บทที่ 307 เมืองเซิงสุ่ย
บทที่ 307 เมืองเซิงสุ่ย
“พี่เซียว ดังใหญ่แล้วนะ”
ในตอนนั้น เซียวเฟิงกำลังพาเฉียนโตวโตวและกลุ่มผู้เล่นสาว ๆ ไปเก็บเลเวลที่ภูเขากระดูก ในตอนแรกนั้นพวกเธอกำลังรอที่จะซื้อหินอวกาศที่ประกาศไว้อยู่ที่ร้านค้ามหาสมบัติ แต่หลังจากที่เห็นแล้วว่ามีผู้เล่นที่สำเร็จภารกิจเปลี่ยนคลาสที่ 2 มากขึ้นเรื่อย ๆ เฉียนโตวโตวและคนงานของเธอจึงตัดสินใจที่จะเร่งเก็บเลเวลเพื่อไปยังเมืองจักรวรรดิเหมือนกัน
ทว่าเฉียนโตวโตวไม่ใช่คนที่จะสามารถอยู่ว่าง ๆ โดยไม่ทำอะไรได้ ดังนั้นระหว่างที่กำลังเก็บเลเวลกับเซียวเฟิง เธอก็สอดส่องเข้าไปในฟอรั่มเกมด้วย หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมาใส่เซียวเฟิง
อันที่จริงยามเธอยิ้มนี้ก็ค่อนข้างที่จะดูดีเลยทีเดียว ดวงตาที่หลับพริ้มนั้นทำให้รอยยิ้มของเธอสดใสไม่แพ้ใครอื่น เพราะรอยโค้งของดวงตานั้นมันเหมือนว่าตาของเธอเองก็กำลังยิ้มอยู่ด้วย
“เธอได้หินอวกาศมากี่ก้อนแล้ว?” เซียวเฟิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เธอพูดและเปลี่ยนไปถามเรื่องความคืบหน้าของหินอวกาศแทนทันที
“ด้วยสามก้อนที่ได้มาจากพี่หลิว ตอนนี้มีทั้งหมดสี่สิบสองก้อนแล้วค่า…พี่เซียวยังต้องการอีกกี่ก้อนคะ?” เฉียนโตวโตวถาม
“ฉันต้องการทั้งหมดหกสิบสี่ก้อน ที่ตัวฉันมีสิบสองก้อน เพราะงั้นยังเหลืออีกสิบก้อน” เขาคำนวณก่อนจะตอบไป
“โห ยังเหลืออีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่เหรอ? พวกเราน่าจะกว้านซื้อหินอวกาศจากผู้เล่นทุกคนที่ถือมันเอาไว้ได้แล้วมั้ง ดังนั้นแล้วสิบก้อนที่ยังเหลือนั่นเราไม่น่าจะได้มันมาง่าย ๆ แน่” รู้เช่นนั้น เฉียนโตวโตวก็รู้สึกถึงความตึงมือเหมือนกัน
“ถ้าเรายังได้ไม่ถึงหกสิบสี่ก้อน ฉันจะลองไปยืมกิลด์อื่นดู” เซียวเฟิงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“นี่พี่เซียวคิดจะไปปล้นกิลด์อื่นอีกแล้วเหรอ?” หญิงสาวพูดด้วยความสงสัย
“ฉันเป็นคนประเภทนั้นเหรอ? ฉันบอกว่าจะยืมก็คือยืม” เซียวเฟิงพูดย้ำด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“…ฉันคิดว่าภายในคลังของกิลด์วอร์สปิริตฮอลล์น่าจะมีเยอะพอตัว เพราะสองวันก่อนจืออี้มาหาฉันเพื่อซื้อหินอวกาศจำนวนมาก เพื่อไปอัปเกรดแท่นเทเลพอร์ตภายในกิลด์”
มันเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่จะเห็นเฉียนโตวโตวเงียบ แต่ในท้ายสุดเธอก็พูดออกมาหลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เข้าใจแล้ว”
เซียวเฟิงพยักหน้า ยังไงเสียเขากับวอร์สปิริตฮอลล์ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยกัน เขาน่าจะสามารถยืมหินอวกาศจากคนเหล่านี้ได้
ครืน!
ตูม!
เสียงการโจมตีดังระงมไปทั่ว ก่อนที่แสงสีขาวจะสาดส่องออกมาจากร่างของสาว ๆ ในที่สุดเฉียนโตวโตวและพวกพ้องสาว ๆ ก็พากันอัปเลเวลเป็นสามสิบกันแล้ว
“ดี ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอไปทำภารกิจเปลี่ยนคลาสที่ 2 ต่อ” เซียวเฟิงโล่งอก นี่มันเหมือนกับการที่ชายหนุ่มเป็นหงอคงที่สามารถพาพระถังซัมจั๋งไปส่งยังชมพูทวีปเพื่อแสวงธรรมต่อได้เลย เพราะตอนนี้เขาก็สามารถพาพวกเธอไปยังเมืองจักรวรรดิได้เสียที
พวกเธอทั้งหมดนี้มีอาชีพทั่ว ๆ ไป เพราะงั้นแล้วภารกิจเปลี่ยนคลาสที่ 2 จึงไม่ได้ยากอะไรนัก เซียวเฟิงวางแผนไว้ว่าหลังจากที่ช่วยทำภารกิจเปลี่ยนคลาสให้พวกเธอทั้งหมดเสร็จ เขาจะลงไปยังมหาสุสานใต้พิภพเพื่อตรวจสอบอะไรนิดหน่อย เนื่องจากหนี่อู๋เคยพูดกับเขาไว้ว่า ลิชเค่อสูนั้นน่าจะอยู่ที่มหาสุสานใต้พิภพในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเซียวเฟิงเองก็ยังเคยเห็นลิชอยู่ที่มหาสุสานมาก่อนด้วย ไหนจะชั้นที่ 6 และชั้นที่ 7 ของปราสาทใต้พิภพเองที่ยังไม่ได้สำรวจอีก ดังนั้นแล้ว ความน่าจะเป็นก็นับว่ามีอยู่มากเลยทีเดียว ความน่าจะเป็นที่การคาดเดาของเขาจะถูกต้อง!
แต่ก่อนที่เซียวเฟิงจะได้กลับไปยังเมืองเทียนหลง พร้อมกับเฉียนโตวโตว โทรศัพท์สายหนึ่งก็โทรเข้ามา
“ท่านเซียว ทำอะไรอยู่หรือเปล่า? พอจะมีเวลาว่างไหม?”
มันเป็นสายโทรเข้าจากจืออี้ ที่ซึ่งทำให้เซียวเฟิงมีความสุขมาก ๆ เขากำลังอยากจะไปหาวอร์สปิริตฮอลล์อยู่พอดี ไม่คาดคิดเลยว่าวอร์สปิริตฮอลล์จะเป็นฝ่ายมาหาเขาเองเช่นนี้
“ฉันว่างมาก ๆ แล้วก็มีเวลาด้วย คนสวย บอกฉันมาได้เลยว่าอยากให้ฉันช่วยอะไร ตามที่เธอต้องการเลย” เซียวเฟิงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ?” จืออี้ แอบประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “พวกเราเจอดันเจี้ยนเลเวล 25 ในเมืองเซิงสุ่ย แต่มันเป็นดันเจี้ยนขนาดใหญ่ที่ยากมาก ๆ มันยังถูกเปิดไม่สำเร็จ นายพอจะมาช่วยพวกเราได้ไหม ท่านเซียว?”
“จะเปิดดันเจี้ยนเลเวล 25 กันเหรอ? ได้สิ บอกทางมาเลย เดี๋ยวฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ” เซียวเฟิงตกใจแล้วรีบตอบอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ มีเพียงผู้เล่นระดับท็อปเขตเท่านั้นที่จะสำเร็จการเปลี่ยนคลาสที่ 2 กัน ในขณะที่ผู้เล่นส่วนใหญ่นั้นยังอยู่กันที่เลเวล 20 แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว เลเวลของผู้เล่นส่วนใหญ่ในเขตฮัวเซียก็คือ 25 แล้ว ด้วยการที่วอร์สปิริตฮอลล์เป็นกิลด์ขนาดใหญ่ มันยิ่งทำให้การที่พวกเขาจะตั้งทีมบุกเบิกเพื่อบุกดันเจี้ยนเลเวล 30 นั้นไม่น่าจะใช่เรื่องยากเลย
อย่างไรก็ตาม แม้จะคิดว่าพวกเขาต้องทำได้ แต่การที่คนเหล่านี้มาขอให้ช่วยเปิดดันเจี้ยนเลเวล 25 นั้น มันก็ทำให้เซียวเฟิงตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
“พี่เซียว เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เฉียนโตวโตวถาม เธอไม่ได้ยินว่าเขาคุยอะไรกันในโทรศัพท์ หญิงสาวได้ยินเพียงแค่ว่าเซียวเฟิงบอกจะไปในทันที เพราะงั้นเลยเดาได้ว่าน่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ
“วอร์สปิริตฮอลล์มาขอให้ฉันช่วยน่ะ บังเอิญจังเลยนะ” เซียวเฟิงพูดแล้วมองไปยังเฉียนโตวโตวกับกลุ่มผู้เล่นผู้หญิงด้วยความลำบากใจเล็กน้อยหากจะทิ้งพวกเธอไว้ตรงนี้
“พี่เซียว รีบไปเถอะ ภารกิจเปลี่ยนคลาสที่ 2 ของพวกเราง่ายจะตายไป ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันบอกให้พี่หลิวส่งคนมาช่วยก็ได้ งานของพี่สำคัญกว่าเยอะ” เฉียนโตวโตวรีบแสดงให้เห็นว่าเธอเข้าใจสถานการณ์ออกมาทันที
“เอ่อ… โอเค ถ้างั้นฉันไปแล้วนะ”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็เข้าใจตามสิ่งที่เธอพูด เพราะยังไงเสีย หากพวกเธอต้องการความช่วยเหลือ พวกเธอสามารถขอให้ซือเยี่ยจิ๋งมาช่วยก็ยังได้ ดังนั้นแล้วเซียวเฟิงจึงไม่ชักช้า เขาหยิบคัมภีร์เทเลพอร์ตเมืองขึ้นมาจากนั้นก็ใช้มันแล้วจากไป
เมื่อเดินทางมาถึงเมืองเซิงสุ่ยแล้ว เขาก็เดินทางต่อไปตามทางที่จืออี้ บอกไว้
การเปลี่ยนคลาสที่ 2 ของเฉียนโตวโตวนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นแล้วหลิวเฉียงเหว่ยจึงไม่รังเกียจที่จะช่วยอยู่แล้ว เธอส่งซือเยี่ยจิ๋งไปช่วยเฉียนโตวโตวทันทีหลังได้รับข้อความ และในเมื่อซือเยี่ยจิ๋งไปที่นั่นแล้ว ภารกิจเปลี่ยนคลาสของเฉียนโตวโตวและพรรคพวกของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับหั่นเค้ก
ระหว่างนั้นเซียวเฟิงก็เดินทางมาถึงภูเขานอกเมืองเซิงสุ่ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ต้องประหลาดใจกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ นี้ไม่น้อยเลย
นั่นเพราะเมืองเซิงสุ่ยนั้นแต่เดิมแล้วถือเป็นเมืองที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง รอบ ๆ เมืองจะถูกห้อมล้อมไว้ด้วยภูเขาที่มีหิมะทับถมอยู่มากมาย ผิดกับภูเขาที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้…มันคือภูเขาไฟที่กำลังปะทุ! ที่ยอดของมันนั้นมีควันสีดำลอยออกมาตลอด บรรยากาศรอบ ๆ ภูเขาลูกนี้มันแปลกจนเซียวเฟิงยังต้องรู้สึกประหลาดใจ
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์มาแล้ว!”
“พี่ชาย!”
“ลูกพี่!”
ที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนแห่งนี้เป็นถ้ำภูเขาไฟ เมื่อเซียวเฟิงมาถึง เขาก็พบว่าสมาชิกทีมที่มาลุยดันเจี้ยนของวอร์สปิริตฮอลล์นั้นค่อนข้างน่าพึงพอใจมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเป็นเลเวล 30 กันทั้งหมด แต่ยังสำเร็จการเปลี่ยนคลาสที่ 2 กันหมดแล้วอีก
กระนั้นแล้วท่ามกลางคนเหล่านี้ก็ยังมีคนอื่นที่วอร์สปิริตฮอลล์เชิญมาช่วยอีก อย่าง ซางกวน อาโอเชินกับหานเฟิงที่เห็นอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่ความแข็งแกร่งของซางกวน อาโอเชิน และหานเฟิงต่างก็ติดอันดับกันทั้งนั้น แต่ทำไมทีมระดับนี้ถึงยังเปิดดันเจี้ยนกันไม่สำเร็จอีกล่ะ?
“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันก็แค่ดันเจี้ยนขนาดใหญ่เองไม่ใช่เหรอ?”
ท่ามกลางทุกสายตาที่กำลังมองด้วยความอิจฉา เสี่ยวเสวียชโลมตัวลงมาจากกลางอากาศด้วยปีกคู่ใหญ่ประจำตัว จากนั้นเซียวเฟิงก็กระโดดลงมาจากหลังมันและกล่าวถามในทันที
“ก็จริงแหละครับที่มันเป็นแค่ดันเจี้ยนขนาดใหญ่ แต่ความยากของมันเนี่ย เกิดกว่าดันเจี้ยนทั่ว ๆ ไปเยอะเลยนะครับ! ระดับของบอสมันเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ พวกมอนสเตอร์เองก็ด้วย…นี่มันดันเจี้ยนมหาโหดเลย!”
สกายผู้เป็นหัวหน้ากิลด์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย คนที่ทำหน้าที่ในการดูแลทีมเปิดดันเจี้ยนคือไนฟ ซึ่งเมื่อไนฟเห็นเซียวเฟิงมา เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาและเล่าถึงสาเหตุให้ฟัง
“ระดับของบอสเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับงั้นเหรอ? แสดงว่าบอสตัวสุดท้ายก็เป็นระดับเทพเจ้าเลยสิ?” ยิ่งคิดตาม เซียวเฟิงก็ตกใจขึ้นมาอีก
ตามปกติแล้วดันเจี้ยนขนาดใหญ่นั้นถือเป็นระดับที่ยากที่สุดในบรรดาดันเจี้ยนทั้งหมด ไม่เพียงแต่บอสจะระดับสูงถึงทองแล้ว แต่มันก็ยังเพิ่มขนาดปาร์ตี้ให้เป็นยี่สิบคนด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ ‘มันจำเป็นต้องใช้คนถึงยี่สิบคนเพื่อที่จะผ่านดันเจี้ยนนี้ไปได้’
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับคลาสของผู้ร่วมปาร์ตี้รวมไปถึงระดับอุปกรณ์ที่สวมใส่ด้วย หากผู้เล่นธรรมดาต้องการจะจัดปาร์ตี้เพื่อพิชิตดันเจี้ยนขนาดใหญ่แล้วล่ะก็ พวกเขาจะต้องพบกับความห่างชั้นของมอนสเตอร์และตนเองราวกับฟ้าและเหวเลยก็ว่าได้
และอย่างที่รู้กันว่าความแข็งแกร่งของวอร์สปิริตฮอลล์นั้นไม่ใช่น้อย ๆ แล้วไหนพวกเขาจะมีผู้เล่นติดอันดับอยู่ในปาร์ตี้ด้วยถึงสองคน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังไม่สามารถเปิดดันเจี้ยนนี้ได้สำเร็จเนี่ยนะ? สิ่งเดียวที่พอจะคิดได้และค่อนข้างน่าเชื่อถือก็คือ ปัญหานั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่ดันเจี้ยนมากกว่า
ซึ่งคำพูดที่ไนฟพูดก็ถือเป็นการยืนยันความคิดเซียวเฟิง ไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ทั่วไปหรือบอส ทุกอย่างถูกเพิ่มระดับขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ นี่มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย?!
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ มันทำให้บอสตัวสุดท้ายที่ควรจะเป็นระดับทองนั้นกลายเป็นระดับเทพเจ้าไปเลย!
ในเมื่อบอสตัวสุดท้ายเป็นระดับเทพเจ้า…แม้แต่เซียวเฟิงเองก็ไม่สามารถสู้กับมันได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่ามันจะเลเวลเพียง 25 ก็ตาม และขนาดเซียวเฟิงยังรับมือไม่ได้ คนอื่น ๆ จะเหลืออะไร ต่อให้พวกเขาจะมีถึงยี่สิบคนก็ตาม อันที่จริงต่อให้มีสัก 2,000 หรือ 20,000 คนผลลัพธ์ก็ยังไม่ต่างจากเดิมอยู่ดี
ทุก ๆ ครั้งที่ระดับของบอสสูงขึ้น สถานะของมันก็จะสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัวด้วย มันไม่ใช่เพียงแค่ 1+1=2 แต่ทุกอย่างของบอสจะเพิ่มระดับที่เรียกว่าทวีคูณเลยก็ว่าได้!
หากการที่ระดับของบอสเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับเป็นเรื่องเล็ก ๆ เซียวเฟิงคงจะยืนรับความเสียหายของบอสระดับเทพเจ้าได้ เฉกเช่นที่รับการโจมตีของบอสระดับทองไปแล้ว แต่เพราะมันไม่ใช่ ถ้าหากเซียวเฟิงรับความเสียหายจากบอสระดับเทพเจ้า นั่นหมายถึงเขาเองก็จะถูกส่งกลับไปหาพระเจ้าเพราะพลังชีวิตหายฮวบเพราะการโจมตีครั้งเดียวก็ได้
ดังนั้นการปรากฏตัวของบอสระดับเทพเจ้าภายในดันเจี้ยนที่มีจำนวนคนกำหนดไว้นั้นถือเป็นหายนะระดับหนึ่งเลย พวกเขาไม่มีทางสู้ได้แน่ ๆ ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางชนะ และปัญหามันก็ไม่ใช่เรื่องความเข้าขากันหรือกลยุทธ์ ปัญหาคือความแข็งแกร่งของระดับและเลเวลล้วน ๆ!
ด้วยทีมที่มีเพียงยี่สิบคนนี้ หากจะสามารถกำจัดบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 25 ได้ พวกเขาทั้งยี่สิบคนจำเป็นต้องผ่านการเปลี่ยนคลาสครั้งที่ 3 กันหมดแล้ว นี่เป็นทางเดียว ที่ทีมยี่สิบคนจะสามารถผ่านไปได้!
“ใข่แล้ว…พวกเราพยายามอย่างหนักแล้วตอนที่ปราบบอสตัวที่ 2 ไปได้ แต่พวกเราไม่รู้จะสู้ยังไงดีเลยเมื่อเจอบอสตัวสุดท้ายนั้น แม้จะได้พลังของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนกับบัฟของจืออี้ช่วยแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้” ไนฟพูดกับเซียวเฟิงด้วยรอยยิ้มแหย ๆ
“มันมีอะไรแปลก ๆ ในดันเจี้ยนของเมืองเซิงสุ่ยตลอดเลยหรือไงเนี่ย? เมื่อครั้งดันเจี้ยนรังซาลาแมนเดอร์ก็ทีนึงแล้ว นี่มันยากกว่าดันเจี้ยนรังซาลาแมนเดอร์อีกนะ…”
เซียวเฟิงพูดด้วยความสงสัยหลังจากคิดแล้วคิดอีก
ความรู้สึกนี้มันเหมือนเมื่อครั้งตอนที่เขาพยายามต่อสู้เพื่อให้ชนะดันเจี้ยนเป็นกิลด์แรกของเซิร์ฟเวอร์ ความยากของดันเจี้ยนรังซาลาแมนเดอร์นั้นสูงกว่าดันเจี้ยนที่ไหน ๆ หากไม่ใช่เพราะพลังต่อสู้ของเซียวเฟิงมันสูงนำคนอื่นมาตั้งแต่ต้น และเขาต้องพยายามพิชิตดันเจี้ยนด้วยพลังที่มีพอ ๆ กับคนอื่น บางทีชายหนุ่มอาจจะไม่ใช่คนแรกที่สามารถพิชิตดันเจี้ยนนั้นเลยก็ได้
โดยเฉพาะหลังจากที่เซียวเฟิงได้ผ่านดันเจี้ยนเลเวลเดียวกันในเมืองหลักอื่น อย่างเมืองที่ถูกทิ้งของเมืองเทียนหลง เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนมากขึ้นว่า เหล่าดันเจี้ยนในเมืองเซิงสุ่ยนั้นมีระดับความยากสูงกว่าที่อื่น ๆ อยู่มาก
ได้ยินเช่นนั้น ไนฟก็ชะงักไปเช่นกัน ดูเหมือนเขามีอะไรอยากจะพูด แต่เพราะรอบ ๆ นี้มีคนอยู่มากมาย จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเซียวเฟิงเกิดความสนใจขึ้นมา ในเมื่อวอร์สปิริตฮอลล์เลือกที่จะตั้งตนในเมืองเซิงสุ่ย นี่ต้องไม่ใช่การเลือกแบบสุ่ม ๆ แน่ ๆ แต่เขาต้องกำลังซ่อนข้อมูลอะไรไว้บางอย่าง
“ไม่มีอะไรหรอก พี่เซียว! ไหน ๆ พี่เซียวก็อยู่ที่นี่แล้ว เพราะงั้นดันเจี้ยนนี้จะต้องถูกพิชิตได้ง่าย ๆ แน่! ฉันเองก็ไม่อยากจะคุยโวหรอกนะ แต่ด้วยบัฟของเขาน่ะ ฉันสามารถกำจัดบอสระดับเทพเจ้าได้ด้วยตัวเองเลยนะ!” ซางกวน อาโอเชินยังไม่ได้เลิกนิสัยเก่า ๆ เขาจึงเริ่มโอ้อวดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กน้อยเหลือบไปเห็นจืออี้กำลังจ้องมองมายังตน เขาก็รีบปิดปากไปทันที
“ลูกพี่! ฉันเองก็อยู่กับพวกนี้ด้วย ถ้ามีอะไรดี ๆ ดร็อป อย่าลืมเรียกฉันนะ!” หานเฟิงไม่ได้พูดเล่น บอสที่รออยู่ปลายทางนั้นเป็นระดับเทพเจ้า เพราะงั้นรางวัลสำหรับผู้ทำกำจัดได้เป็นคนแรกน่ะ อย่างน้อย ๆ ก็เป็นอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าอย่างแน่นอน!