บทที่ 304 จะให้ดูของดี
บทที่ 304 จะให้ดูของดี
“ท่านรอตรงนี้ก่อนนะ มาดูกันว่าผมจะกลับมาได้ไหมหลังจากที่ออกไปแล้ว”
แน่นอนว่าเซียวเฟิงยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาเลือกที่จะทิ้งตราจักรวาลไว้ที่จุดที่เขายืนก่อนจะพูด
สถานที่ลับแห่งนี้คงจะไม่ปลอดภัยอย่างที่หนี่อู๋พูดแล้ว มิเช่นนั้นเซียวเฟิงคงไม่สามารถเข้ามาที่นี่ได้ อย่างมากสุด เขาก็เพียงแค่ต้องวนอยู่ในดันเจี้ยนห้าครั้ง แล้วจึงจะสามารถกลับเข้ามาในนี้ได้อีกครั้ง
หลังจากพูดไปเช่นนั้นแล้ว เซียวเฟิงก็ออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้และกลับไปยังทางเข้าของมัน ไม่ต้องสงสัยเลย หนี่อู๋ที่ถูกเรียกว่าเป็นผู้ทรยศผู้นี้ฉลาดจริง ๆ นั่นเพราะเขาเลือกที่จะซ่อนตัวในถ้ำที่อยู่ในดันเจี้ยนอีกทีหนึ่ง และเพราะแบบนี้ เทพธิดาแห่งแสงสว่างถึงหาตัวเขาไม่เจอ
เซียวเฟิงยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนไม่ถึงวินาทีก่อนจะสั่งใช้งานสกิลของแหวนจักรวาลและหายตัวจากจุดนั้นในทันที สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถ้ำลับแห่งนี้ไม่ได้ปลอดภัยจริง ๆ เพราะเซียวเฟิงสามารถกลับมาได้ในพริบตา ซึ่งหนี่อู๋เองก็เห็นด้วยตาตนเองด้วย
“เจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร?”
สีหน้าของหนี่อู๋ดูจะหวาดกลัวสุด ๆ เขาถึงกับถอยออกแล้วกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
“สกิลก้าวผ่านอวกาศน่ะครับ” เซียวเฟิงแสดงแหวนจักรวาลให้อีกฝ่ายเห็น
“ขอข้าดูแหวนนั่นหน่อยสิ” สายตาของหนี่อู๋ดูจะสนใจแหวนวงนั้นมาก ๆ เขาพูดกับเซียวเฟิง และเซียวเฟิงก็ถอดแหวนวงนั้นออกมาให้ดูโดยไม่ได้พูดอะไร
“นี่มัน…อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งห้วงอวกาศ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงผ่านเกราะกำบังที่ข้าสร้างเข้ามาได้ หืม? ทำไมข้ารู้สึกว่ามันคล้ายกับผลงานของตี้ลู่จังเลย?”
ระหว่างที่กำลังเชยชมกับแหวนอวกาศวงนี้ หนี่อู๋ก็นึกได้ถึงใครบางคน เขาจึงพูดด้วยความหวัง
“ใช่ครับ แหวนวงนี้สร้างขึ้นโดยอาจารย์ตี้กับอาจารย์อู่หยา” เซียวเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดตอบอีกฝ่ายได้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าหนี่อู๋เองก็จะรู้จักอาจารย์ตี้แห่งเผ่าคนแคระด้วย
“ข้าประหลาดใจจริง ๆ ที่เจ้าก็รู้จักพวกนั้นด้วย ทั้งสองคนเป็นยังไงบ้างล่ะ? แล้วตอนนี้พวกเขาทำอะไรกันอยู่?”
หนี่อู๋เริ่มรำลึกความหลัง เขาส่งแหวนจักรวาลคืนเซียวเฟิงแล้วถามไถ่
“พวกเขายังสบายดี อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่าท่านตอนนี้” เซียวเฟิงสวมแหวนจักรวาลเข้าไปดังเดิมและตอบไปตามตรง
“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ที่ข้าไม่สามารถไปร่วมกับพวกนั้นได้!” ชายร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ทำไมท่านถึงไปร่วมกับพวกนั้นไม่ได้ล่ะ?”
“ข้ายังเป็นผู้ทรยศของวิหารแห่งแสงอยู่ ถ้าขืนถูกเจอ ข้าได้ถูกพวกวิหารแห่งแสงตามฆ่าแน่ แล้วข้าก็มั่นใจ ว่าคนที่จะลงมาฆ่าข้าเองกับมือก็คือเทพธิดาแห่งแสงแน่นอน เพราะงั้นแล้วข้าไม่กล้าออกจากที่นี่หรอก นี่เจ้าลืมแล้วเหรอว่าข้ามาอยู่ที่นี่ทำไม หืม?…อ๊ะ เว้นแต่…” ขณะที่กำลังพูดด้วยความหวาดกลัว จู่ ๆ หนี่อู๋ก็ดูจะลังเลขึ้นมาอีก
“เว้นแต่อะไรเหรอครับ?”
เซียวเฟิงรีบถามเมื่อเห็นเหมือนว่าอีกฝ่ายมีอะไรลังเลใจอยู่ มันเป็นอย่างที่เขาว่า ผู้ที่มีวิชาเล่นแร่แปรธาตุนั้นหาได้ยากมาก ๆ ดังนั้นในเมื่อเขามีวิชานี้อยู่กับตัว เซียวเฟิงก็อยากจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวเขามาเป็นพวก
“เว้นแต่ข้าจะเข้าร่วมกับกองกำลังของเหล่านักผจญภัย ตามกฏของผู้สร้าง ต่อให้เป็นเทพธิดาแห่งแสง ก็ไม่สามารถโจมตีผู้คนที่เป็นฝ่ายนักผจญภัยก่อนได้” หนี่อู๋คิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไป
มันเป็นเช่นนั้น เหล่า NPC จะไม่สามารถโจมตีอะไรก็ตามที่เป็นของผู้เล่นก่อน เว้นแต่ทางฝั่งของผู้เล่นจะเป็นผู้เปิดฉากโจมตี NPC ไปแล้ว แต่เมื่อครั้งที่หัวหน้าภาคีพาลาดิน กัปตันโบลตัน เป็นฝ่ายเข้าโจมตีแคมป์กิลด์ของมิดซัมเมอร์นั้นเป็นข้อยกเว้น
“ท่านหมายถึงกิลด์ใช่หรือเปล่า?” เซียวเฟิงไม่รอช้าที่จะถามต่อ เพราะเขาจำได้ว่าหากกิลด์สามารถจัดตั้งแคมป์ได้แล้ว พวกเขาจะต้องจ้าง NPC จะเป็นไปได้ไหมถ้าเขาจะสามารถจ้างหนี่อู๋ผู้ทรยศคนนี้ไปอยู่ด้วย?
“ไม่ ๆ พลังของข้าแข็งแกร่งเกินกว่าจะไปอยู่กับกิลด์เล็ก ๆ ของเหล่านักผจญภัย เว้นแต่ว่าพวกนั้นจะสามารถพัฒนากิลด์ตนเองไปอยู่ในระดับเมืองหลักได้น่ะนะ” หนี่อู๋ส่ายหัว
“เมืองหลักเหรอ? เดี๋ยวก่อนนะ!”
เขารีบหยุดอีกฝ่ายไว้ก่อน หากไม่ใช่เพราะหนี่อู๋พูดถึงเรื่องนี้ เซียวเฟิงคงลืมไปแล้วว่าตนเองน่ะเป็นถึงเจ้าเมืองของเมืองหลักเมืองหนึ่งอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รอช้าที่จะเปิดหน้าต่างผู้ดูแลของเมืองแห่งความโศกเศร้าขึ้นมาทันที จากนั้นก็เข้าไปดูยังระบบการจ้าง NPC แล้วลองส่งคำเชิญไปให้หนี่อู๋ผู้ทรยศดู
“โอ๊ะ? ข้าไม่คิดจริง ๆ ว่าเจ้าจะมีเมืองหลักเป็นของตนเองอยู่แล้ว ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา! อ๊ะ ไม่ ๆ ยังมีปัญหาอยู่อีกข้อหนึ่ง”
สีหน้าของหนี่อู๋ดูจะตกตะลึงมาก ๆ เขาไม่คาดคิดเลยว่านักผจญภัยคนหนึ่งจะสามารถมีตำแหน่งได้มากมายขนาดนี้ กระนั้นแล้วปัญหาบางอย่างก็ยังค้างคาอยู่แม้จะมีเมืองหลักมารองรับเขาแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น หนี่อู๋ผู้ทรยศก็ยังตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับเมืองแห่งความโศกเศร้าอยู่ดี และทันทีที่เขาเข้าร่วม หลอดพลังชีวิตของเขาก็กลายเป็นสีเขียวขึ้นมาพร้อมกับชื่อเองก็เปลี่ยนเป็นเพียงหนี่อู๋ด้วย
“ปัญหาที่ว่านั่น คืออะไรเหรอครับ?” เซียวเฟิงดีใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะสามารถพาหนี่อู๋เข้าเมืองแห่งความโศกเศร้าได้ พลังในการต่อสู้ของบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 นั้นถือเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยเมืองแห่งความโศกเศร้าได้อย่างมหาศาลเลย ยิ่งไปกว่านั้น วิชาการเล่นแร่แปรธาตุของหนี่อู๋เองก็มีค่ามาก ๆ อีกด้วย!
“ที่แห่งนี้คือสิ่งที่กักกันข้าไม่ให้ออกไปไหนได้ เว้นแต่ว่าเจ้าจะช่วยสร้างแท่นเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ขึ้นมา”
หนี่อู๋อธิบายปัญหาด้วยความลังเล ที่แห่งนี้คือดาบสองคม เพราะถ้ำที่เขาซ่อนตัวอยู่นั้นมันอยู่ในดันเจี้ยน ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถออกจากที่แห่งนี้ไปได้ง่าย ๆ
“เรื่องนั้นสบายมาก ผมมีวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว!”
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสำหรับเซียวเฟิง เขาเทแผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายลงมาจากกระเป๋าจำนวน 128 ชิ้น ด้วยเสียงตกกระทบกันมากมาย มันทำให้ภายในถ้ำเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งอีกครั้งหนึ่ง
หนี่อู๋มองเซียวเฟิงอย่างพูดไม่ออก เขาอยากจะถามอีกฝ่ายเหลือเกินว่า มีอะไรบ้างที่เซียวเฟิงยังไม่มี แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรแล้วก้มลงไปตรวจสอบแผ่นหินเคลื่อนย้ายเหล่านี้แทน
“แผ่นหินพวกนี้เพียงพอต่อการพาข้าออกจากที่นี่แล้วล่ะ แต่มันไม่มีหินจักรวาลอยู่ด้วยเนี่ยสิ นอกจากนี้ ข้าเองก็ยังไม่เคยเรียนรู้วิธีการเคลื่อนย้ายแบบโบราณด้วย เจ้าคงต้องไปขอให้ตี้ลู่กับตี้อู่หยาช่วยเจ้าแล้วล่ะ” หลังจากที่ตรวจสอบวัตถุดิบเสร็จแล้ว หนี่อู๋จึงได้พูดกล่าว
“โอเค งั้นท่านรอที่นี่ เดี๋ยวผมจะไปหาพวกเขาเอง”
เซียวเฟิงพยักหน้า เขาเก็บแผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายขึ้นแล้วเตรียมพร้อมที่จะออกไป
“อ๊ะ แล้วส่วนสิ่งนี้คือจดหมายที่ข้าเขียนขึ้น นำมันไปให้พวกเฒ่าทั้งสองดู จากนั้นพวกนั้นจะรู้เองว่าต้องทำอะไรต่อ อ้อ แล้วก็กลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ ข้าไม่อยากจะอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้อีกแล้ว!”
หนี่อู๋ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้เซียวเฟิงพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ดูเหมือนไม่อยากจะอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่
“เข้าใจแล้วครับ”
เขาเก็บจดหมายนั้นแล้วออกจากที่นี่ไปอย่างไม่รอช้า
แหวนจักรวาลที่ชายหนุ่มสวมอยู่นั้นสามารถใช้งานได้อย่างจำกัด เพราะงั้นเซียวเฟิงจะต้องคิดทบทวนให้ดี ๆ ก่อนจะใช้งานมัน เขากลับไปยังหมู่บ้านเริ่มต้นก่อน จากนั้นก็เดินทางกลับไปยังเมืองเทียนหลงเพื่อที่จะเทเลพอร์ตไปยังเมืองเฮ่ยฉีในอาณาเขตของออร์คต่อ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไกลอย่างข้ามเขตแดนนั้นทำเอาเซียวเฟิงระเหี่ยใจทุกครั้งไป เพราะมันใช้ครั้งละหลายเหรียญทองซึ่งพอเทียบเป็นเงินในโลกแห่งความจริงแล้วก็ค่อนข้างจะหลายร้อยหยวนอยู่เหมือนกัน นี่มันแพงเสียยิ่งกว่านั่งแท็กซี่ในโลกจริงมาก ๆ ผู้เล่นทั่วไปคงไม่สามารถใช้การเดินทางแบบนี้ได้บ่อยแน่ ๆ
อาจารย์ตี้ยังคงอยู่ที่ห้องทำงานของเขา ดูท่าแผนของเฉียนโตวโตวจะยังไม่สำเร็จ เซียวเฟิงไม่รอช้าเข้าไปพบเขาโดยตรงพร้อมกับสรุปเรื่องสั้น ๆ ให้ฟัง จากนั้นเขาก็ส่งจดหมายที่หนี่อู๋มอบให้ไว้พร้อมกับส่งแผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายให้กับอาจารย์ตี้ต่อ
“นี่หนี่อู๋ยังมีชีวิตอยู่งั้นหรือนี่? ข้าขออ่านมันสักครู่นะ” อาจารย์ตี้รู้สึกตกใจไม่น้อยหลังจากได้รู้ข่าวว่าหนี่อู๋ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่เขาได้อ่านจดหมายฉบับนั้นแล้ว เจ้าตัวก็ก้มลงไปตรวจสอบแผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายอย่างไม่รีรอ
“ข้าเข้าใจแล้ว เขาต้องการให้ข้าสร้างแท่นเคลื่อนย้ายโบราณ ของพวกนี้ใช้ได้ อันที่จริงมันใช้แผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้ายเพียง 64 ชิ้นเท่านั้น สิ่งที่ขาดจริง ๆ คือหินอวกาศ เดี๋ยวข้าจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับตี้อู่หยา ส่วนเจ้าก็ไปหาหินอวกาศมาอีก 64 ชิ้นก็แล้วกัน”
แผ่นหินสำหรับเคลื่อนย้าย 64 ชิ้นถูกเก็บไป ส่วนที่เหลือถูกส่งคืนเซียวเฟิงพร้อมกับมอบหมายภารกิจให้ไปทำด้วย
“ท่านพอจะรู้ไหมว่าผมสามารถไปหาหินอวกาศจากที่ไหนได้บ้าง?”
ภารกิจนี้ทำเอาเซียวเฟิงปวดหัวไม่น้อย นั่นเพราะหินอวกาศนี้เองก็ถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่หายากเช่นกัน ไม่เพียงแต่มันเป็นสิ่งที่เหล่ากิลด์ทั้งหลายต่างพยายามหามันมาอย่างเลือดตาแทบกระเด็น แต่สิ่งนี้หากจะบอกว่ามันเป็นสิ่งของล้ำค่าก็ไม่เกินไปนักหรอก ขนาดสถานที่หายังไม่รู้ นี่ยังต้องมาหาถึง 64 ชิ้นอีก!
“คลังสมบัติของแต่ละเมืองหลักก็น่าจะมีกันอยู่บ้าง หรือจะเป็นในคลังมหาสมบัติที่เมืองจักรวรรดิเองก็น่าจะมี เจ้าเลือกเอาเลยว่าจะถล่มที่ไหน” อาจารย์ตี้พูด
“ผมเอาชนะพวกเขาไม่ได้หรอกครับ” เซียวเฟิงพูดอย่างถ่อมตน
“เช่นนั้นก็เหลือแต่เจ้าไปพึ่งดวงของตนเองขุดหาเอาจากเหมืองแร่แล้วล่ะ มันพอจะยังมีโอกาสเล็กน้อยที่จะได้หินอวกาศจากการขุดเหมืองนะ” อาจารย์ตี้โบกมือแล้วพูด
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมจะลองหาดู” เซียวเฟิงมองอย่างขุ่นเคืองที่อาจารย์ตี้หลอกให้เขาไปถล่มเมืองหลักก่อนจะลาจากไป
เขาไม่รอช้าที่จะกลับไปยังแท่นเทเลพอร์ตของเมืองเฮ่ยฉี ซึ่งขณะเดียวกันก็ส่งข้อความหาเฉียนโตวโตวไปด้วย
“พี่เซียว เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เฉียนโตวโตวรับสายอย่างรวดเร็ว
“เธอพอจะมีหินอวกาศบ้างหรือเปล่า? ยิ่งมากยิ่งดี” เซียวเฟิงถามไปตรง ๆ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าในฐานะร้านค้ามหาสมบัติ ขึ้นชื่อว่าเป็นหอการค้าที่ใหญ่ที่สุด แม้จะเป็นวัตถุดิบที่หายาก มันก็ต้องมีสต็อกเก็บไว้บ้างแน่ ๆ
“แปปนึงนะ ขอฉันดูก่อน…อืมมม มีหินอวกาศถูกเก็บไว้ในสต็อกของร้านค้ามหาสมบัติ 23 ชิ้น พี่พอใช้หรือเปล่า? ถ้าไม่พอเดี๋ยวฉันประกาศหาซื้อในราคาสูงเพิ่มให้ ฉันคิดว่าเราน่าจะหาเพิ่มได้อีกสัก 20 ชิ้นนะ ตอนนี้หินอวกาศขาดตลาดหมดเลย นั่นสิน้า…ก็มันเป็นของผูกขาดสำหรับกิลด์ใหญ่ ๆ นี่เนอะ”
เฉียนโตวโตวตอบอย่างรวดเร็ว สต็อกของร้านค้ามหาสมบัตินั้นนับว่าทรงพลังระดับหนึ่งเหมือนกัน ขนาดที่ว่ามีหินอวกาศมากกว่า 20 ชิ้นหลงเหลืออยู่ได้ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่เหล่ากิลด์ต่างผูกขาดกันหมดแล้ว แถมยังมีกำลังทรัพย์พอจะหาซื้อเพิ่มในราคาที่สูงขึ้นจากในตลาดอีก
“งั้นเริ่มประกาศเลย ยิ่งมากยิ่งดี อ้อ แล้วก็ยกเลิกประกาศก่อนหน้าที่ให้หากุญแจผนึกนั่นเลยก็ได้” เซียวเฟิงคิดแล้วสั่งงานต่อ
“อืม…โอเค พี่เซียว ถ้ายังไงพี่ลองไปถามพี่หลิวดูด้วยก็ได้นะ เธอเองก็น่าจะมีอยู่บ้างแหละ” เฉียนโตวโตวพูดเสริม
“พี่หลิว? ใครน่ะ?” เมื่อมีชื่อของบุคคลที่สามปรากฏขึ้นมา เซียวเฟิงก็ถามด้วยความประหลาดใจ
“หลิวเฉียงเหว่ยน่ะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะมีของพวกนี้เก็บไว้ในคลังของกิลด์ด้วยเหมือนกัน” เฉียนโตวโตวตอบ
“พวกเธอสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?…เอาเป็น ช่างมัน ฉันต้องไปแล้ว” แม้จะสงสัยแต่เซียวเฟิงก็รีบวางสายไปในที่สุด
เขาเดินทางมาถึงแท่นเทเลพอร์ตประจำเมืองเฮ่ยฉี จากนั้นก็เลือกปลายทางเป็นเมืองแห่งความโศกเศร้าและเริ่มเทเลพอร์ตตนเองไปทันที โชคดีที่ตัวเขานั้นเป็นเจ้าของเมือง มันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายค่าเดินทางระยะไกลเหมือนเมื่อครั้งเดินทางไปที่อื่น
สภาพปัจจุบันของเมืองแห่งความโศกเศร้าตอนนี้ต่างจากแต่ก่อนเป็นอย่างมาก นับว่าภายในเมืองจัดการแผนพัฒนาเมืองได้ดี ภายในเมืองนั้นมีผู้เล่นของมิดซัมเมอร์เดินไปมาให้เห็นได้อย่างหนาแน่น ส่วนทางด้าน NPC เองก็มีเพิ่มมากขึ้นเยอะเหมือนกัน มีร้านยาแห่งใหม่ ร้านขายอาวุธ ร้านขายเสื้อผ้าและร้านค้าระบบอื่น ๆ มาทยอยเปิดมากขึ้น ซึ่งเซียวเฟิงเองก็ยังมาซื้อคัมภีร์วาร์ปกลับเมืองจากร้านค้าในเมืองด้วยเช่นกัน แต่ราคามันตั้งสิบเหรียญทองเลย!
อย่างไรก็ตาม มันก็น่าคิดที่ว่าหลังจากเมืองเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ขนาดแค่คัมภีร์วาร์ปกลับเมืองราคาสิบเหรียญทองยังสามารถขายได้ เพราะงั้นคงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าเฉียนโตวโตว มีความสามารถในด้านธุรกิจขนาดไหน
“เธออยู่ไหน?” หลังจากที่เข้ามาหาหลิวเฉียงเหว่ยในเขตที่อยู่อาศัยของชนชั้นสูงภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าแล้วไม่พบ เขาจึงโทรหาเธออย่างไม่รอช้า
“มีอะไรหรือเปล่า?” หลิวเฉียงเหว่ย ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่หวานผ่านสายโทรศัพท์นั้น
“กลับมาตอนนี้เลย จะให้ดูของดี” เซียวเฟิงพูด
“ขอสองนาที เดี๋ยวฉันจะรีบไปห้องของนายหลังอาบน้ำเสร็จ” หลิวเฉียงเหว่ยป้องปากแล้วพูดเสียงเบา
“หา? เธอช่วยเลิกสติแตกก่อนได้ไหม? ฉันจะรอเธออยู่ที่เมืองแห่งความโศกเศร้า! กลับมาเดี๋ยวนี้!” เซียวเฟิงงุนงงไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยความอ่อนใจ
“อ่ะ…” ได้ยินเช่นนั้นหลิวเฉียงเหว่ยก็วางสายไปทันที