงสามารถป้องกันการโจมตีของบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 ได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงแถมยังสามารถโจมตีกลับด้วยความเสียหายหลักหมื่นได้อีกด้วย

มันเป็นครั้งแรกเลยที่หานเฟิงรู้สึกสั่นกลัว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตนเองนั้นเป็นเพียงผู้เล่นกระจอก ๆ เขากล่าวชื่นชมเซียวเฟิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายในใจ คน ๆ นี้แข็งแกร่งจริง ๆ แข็งแกร่งสมกับที่เป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตฮัวเซียที่สุด และความแข็งแกร่งนี้จะไม่มีใครมาล้มล้างได้อย่างแน่นอน!

ด้วยสกิลติดตัวของคทาแห่งปราชญ์ที่แม้จะเสียหายอยู่ก็ยังสามารถลดระยะเวลาการคูลดาวน์ของสกิลประเภทรักษาได้ 10% มันเลยทำให้เซียวเฟิงสามารถใช้โฮลี่ไลท์และถ้อยคำแห่งเงาได้ถึง 4 ครั้งภายในเวลา 2 นาที

ในตอนนี้ผลของสกิลทั้งสองเองก็ปรากฏเหนือหัวของผู้พิทักษ์นักฆ่าแล้ว เมื่อสิ้นสุดการแสดงผล แถบสีเขียวภายในหลอดพลังชีวิตของบอสตรงหน้าก็หายไปจนหมดพร้อมกับที่ร่างนั้นแตกสลายกลายเป็นหมอกไปต่อหน้าต่อตา

หลังจากที่มันไม่สามารถปิดบังตัวตนได้แล้ว การสู้กับบอสที่มีดีแค่พลังโจมตีกายภาพก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เจ็บสุดก็แค่แขนที่ยังชาอยู่จนถึงตอนนี้

[คุณได้ทำการกำจัดบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 ผู้พิทักษ์ชั้นที่ 2 แห่งปราสาทใต้พิภพ (ฝั่งขวา) คุณได้รับค่าประสบการณ์ 4,500,000 หน่วย!]

[ยินดีด้วย เลเวลของคุณเพิ่มขึ้นเป็น 29! คุณได้รับแต้มอิสระ 1 แต้ม!]

ด้วยแสงสว่างที่ส่องกระจายมาจากตัวเซียวเฟิง เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาสองข้อความ แต่ ณ เวลานี้ เซียวเฟิงไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจเรื่องเลเวลของตัวเองแล้ว หลังจากที่นำแต้มที่ได้ไปเพิ่มให้ค่าจิตวิญญาณ เขาก็รีบหันไปมองยังจุดที่บอสผู้พิทักษ์นักฆ่าตายในทันที

ชัดเจนที่สุด! บนพื้นตรงนั้น มีแสงสีม่วงกำลังส่องประกายออกมาอยู่หลังจากที่หมอกมืดหายไปหมดแล้ว!

แสงของอาร์ติแฟกต์! อาร์ติแฟกต์อีก 1 ชิ้น!

 ว้าว! อาร์ติแฟกต์ล่ะลูกพี่! รีบตรวจดูกันเถอะ! 

หานเฟิงเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้เซียวเฟิงเลย เขารีบวิ่งเข้าไปดูอาร์ติแฟกต์นั้นก่อน แต่ก็ได้แค่ดู เพราะเซียวเฟิงที่ตามไปติด ๆ นั้นชิงหยิบขึ้นมาและรีบเปิดดูก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรต่อ จริงด้วย… มันเป็นหนึ่งในเซ็ตอาร์ติแฟกต์มังกรปีศาจจริง ๆ!

เกราะไหล่มังกรปีศาจ

ประเภท : อาร์ติแฟกต์

ประเภทสวมใส่ : แขน

เลเวลของไอเทม : ไม่มี

เลเวลบังคับใช้ : ไม่มี

คุณสมบัติ :

ค่าความแข็งแกร่ง + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

ค่าสภาพร่างกาย + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

ค่าความคล่องตัว + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

ค่าความฉลาด + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

ค่าจิตวิญญาณ + (เลเวลของผู้เล่น x 2)

สกิล :

หนามมังกร : สกิลติดตัว – สะท้อนความเสียหายกลับออกไป 10% ไม่ว่าจะได้รับความเสียหายมาจากไหนก็ตาม

มังกรทะลวง : สกิลติดตัว – เมื่อทำความเสียหาย เมินค่าเกราะของเป้าหมาย 50%

เกราะมังกร : สกิลกดใช้ – อัญเชิญโล่มังกรออกมา โล่มังกรมีความสามารถในการป้องกันการโจมตีทุกประเภทที่มาจากด้านหน้า ระยะเวลาแสดงผล 1 นาที คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง

คำอธิบาย : ‘หนึ่งในชุดมังกรปีศาจ พลังของไอเทมแต่ละชิ้นจะแสดงผลก็ต่อเมื่อรวบรวมชุดมังกรปีศาจได้ครบ’

 

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

Status: Ongoing

เซียวเฟิง นักเล่นเกม E-Sport แนว MOBA ชื่อดังกำลังถูกบังคับให้ยอมแพ้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เขาเลือกที่จะปฏิเสธจนทำให้ชีวิตของเขาต้องล้มเหลว จนต้องไปสมัครเป็นพนักงานร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ยินประกาศเกี่ยวกับเกมออนไลน์แนวใหม่ชื่อว่า “มิธ” มันเป็นเกมที่ไม่ใช่เกม แต่มันคือโลกใบที่สอง จิตวิญญาณความเป็นเกมเมอร์ได้กลับเข้าร่างของเขาอีกครัั้ง เซียวเฟิงจะต้องก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งในโลกแห่งมิธเพื่อหาเลี้ยงน้องสาวตัวเองให้ได้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท