บทที่ 288 การคาดเดา
บทที่ 288 การคาดเดา
พี่เฉียงเหว่ย คืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจู่ ๆ เซียวเฟิงถึงมาพูดแบบนั้น?
ที่จุดวาร์ปของสุสาน ซือเยี่ยจิ๋งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับม้าที่เป็นกระดูกทั้งตัวรูปงาม เธอกล่าวถามหลิวเฉียงเหว่ยที่อยู่ข้าง ๆ ขณะที่รีบมุ่งหน้าไปยังทางเข้าดันเจี้ยนสุสานนายพลด้วย
ก่อนเธอจะออฟไลน์จากเกม ใครบางคนเข้ามาในคฤหาสน์ เซียวเฟิงเจออีกฝ่ายเข้าก่อนเลยวิ่งตามออกไป
ม้าของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นเป็นม้าขาวทั่วไปที่ซื้อจากร้านค้าของ NPC ดังนั้นความเร็วของมันจึงไม่สูงมาก โชคยังดีที่ซือเยี่ยจิ๋งไม่ได้ใช้ความเร็วเต็มที่ของม้าศึกของเธอ ทั้งสองจึงควบม้าข้างกันได้ หลิวเฉียงเหว่ยตอบคำถามไปหลังจากที่ได้ยินอีกฝ่ายถามมา
มีคนบุกเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้เนี่ยนะ? ขโมยเหรอ? ซือเยี่ยจิ๋งประหลาดใจและรีบถามต่อ
ไม่น่าจะใช่ เพราะฉันเห็นจากสีหน้าของเซียวเฟิง เขาค่อนข้างตื่นตระหนกมากเลย ซึ่งพอเห็นแบบนั้นฉันเองก็รู้สึกหนาวเย็นแล้วก็หวาดกลัวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย ฉันคิดว่าเซียวเฟิงน่าจะรู้จักผู้บุกรุกคนนั้นแล้วมันน่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องคืนนี้นั่นแหละ
หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้าลึก ๆ แล้วเธอก็ยังคงตื่นตระหนกเมื่อนึกถึงสีหน้าของเซียวเฟิงเมื่อครั้งนั้น
แล้วสุดท้ายเป็นยังไง? เขาจับชายคนนั้นได้หรือเปล่า? ซือเยี่ยจิ๋งถามอย่างต่อเนื่องด้วยความกังวล
หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้าอีกครั้ง กระนั้นก็ไม่ได้ห้ามให้ถามแต่อย่างไรแถมยังคอยตอบให้ทุกคำถามอีก คนคนนั้นน่าจะถูกเซียวเฟิงฆ่าตายไปแล้วมั้งนะ ทว่าครั้งนี้เธอกลับตอบด้วยท่าทีที่ไม่ปกตินิดหน่อย
ฮะ? พี่พูดว่าอะไรนะ? ฆ่าตาย? เซียวเฟิงฆ่าคนด้วยเหรอ?
ร่างของซือเยี่ยจิ๋งนิ่งแข็งขึ้นมาทันที จากนั้นม้าศึกกระดูกตัวใหญ่ที่เธอขี่มาก็ค่อย ๆ หยุดวิ่งลงไปและยืนอยู่กับที่ในที่สุด หญิงสาวถามลูกพี่ลูกน้องของตนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
เมื่อตอนที่เขากลับมา ฉันได้กลิ่นเลือดจากตัวเขาแรงมาก ๆ เธอก็รู้ว่าสัญชาติญาณของฉัน น้อยครั้งที่จะพลาด
เห็นดังนั้นหลิวเฉียงเหว่ยก็หยุดควบม้าด้วยเหมือนกัน เธอหันกลับไปมองยังซือเยี่ยจิ๋งที่กำลังงุนงงและพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง จิ๋งจิ๋ง เซียวเฟิงไม่ใช่คนใจดีหรอกนะ เขาเป็นคนที่กลับมาจากเส้นขอบของความตาย เขาฆ่าคนมามากมาย ภายในโลกของเขา มันถูกเติมเต็มไปด้วยเลือด…มันไม่ใช่โลกแบบที่พวกเราเห็นหรอกนะ…รู้แบบนี้แล้ว… เธอยังชอบเขาอยู่หรือเปล่าล่ะ?
ภาพการเจอกันครั้งแรกระหว่างหลิวเฉียงเหว่ยและเซียวเฟิงนั้นยังถูกตราตรึงไว้ในส่วนลึกของสมอง ไม่ว่าจะเป็นเซียกวงเหว่ย ประธานคนก่อนของมิดซัมเมอร์กรุ๊ป ผู้ที่ซึ่งเป็นพ่อของเซียวหลิง หรือนักสืบที่เธอส่งไป ทุกคนล้วนตายด้วยเงื้อมมือของเซียวเฟิง แม้แต่เธอเองก็ยังเคยเกือบจะถูกโยนลงมาจากตึกสูงด้วยเงื้อมมือของชายหนุ่มเช่นกัน ภาพความตายที่เข้ามาใกล้เธอครั้งนั้นยังคงชัดเจนเสมอไม่ว่าจะผ่านมานานสักเท่าไหร่
พี่เฉียงเหว่ย…พูดอะไรเนี่ย? ฉันไม่ได้ชอบตานั่นสักหน่อย… ซือเยี่ยจิ๋งที่งุนงงในตอนแรกกลับกลายเป็นเขินอายในทันที ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะถูกปิดบังไว้ด้วยหน้ากาก แต่น้ำเสียงของเธอก็สั่นคลอนอย่างปิดไม่มิด
เธอไม่ต้องหลอกฉันก็ได้ เพราะเธอน่าจะรู้จักฉันดีอยู่แล้ว ว่าซิกส์เซนส์ของฉันมันแม่น ฉันก็แค่อยากจะเตือนเธอไว้ ว่าเซียวเฟิงไม่ใช่คนทั่วไปหรอกนะ กฏที่ใช้กับคนทั่วไปไม่สามารถผูกมัดเขาไว้ได้หรอก หลิวเฉียงเหว่ยพูดเสริมด้วยความใจเย็น
พี่เฉียงเหว่ยเองก็ด้วยไม่ใช่หรือไง? ฉันเห็นพี่เสนอตัวให้เขาอยู่ก็ตั้งหลายครั้ง! ไม่ใช่ว่าพี่เองก็ชอบเขาเหมือนกันเหรอ? ซือเยี่ยจิ๋งปัดความเขินด้วยการปัดเรื่องไปหาอีกฝ่ายแทนด้วยความซุกซน
มันเป็นการแลกเปลี่ยน ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการ และฉันจำเป็นต้องตอบแทนอย่างเท่าเทียมแม้มันจะต้องเสียสละบางอย่าง มันก็แฟร์ดีอยู่แล้ว ทว่าน้ำเสียงของหลิวเฉียงเหว่ยก็ยังคงสงบนิ่งดังเดิม
แต่ฉันไม่คิดว่าพี่จะไม่เต็มใจเลยนะ ถ้าพี่ไม่ได้ชอบหมอนั่น พี่คงไม่เป็นฝ่ายเริ่มหรอก จริงไหม? ถึงอย่างนั้นซือเยี่ยจิ๋งก็ยังคงไม่ยอมแพ้
เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไรทั้งนั้น เธอเองก็รู้เรื่องนั้นดีอีกนั่นแหละ หลิวเฉียงเหว่ยปฏิเสธ ทว่าครั้งนี้เธอกลับเหลียวมองไปทางอื่นแทน
ซือเยี่ยจิ๋งจำได้ถึงเรื่องโชคชะตาสีเทาของหลิวเฉียงเหว่ย แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความมุ่งมั่นก่อนจะพูด พี่เฉียงเหว่ย หากเขาสามารถช่วยพี่จากชะตากรรมได้จริง ๆ มันก็คุ้มค่าที่จะจ่ายด้วยราคานั้น ต่อให้ฉันต้องเสียสละ มันก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา
ฉันเชื่อในตัวเขา เขาจะต้องช่วยฉันได้แน่ ๆ สัญชาตญาณของฉันไม่เคยผิดพลาด หญิงสาวพูดด้วยความมั่นใจ
เซียวเฟิง…เขาเป็นคนประเภทไหนกันแน่นะ… ซือเยี่ยจิ๋งพูดด้วยเสียงเบา ตอนนั้นเองเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จึงรีบถามขึ้นมา ยังไงก็เถอะ พี่เฉียงเหว่ย เซียวเฟิงบอกให้ฉันหาใครคนหนึ่งให้เขา พี่พอจะรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง?
ถ้าเรื่องนี้เราคงต้องคุยกันหลายเรื่องเลย เริ่มจาก เธอยังจำงานแข่งขันรอบสุดท้ายของอีสปอร์ตเมื่อห้าปีที่แล้วได้หรือเปล่า? หลิวเฉียงเหว่ยเริ่มควบม้าเคลื่อนที่ต่อไปด้านหน้า เธอเปลี่ยนโทนเสียงแล้วเอ่ยถาม
แน่นอน ฉันจำได้แม่นเลย! มันเป็นการแข่งขันรอบสุดท้ายที่ไอดอลของฉัน ออลเรเลีย ได้กลายเป็นเทพเจ้าแห่งการต่อสู้! ตอนนั้นฉันนอนไม่หลับหลายวันหลายคืนเพราะตื่นเต้นกับการที่เขาสามารถสั่นสะเทือนทั้งโลกได้ขนาดนี้! จะว่าไปตอนนั้นเหมือนว่าสปอนเซอร์ของทีมฮัวเซียก็จะเป็นมิดซัมเมอร์กรุ๊ปด้วยนี่นา ฉันพูดถูกไหม? ซือเยี่ยจิ๋งดูตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้
ถูกแล้ว จากนั้นออลเรเลียก็หายไปเลย หลังจากที่การแข่งขันจบลงเมื่อห้าปีก่อน คนทั่วไปคงไม่คิดมากเรื่องนี้กัน แต่ฉันดันไปรู้อะไรบางอย่างเข้าก่อนเซียวเฟิงจะปรากฏตัวเนี่ยสิ
หลิวเฉียงเหว่ยพูดช้าลง เมื่อห้าปีที่แล้ว ใครสักคนในทีมฮัวเซียต้องการจะทำลายออลเรเลีย แถมคนคนนั้นจงใจจะให้ออลเรเลียพ่ายแพ้เกมนั้นด้วย
ว่าไงนะ!? ฉันจำได้ว่าการแข่งขันระดับโลกรอบสุดท้ายนั้นมันเดิมพันกับทรัพยากรที่เหลือที่กระจัดกระจายอยู่ในทุกประเทศเลยไม่ใช่เหรอ? ทีมฮัวเซียรวมออลเรเลียกับคู่หูของเขาเอาไว้ด้วยกันจนสามารถกลายมาเป็นฮีโร่ประจำถิ่นได้แท้ ๆ ! ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นภายในได้ล่ะ?
สิ่งที่หลิวเฉียงเหว่ยพูดมันทำเอาซือเยี่ยจิ๋งถึงกับช็อกไปเลย
ชายที่คิดจะทำลายเซียวเฟิง คือคนที่อยู่เบื้องหลังที่เซียวเฟิงต้องการจะหาตัว ในตอนนั้น สปอนเซอร์ของทีมฮัวเซีย คือมิดซัมเมอร์กรุ๊ปอย่างที่เธอว่า และเซียวเฟิงก็เพิ่งบุกเข้าไปยังมิดซัมเมอร์กรุ๊ปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมกิลด์มิดซัมเมอร์ถึงได้หมายหัวเซียวเฟิงตั้งแต่ที่หมู่บ้านเริ่มต้น ทุก ๆ คนในมิดซัมเมอร์กรุ๊ปต่างเกลียดชังตัวเขา และเพราะตอนนั้นฉันเป็นประธานมิดซัมเมอร์กรุ๊ป ฉันเลยพลอยโดนลูกหลงการข่มขู่จากเขาไปด้วย
การเจอกันของเธอและเซียวเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ถึงอย่างนั้นหลิวเฉียงเหว่ยกลับอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ช่างเป็นโชคชะตาที่มหัศจรรย์อะไรแบบนี้นะ?
คนที่อยู่เบื้องหลังที่ว่านั่นเป็นคนของมิดซัมเมอร์กรุ๊ปเหรอ? ไม่สิ เซียวเฟิงยังหาคนคนนั้นไม่เจอนี่นา มันจะต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ ว่าแต่ทำไมเขาต้องพยายามที่จะหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังด้วยล่ะ? มีใครบ้างที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว? มันน่าจะเป็นเรื่องที่รู้กันวงกว้างใช่ไหมล่ะ? ไม่งั้นเซียวเฟิงคงไม่รู้ละเอียดขนาดนี้หรอก ซือเยี่ยจิ๋งยิงคำถามรัว ๆ
ฉันเคยส่งคนไปสืบหาข้อมูลของเซียวเฟิงมาก่อนหน้า ถึงแม้จะไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก แต่ก็พอจะเดาอะไรได้บ้าง หลิวเฉียงเหว่ยลังเลแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนักก่อนจะพูดออกไปแบบนี้
พี่เดาอะไรได้? ด้วยความอยากรู้ เด็กสาวรีบเค้นหาคำตอบทันที
เธอบอกว่าออลเรเลียเป็นไอดอลของเธอใช่ไหม? หลิวเฉียงเหว่ยทวนคำพูด
ใช่แล้ว! เพราะฉันดูการแข่งขันเกมของเขา ฉันถึงได้เข้ามาในโลกของเกมแบบนี้! ซือเยี่ยจิ๋งตอบอย่างภาคภูมิใจ
ดี แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าเมื่อห้าปีที่แล้วออลเรเลียอายุเท่าไหร่? หลิวเฉียงเหว่ยถามต่อ
ตอนนั้นออลเรเลียอายุสิบเก้าปี เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในทีมฮัวเซีย ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย เขาเป็นถึงหัวหน้าทีมเลยนะ! ซือเยี่ยจิ๋งรีบตอบหลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แล้วอายุของเซียวเฟิงล่ะ? หลิวเฉียงเหว่ยเปิดถามประเด็นหลัก
เอ่อ… เขาน่าจะยี่สิบสี่หรือเปล่า ฉันไม่เคยถามด้วยแฮะ แต่ไม่น่าเกินยี่สิบห้าหรอกมั้ง ซือเยี่ยจิ๋งพูด
เมื่อห้าปีที่แล้ว ออลเรเลียหายตัวไปเมื่อคนที่อยู่เบื้องหลังเริ่มจะทำลายชื่อเสียงของเขา และห้าปีหลังจากนั้นเซียวเฟิงจู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขาพยายามตามหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องในครั้งนั้นด้วยวิธีการต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น อายุของเซียวเฟิงน่ะ ยังเท่ากับอายุของออลเรเลียหลังจากบวกห้าปีแล้วด้วยนะ
แม้หลิวเฉียงเหว่ยจะไม่ได้สรุปข้อเท็จจริงให้ฟัง แต่คำพูดของเธอก็ค่อนข้างชี้ไปในทางเดียวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันทำให้ซือเยี่ยจิ๋งถึงกับผงะเมื่อเธอพยายามรวมทั้งเซียวเฟิงและออลเรเลียเข้าด้วยกัน
พี่เฉียงเหว่ย…พี่หมายถึงเซียวเฟิงคือออลเรเลีย เมื่อห้าปีที่แล้วเหรอ?
ถ้าเรื่องนี้ถูกต้อง ทุก ๆ อย่างก็จะกระจ่าง แต่ฉันไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรอกนะ ก็แค่เดาน่ะ ถึงเจ้าตัวจะส่ายหน้าแต่สายตาของเธอนั้นกลับแสดงให้เห็นว่าเธอเชื่อมั่นในการคาดเดาของเธอขนาดไหน
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้! ถึงฉันจะยกย่องให้ออลเรเลียเป็นไอดอลก็เถอะ แต่ตัวจริงของเขาต้องเป็นหนุ่มอ้วนตุ๊ต๊ะสิ! จะมาหน้าหล่อแบบนี้ไม่ได้นะ! เซียวเฟิงน่ะ…เซียวเฟิง… ซือเยี่ยจิ๋งส่ายหน้าทันทีเมื่อภาพใบหน้าและเรือนร่างอันเพอร์เฟกต์ของเซียวเฟิงมันลอยเข้ามาในหัว
ซือเยี่ยจิ๋งอาจจะเชื่อถ้ามีใครสักคนบอกเธอว่า เซียวเฟิงเป็นเพียงนักศึกษาที่อ่อนแอคนหนึ่ง แต่เธอไม่อาจจะเชื่อได้ว่า เซียวเฟิงคือชายที่เคยน้ำหนักกว่าสองร้อยโลเมื่อห้าปีก่อน
มันก็แค่การคาดเดา มีเพียงเซียวเฟิงเท่านั้นที่รู้ความจริง
หลิวเฉียงเหว่ยเงยหน้าขึ้นแล้วเธอก็พบว่าพวกตนนั้นมาถึงปากทางเข้าดันเจี้ยนสุสานนายพลกันแล้ว ที่แห่งนี้มีผู้คนมากมาย มันเลยทำให้การพูดคุยกันของหลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋งชะงักไว้ด้วยเสียงรบกวนจากผู้เล่นคนอื่นที่กำลังประกาศหาคนเข้าปาร์ตี้
ท่านหัวหน้ากิลด์! หัวหน้าไนท์ คูนเนอร์!
ผู้เล่นของมิดซัมเมอร์กิลด์บางส่วนที่ยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าดันเจี้ยนรีบวิ่งเข้ามาหาหลังจากที่เขาเห็นหลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋งเดินเข้ามา
ยังไงก็ตาม ซือเยี่ยจิ๋งก็มีศักดิ์เป็นหัวหน้าหน่วยแอสซาซินอยู่แล้ว
นายเจอเจ้าแห่งฮีลเลอร์แล้วหรือยัง?
สายตาที่เยือกเย็นของทั้งสองสาวหวนคืนกลับมาก่อนจะถามผู้เป็นสมาชิกกิลด์กลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
ผมเห็นเขาอยู่ตรงหน้าป้ายเชิดชูเกียรติเมื่อครู่นี้ครับ
ผู้เล่นคนนี้เองก็เป็นผู้เล่นระดับสูงของกิลด์มิดซัมเมอร์เช่นกัน เขาพูดออกมาหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในตอนนี้ผู้เล่นหลาย ๆ คนของมิดซัมเมอร์มีทัศนคติที่ดีต่อเซียวเฟิงมากขึ้นแล้ว หลังจากที่เขานำปาร์ตี้กิลด์เข้าไปพิชิตดันเจี้ยนถึงสองครั้ง
โอเค
หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้ารับ จากนั้นเธอก็มุ่งหน้าไปยังป้ายเชิดชูเกียรติพร้อมกับซือเยี่ยจิ๋ง อันที่จริงเธอก็รู้อยู่แล้วว่าเซียวเฟิงรอพวกเธออยู่ที่นั่น
เมื่อพวกเธอเดินทางไปถึงป้ายเชิดชูเกียรติ เธอก็พบว่าเซียวเฟิงกับเฉียนโตวโตวรออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว แล้วก็ชัดเจนอีกว่าเฉียนโตวโตวนั้นมาถึงก่อนพวกเธอเสียอีก
มาช้านะ ไปกันได้แล้ว
เซียวเฟิงดูใจร้อนขึ้นมานิดหน่อย กว่าเขาจะว่างมาช่วยพวกเธอผ่านดันเจี้ยนนั้นมันไม่ง่ายเลย แต่สุดท้ายพวกเธอก็ยังมาช้ากันอยู่ดี ผู้หญิงเนี่ยมักจะมีปัญหาตลอดเลยแฮะ
พวกเขาจัดปาร์ตี้กันอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งสี่ก็มุ่งหน้าเข้าดันเจี้ยนกันไป ดันเจี้ยนนี้ไม่มีเลเวลจำกัด ดังนั้นเฉียนโตวโตวที่เลเวลราว ๆ สิบกว่าจึงสามารถเข้าดันเจี้ยนมาได้ด้วย ภายในนั้นมันเปรียบเสมือนสังเวียนให้ไปสู้กับบอสโดยเฉพาะ เพราะแบบนี้ต่อให้ผู้เล่นเลเวล 1 เข้าไปก็ยังสามารถสู้กับบอสภายในได้
แต่ก็ไม่รับประกันหรอกนะว่าจะชนะหรือเปล่า เพราะบางทีบอสภายในนั้นอาจจะเลเวล 100 ก็ได้
ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เล่นทั่ว ๆ ไปจึงไม่อยากจะเข้าดันเจี้ยนมั่วซั่วนัก ขืนเข้าไปเจอบอสเลเวลสูงในดันเจี้ยน แทนที่จะได้ปราบบอส ดันกลายเป็นเอาตนเองไปให้บอสฆ่าแทนแน่ ๆ
ทว่าสำหรับเฉียนโตวโตวนั้นไม่มีอะไรต้องกังวล สิ่งที่เธอต้องทำนั้นมีเพียงเดินตามปาร์ตี้ไปเพื่อรับค่าประสบการณ์เท่านั้น และค่าประสบการณ์ที่ได้จากบอสเลเวล 25 ภายในดันเจี้ยนนั้น มันก็มากพอที่จะทำให้เธอเลเวลอัปได้หลายเลเวลเลย
หน้าที่กำจัดมอนสเตอร์เป็นของเซียวเฟิง ดังนั้นมันเลยทำให้ซือเยี่ยจิ๋งมีเวลาอยู่กับตนเองมากขึ้น เธอมองเซียวเฟิงด้วยดวงตาที่สับสน
ทุก ๆ คนล้วนแต่มีไอดอลเป็นของตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะหญิงสาว หากออลเรเลียไม่ใช่หนุ่มอ้วนสองร้อยกิโลแล้วล่ะก็ เธอเองก็กลัวว่าเขาอาจจะมีสาว ๆ อีกนับไม่ถ้วนที่แต่งตั้งให้ออลเรเลียกลายเป็นรักที่ใฝ่ฝันและถ้าหากมีโอกาส พวกเธอก็คงพยายามไต่เต้าขึ้นมาหาเขาเพื่อถวายตัวเองแน่ ๆ
ถ้าหากเซียวเฟิงเป็นออลเรเลียจริง ๆ …