บทที่ 311 ลาวาวิโรธ
บทที่ 311 ลาวาวิโรธ
พลังชีวิตของมังกรแม็กม่าลดลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากคนทำความเสียหายหลัก ๆ สองคนแล้ว ผู้เล่นที่เหลือต่างก็อยู่ในสถานะผู้ชมข้างสนามเพียงเท่านั้น จะมีก็แต่ชาแมนและโร้คที่ยังคอยจัดการเรื่องดีบัฟให้เรื่อย ๆ ซึ่งศึกครั้งนี้ แม้แต่ซางกวน อาโอเชินยังได้เป็นฝ่ายที่นั่งดูเท่านั้นเช่นกัน
มันต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ความห่างชั้นของความแข็งแกร่งนั้นมันมีมากเกินไป ต่อให้ได้บัฟของเซียวเฟิงมาแล้ว พลังโจมตีของพวกเขาก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้มังกรแม็กม่าสะทกสะท้านได้ แม้จะเข้าบ้างก็แค่ทีละ 1-2 หน่วยเพียงเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นประโยชน์หรอก
บอสเทพเจ้านั้นเกือบจะเก่งที่สุดในบรรดาบอสทุกระดับแล้ว ถือเป็นบอสที่ผู้เล่นในช่วงนี้ไม่สามารถจัดการกับมันได้เลย ต่อให้เซียวเฟิงที่สวมชุดอาร์ติแฟกต์ทั้งตัวที่แม้จะโจมตีบอสเข้าได้ แต่บอสก็โจมตีเขาเข้าด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วแม้แต่เซียวเฟิงยังเอาบอสระดับนี้ไม่ลง นับประสาอะไรกับผู้เล่นทั่ว ๆ ไป
ยังไงเสียบอสที่ควรจะมาปรากฏตัวอยู่ในดันเจี้ยนขนาดใหญ่นั้น ก็คือบอสระดับทอง เพราะงั้นการที่บอสระดับเทพเจ้าปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ มันจึงถือว่าเหนือความคาดหมายมาก
ถึงแม้ว่าซางกวน อาโอเชินจะกระเหี้ยนกระหายอยากพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเองขนาดไหน แต่น่าเสียดายที่ตัวเขานั้นไม่มีสกิลที่ใช้โจมตีระยะไกลเหมือนซีเหมินชุยเสวียเลย เพราะงั้นแล้ว เขาจึงเดินไปยังริมทางเดินหินที่ติดกับทะเลสาบลาวา และใช้ปลายดาบของเขาจุ่มลงไปในทะเลสาบนั้นเพื่อทดสอบความร้อน เด็กหนุ่มชักดาบกลับมาเงียบ ๆ หลังเห็นว่าปลายดาบนั้นร้อนแดงราวกับเหล็กที่เพิ่งจะถูกตีมา
โชคดีที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องรอนาน เซียวเฟิงนั้นพยายามอย่างมากเพื่อดึงความสนใจจากจากบอส ในขณะที่หานเฟิงเองก็พยายามทำความเสียหายอย่างต่อเนื่องและเฉียบคม การที่ได้เห็นผู้เล่นระดับท็อปเขตที่ติดอันดับมาแสดงฝีมือให้ชมเช่นนี้ แม้พวกเขาจะเคยทะเลาะกันมาก่อนก็ยังต้องยอมรับว่า ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ มันไม่มีอะไรเทียบได้จริง ๆ
โดยเฉพาะเซียวเฟิง สกิลของเขานั้นแข็งแกร่งเกินคาดมาก ไม่เพียงแต่มันจะทำให้บอสไม่เปลี่ยนเป้าหมายการโจมตี แต่มันยังทำให้การโจมตีจากบอสไม่สามารถทำอะไรเขาได้ด้วย
สิ่ง ๆ นี้ไม่ว่าจะเห็นอีกกี่ครั้งก็ยังอดตกใจกับความแข็งแกร่งของนักบวชผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ได้…
ไม่ถึงยี่สิบนาที พลังชีวิตของมังกรแม็กม่าก็ลดจนเหลือศูนย์พร้อมกับเสียงร้องโอดครวญเป็นครั้งสุดท้าย ร่างขนาดใหญ่ของมันหลอมละลายลงไปในลาวา ไอเทมมากมายในตัวมันถูกดร็อปกระจายไว้บนแผ่นหินรอบ ๆ เต็มไปหมด
ท่ามกลางคนเหล่านี้ เซียวเฟิงทำความเสียหายมากถึง 40% ด้วยการร่ายถ้อยคำแห่งเงา ดังนั้นแล้วความเสียหายที่เหลือส่วนใหญ่จึงมาจากหานเฟิงเสียหมด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่รับได้ เพราะเซียวเฟิงทำได้เพียงหวังพึ่งสกิลโจมตีระยะไกลเพียงอย่างเดียว แถมคลาสของตัวเองก็มีข้อจำกัดเยอะด้วย
“อะไรน่ะ! นั่นอุปกรณ์ระดับเทพเจ้านี่!”
ในตอนที่มังกรแม็กม่าล้มตายลง หานเฟิงก็โหวกเหวกขึ้นมาเสียงดัง แสงสีขาวที่สว่างขึ้นมาจากแผ่นหินบนพื้นนั้นดึงดูดสายตาทุกคนให้หันไปมอง
หานเฟิงที่มีความคล่องแคล่วว่องไวนั้นไม่รอช้าที่จะทะยานออกจากจุดที่ตนอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด ทว่าเมื่อเห็นเซียวเฟิงที่อยู่บริเวณนั้นอยู่แล้ว และกำลังเดินเข้าไปดูไอเทม เขาก็หยุดฝีเท้าลง
คนอื่น ๆ เองก็เช่นกัน เหล่าคนจากวอร์สปิริตต่างหวาดกลัวเซียวเฟิงเป็นอย่างมาก แต่นั่นก็เพราะการที่พวกเขาสามารถเปิดดันเจี้ยนนี้ได้สำเร็จนั้น หากไม่ใช่เพราะทั้งสองคนนี้เป็นคนช่วย โอกาสสำเร็จมันก็ไม่มีเลย ดังนั้นแล้วแค่นี้ก็เพียงพอ หากเซียวเฟิงอยากได้อุปกรณ์ระดับเทพเจ้าพวกนี้ พวกเขาก็คงจะไม่กล้าขัด
เซียวเฟิงเห็นแล้วว่ามีแสงสีขาวอยู่บนพื้น แต่สิ่งที่เขาสนใจนั้นกลับไม่ใช่อุปกรณ์ระดับเทพเจ้าอีกต่อไป กลับกัน มันดันเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ เท้าเขาเสียมากกว่า สิ่งที่เหมือนกุญแจสีแดงที่ดร็อปมาจากมังกรแม็กม่าเมื่อครู่นี้
กุญแจแห่งไฟ
ระดับ : พิเศษ
คำอธิบาย : ไอเทมภารกิจ
มันเป็นไอเทมสำหรับภารกิจที่เซียวเฟิงไม่รู้ว่าภารกิจอะไร แต่เมื่อเห็นว่าไนฟกับจืออี้เดินเข้ามาด้วยสายตาที่จ้องมองมายังกุญแจดอกนี้ เขาก็พอจะเข้าใจได้ผ่านท่าทีนั้น บางทีสิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาพากันมาเปิดดันเจี้ยนที่นี่ เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรและโยนกุญแจให้ทั้งสองคน
“ขอบคุณมากเลยท่านเซียว จริง ๆ กุญแจดอกนี้เป็นของที่ใช้ในภารกิจต่อเนื่องที่กิลด์ของพวกเราได้รับมา การเปิดดันเจี้ยนนี้ก็ด้วย ไว้ถ้ามีเวลา พวกเราจะอธิบายรายละเอียดของภารกิจที่ว่าให้ฟังทีหลัง แล้วก็อาจจะขอให้ท่านเซียวช่วยอีกครั้งก็ได้”
จืออี้ลูบหน้าอกทรงโตของตนและยิ้มให้เซียวเฟิง
รอยยิ้มนั้นไม่ได้ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกอะไร กลับกันเขาเลือกที่จะหันไปหยิบแสงสีขาวบนพื้นขึ้นมาแทน มังกรแม็กม่าตัวนี้ดร็อปไอเทมไว้เยอะมาก แต่มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่เป็นระดับเทพเจ้า และด้วยความที่เป็นการเปิดดันเจี้ยน ของระดับเทพเจ้าชิ้นนั้นก็เป็นอาวุธประเภทคทาจริง ๆ ด้วย
ลาวาวิโรธ
ระดับ : เทพเจ้า
ประเภทอุปกรณ์ : คทา 2 มือ
เลเวล : 25
ข้อกำหนดของอุปกรณ์ : คลาสนักเวทไฟเท่านั้น
ค่าสถานะ :
โจมตีเวท : 80 -100 หน่วย
อัตราคริติคอล +10%
อัตราความแม่นยำ +10%
ค่าความฉลาด +50
ค่าจิตวิญญาณ +50
ค่าความทนทาน +50
ค่าความว่องไว +50
สกิล :
ผู้สืบทอดลาวา : สกิลติดตัว – เพิ่มพลังโจมตีของเวทมนตร์ธาตุไฟ 10%
ระเบิดเพลิง : สกิลกดใช้ – ยิงลำแสงไฟออกไปเป็นแนวเส้นตรง สร้างความเสียหายเท่ากับ 180% ของพลังเวท คูลดาวน์ 180 วินาที
สมแล้วที่เป็นอาวุธระดับเทพเจ้า! แถมยังเป็นของนักเวทไฟที่มีหน้าที่ทำความเสียหายอีกด้วย! นอกจากพลังโจมตีจะสูงกว่า 150 หน่วยแล้ว มันยังมีสกิลที่ช่วยเสริมพลังของนักเวทไฟโดยเฉพาะ กับสกิลธาตุไฟที่มีพลังโจมตีรุนแรงด้วย!
มันน่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่อาวุธชิ้นนี้ไม่ได้เหมาะกับเซียวเฟิงเลย อีกอย่างอาวุธของชายหนุ่มในตอนนี้ก็เป็นอาร์ติแฟกต์แล้วด้วย ดังนั้นคทาระดับเทพเจ้าจึงไม่อยู่ในความต้องการของตัวเองอีกต่อไป เพราะงั้นแล้วมันจึงถูกโยนให้ไนฟไปอีกครั้ง
“เอ๋? ทำไมถึงเป็นคทาล่ะ?”
ซางกวน อาโอเชินและหานเฟิงที่เดินตามเข้ามาทีหลังต่างหดหู่ด้วยกันทั้งคู่เมื่อเห็นว่าไอเทมระดับเทพเจ้าที่ว่านั้นเป็นคทา
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์…พวกเรารับคทานี้ไว้ไม่ได้หรอกครับ ถ้ายังไงนายเก็บไว้จะดีกว่าไหม?”
ไนฟที่ถือคทาลาวาวิโรธอยู่รู้สึกหนักใจและค่อนข้างลำบากที่จะพูด พวกเขาเป็นฝ่ายขอให้เซียวเฟิงมาช่วย แต่ตัวพวกเขากลับไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากดู การที่จะเป็นฝ่ายได้รับอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าหลังจากที่ดูคนอื่นจัดการบอสเพียงอย่างเดียวนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำใจให้สบายแล้วรับมาได้จริง ๆ
“ไม่ดี เอาหินอวกาศมาให้ฉันพอ”
เซียวเฟิงไม่ได้สนใจอะไรนัก ชายหนุ่มไม่ได้อยากได้อุปกรณ์ระดับเทพเจ้าเพิ่มอยู่แล้ว ถ้าให้เทียบสำหรับเขา หินอวกาศสำคัญกว่ามากในตอนนี้
“ไม่มีปัญหาครับ หินอวกาศถูกส่งมาแล้ว คนที่มาส่งตอนนี้รออยู่ที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนแล้วครับ” ไนฟรีบพูดขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันไปมองหานเฟิงและซางกวน อาโอเชิน
“ยอดฝีมือทั้งสองคน ในเมื่อบอสดร็อปอุปกรณ์ระดับเทพเจ้ามา ดังนั้นข้อตกลงเรื่องค่าตอบแทนก่อนหน้าก็จะสูงตามไปด้วย หลังจากที่พวกเราขายอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าชิ้นนี้ได้แล้ว พวกเราวอร์สปิริตฮอลล์จะรีบแบ่งรายได้ให้พวกนายทั้งสองคนให้เร็วที่สุดเลยครับ”
ชัดเจนแล้วว่าไนฟตั้งใจจะนำอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าชิ้นนี้ไปขาย อย่างแรกก็เพราะว่าคุณภาพของมันสูงเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถใช้ได้ สู้ขายแล้วนำเงินมาเป็นคลังกิลด์สำหรับใช้จ่ายเสียจะดีกว่า อย่างที่สอง ตอนนี้วอร์สปิริตฮอลล์ยังไม่มียอดฝีมือคนไหนที่คู่ควรกับอุปกรณ์ชิ้นนี้ ต่อให้ผู้เล่นสองคนในปาร์ตี้จะเป็นนักเวทไฟ แต่พวกเขาแค่มีอุปกรณ์ระดับทองก็พอใจแล้ว พวกเขาไม่เคยคาดหวังเลยว่าจะต้องได้อาวุธระดับเทพเจ้ามาใช้งาน
“โอเค”
“ไม่มีปัญหา”
หานเฟิงและซางกวน อาโอเชินไม่ได้ยินดีอะไรนัก ดังนั้นในกรณีที่ได้รับอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าที่มีมูลค่าสูงมา หากวอร์สปิริตไม่ให้อะไรพวกเขาเพิ่ม มันคงจะเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ๆ
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
อุปกรณ์ที่เหลือบนพื้นถูกสมาชิกกิลด์วอร์สปิริตเข้าไปเก็บอย่างรวดเร็ว ของเหล่านั้นไม่ใช่ของระดับสูงอะไรนัก เพราะงั้นจึงไม่ต้องตรวจสอบ ด้วยเหตุนี้ เซียวเฟิงเลยไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้และพูดบอกกับทุกคน
“เข้าใจแล้วครับ”
ไนฟรีบพยักหน้า หลังจากที่เก็บเศษซากที่หลงเหลือของการต่อสู้หมดแล้ว เขาก็รีบนำออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้ทันที
ป้ายเกียรติยศที่อยู่ด้านหน้าดันเจี้ยนตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่นั่นมีชื่อของวอร์สปิริตฮอลล์ปรากฏหราขึ้นเป็นอันดับ 1 นี่เป็นหลักฐานว่าพวกเขาได้เปิดดันเจี้ยนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นปาร์ตี้อื่นที่มาหลังจากนี้ ก็จะอยู่ได้เพียงอันดับที่ 2 – 9 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รออยู่ภายในดันเจี้ยนนี้คือบอสระดับเทพเจ้า บางทีอาจจะอีกนานเลยก็ได้กว่าจะมีคนอื่นสามารถพิชิตมันได้ ซึ่งวอร์สปิริตเองก็รวมอยู่ในคนกลุ่มนั้นด้วย เพราะถ้าปราศจากความช่วยเหลือของเซียวเฟิง พวกเขาเองก็ไม่น่าจะผ่านได้เหมือนกัน
ที่ด้านนอกทางเข้าดันเจี้ยนนั้น มีคนของวอร์สปิริตฮอลล์คนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว คนคนนั้นรีบเปิดระบบส่งของกับไนฟหลังจากที่เห็นว่าเจ้าตัวออกมาแล้ว จากนั้นไนฟก็ส่งต่อหินอวกาศทั้งสิบก้อนให้เซียวเฟิงต่ออีกทอดหนึ่ง
“ขอบคุณ” เซียวเฟิงพูด
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ จะใจดีเกินไปแล้วนะครับ นายไม่ขออะไรจากพวกเราเลยที่มาช่วยในวันนี้ มันกลายเป็นฝ่ายพวกเราเองที่เหมือนจะเอาเปรียบนายอยู่ เพราะงั้นพี่ชายของผมเลยฝากมาบอกน่ะครับ ว่าหินอวกาศสิบก้อนนี้ถือเป็นค่าจ้างให้กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ไม่ต้องคืนพวกเราแล้ว” ไนฟรีบพูดก่อนจะไม่มีโอกาส
“งั้นเหรอ” แม้เซียวเฟิงจะพยักหน้า แต่เขาก็คิดว่าควรจะบอกเฉียนโตวโตวให้บันทึกไว้ว่าเขาต้องคืนหินอวกาศสิบก้อนนี้ให้กับวอร์สปิริตฮอลล์อยู่ดี
หลังจากที่ได้รับหินอวกาศมาตามต้องการแล้ว เซียวเฟิงก็เตรียมจะจากไปทันที เหตุผลหลักก็เป็นเพราะเขาเห็นจืออี้กำลังเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีสบายอกสบายใจต่างหาก ถึงแม้ว่าเธอคนนี้จะมีสวยและมีเสน่ห์ แต่เพราะในแต่ละครั้งที่เธอและเขาเจอหน้ากัน มันก็ไม่เคยมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเลย ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตนเองต้องเจอกับปัญหาให้ปวดหัวอีก เขาจึงรีบชิ่งหนีไปก่อนอย่างไม่รีรอ
เขาไม่แม้แต่จะใช้คัมภีร์วาร์ปกลับเมืองด้วยซ้ำ เพราะมันใช้เวลาร่าย ดังนั้นเซียวเฟิงจึงตัดสินใจใช้แหวนอวกาศอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เพื่อให้ร่างของตนหายจากจุดที่อยู่ในทันที ปล่อยให้จืออี้ที่กำลังค่อย ๆ เข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมอันเย้ายวนต้องยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกก่อนจะค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้นมาช้า ๆ
“พี่สาว ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของพี่จะใช้ไม่ได้ผลนะ ถึงเวลาที่ต้องใช้ไพ่ใบสุดท้ายแล้วหรือเปล่าเนี่ย?” ไม่มีใครรู้ว่าซางกวน อาโอเชินที่น่าจะไปแล้วโผล่มาจากไหนอีก เขาเข้ามากระซิบเบา ๆ ข้าง ๆ หูจืออี้ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง
“หุบปากจ้ะ”
เธอตอบกลับด้วยความสุภาพก่อนจะเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ที่ที่เซียวเฟิงย้อนกลับมานั้นคือเมืองแห่งความโศกเศร้า แต่เขาก็ไม่พบเฉียนโตวโตวอยู่ที่ปราสาทแต่อย่างใด หลังจากถามแล้วถึงได้รู้ว่าเธออยู่ที่เมืองจักรวรรดิแล้วตอนนี้ และชายหนุ่มเองก็ไม่รอช้า รีบตามไปหาเธอที่นั่นผ่านแทบเทเลพอร์ตในเมืองนั้นเลย
“พี่เซียว ทางนี้!”
เฉียนโตวโตวอยู่ภายในย่านการค้าประจำเมืองจักรวรรดิ เธอกำลังดูแม็ปและคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงมา สาวเจ้าก็เลิกทำสิ่งนั้นและหันไปตะโกนเรียกเซียวเฟิงทันที
“หินอวกาศอยู่ไหน?” เซียวเฟิงมองมายังย่านการค้าที่ว่างเปล่านี้ก่อนจะถามขึ้นมา
“ฉันรวบรวมมาได้ตามที่บอกแล้ว นี่ค่ะ” เฉียนโตวโตวส่งคำร้องขอแลกเปลี่ยนกับเซียวเฟิง จากนั้นก็ส่งหินอวกาศทั้งสี่สิบก้อนให้เขา ซึ่งทำให้ตอนนี้เซียวเฟิงมีหินอวกาศทั้งหมดหกสิบแปดชิ้นแล้ว
“เท่านี้ก็พอแล้ว วอร์สปิริตให้ฉันยืมหินอวกาศมาสิบก้อน ฝากจำไว้ที ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็ฝากคืนแทนฉันด้วย” เซียวเฟิงนับจำนวนหินอวกาศทั้งหมดอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าแล้วบอกเรื่องสำคัญเอาไว้
“เข้าใจแล้วค่ะ” เด็กสาวพยักหน้า
“อ้อ แล้วก็ฉันเจอพ่อของเธอ นักธุรกิจหิวเงินที่เมืองจักรวรรดิเมื่อเช้านี้” ก่อนที่จะเดินจากไป เซียวเฟิงก็เผอิญนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อน
“เขาตามหาพี่โดยเฉพาะเลยเหรอ? เขาว่ายังไงบ้าง?” ทันทีทันใด สีหน้าของเฉียนโตวโตวก็ดูกังวลขึ้นมาทันที
“เขาขอให้ฉันช่วยซื้อที่ในย่านการค้าของเมืองจักรวรรดิให้หน่อย แล้วเขาก็อยากทำงานร่วมกับฉันด้วย แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว” เซียวเฟิงเล่าเรื่องที่เกิดเมื่อเช้าให้ฟัง
“พี่เซียว…ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ!” เฉียนโตวโตวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเซียวเฟิงด้วยแววตาจริงจังและกล่าวขอบคุณ
ไม่ว่าจะเป็นการที่เซียวเฟิงช่วยเธอ หรือการที่เซียวเฟิงยืนยันจะอยู่ข้างเธอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนมันก็ควรค่าแก่การที่จะได้รับคำขอบคุณจากเธออยู่แล้ว
“ยังไม่หมด เธอซื้อพื้นที่ในย่านการค้าไปหมดแล้ว เพราะงั้นต้องมีอีกหลายกิลด์ไม่พอใจเธอแน่ ๆ เมื่อวันนั้นมาถึง พวกนั้นจะรวมตัวกันทำอะไรบางอย่าง ถ้าต้องการให้ช่วยเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้เลย” เซียวเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดต่ออีกนิดหน่อย
“เข้าใจแล้ว ฉันรู้อยู่น่าว่าต้องทำยังไง ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอบคุณพี่เซียวมากจริง ๆ ” เฉียนโตวโตวยิ้มจากนั้นก็เขย่งเท้าแล้วก็จุ๊บปากเซียวเฟิงไปเบา ๆ ทีหนึ่ง
เซียวเฟิงเพียงแค่จับริมฝีปากเบา ๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นแล้วเดินจากไป
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
เซียวเฟิงไม่ค่อยรู้เรื่องธุรกิจมากนัก เพราะงั้นเขายังปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของเฉียนโตวโตว ดังนั้นหากเฉียนโตวโตวเจออุปสรรคใด ๆ เซียวเฟิงก็จะปรากฏตัวขึ้นแล้วแก้ปัญหาให้เธอในทันที