บทที่ 339 นกสีดำประหลาด
บทที่ 339 นกสีดำประหลาด
ฐานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ ศพทั้งสองจึงไม่เน่าเสีย แต่แห้งเหี่ยวแทน จากสภาพศพแล้ว พวกเขาตายประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เหตุน่าจะเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ชั้นสาม
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มอนสเตอร์ที่ทำลายชั้นสามได้บุกมาที่ชั้นสองอย่างรวดเร็ว เซียวเฟิงไม่แน่ใจว่ามันบังเอิญหรือมันมีสติปัญญาเพียงพอที่จะรู้วิธีหาทางขึ้นมา
ศพทั้งสองมีสาเหตุการตายที่เหมือนกัน พวกเขาถูกแทงด้วยอาวุธคมขนาดมหึมาทะลุหน้าอกของพวกเขา เมื่อดูจากจุดที่ตาย พวกเขาคงอยากจะกระโดดขึ้นไปบนคอนโซลก่อนตาย
เซียวเฟิงเดินไปที่คอนโซล คอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นที่นี่ก็ถูกทำลายเช่นกัน หน้าจอและแป้นพิมพ์ถูกผ่าออกโดยตรง แถมยังเล็งไปที่ชิป ไม่มีอะไรเหลือเลย
เซียวเฟิงกำลังจะจากไป แต่เมื่อเขาหันหลังกลับ เขาก็สังเกตเห็นบางอย่างอยู่ในมือนักวิจัยคนหนึ่ง เซียวเฟิงก้มลงและพบว่ามันเป็นเมมโมรี่การ์ด แม้ว่ามันจะเสียหาย แต่ก็มีแค่รอยร้าวซึ่งไม่ใช่ว่าซ่อมไม่ได้โดยสิ้นเชิง ต่างจากชิปในคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ที่ถูกฉีกกระจุย
ดังนั้นเซียวเฟิงจึงเก็บเมมโมรี่การ์ดที่เสียหายนั้นก่อนออกจากชั้นสองและมุ่งหน้าไปยังชั้นหนึ่ง
ชั้นที่หนึ่งของฐานเป็นแกนกลาง มีห้องวิจัยที่สำคัญที่สุด ห้องปฏิบัติการ และศูนย์ควบคุมของฐาน รวมถึงห้องพักของนักวิจัยก็ล้วนอยู่บนชั้นสาม
มันควรจะเป็นสถานที่ที่การป้องกันดีที่สุด แต่เช่นเดียวกับสองชั้นข้างล่าง เซียวเฟิงขึ้นมาโดยไม่เจอสิ่งกีดขวางใด ๆ เครื่องป้องกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกับดักอย่าง เลเซอร์ คลื่นโซนิค แม่เหล็กแรงสูง หรือสัตว์สังเคราะห์ตามทางก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว
นอกจากนี้ ที่ชั้นหนึ่งก็มีศพของนักวิจัยจำนวนมากเช่นกัน คราบเลือดแห้งสีแดงเข้มอยู่ทุกที่ และกลิ่นเลือดยังไม่หายไป
เซียวเฟิงปลดปล่อยการรับรู้ของตัวเองอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่รู้สึกถึงสัญญาณสิ่งมีชีวิตบนชั้นนี้เลย ดังนั้นจึงต้องตรวจสอบจากรอบนอกอย่างระมัดระวัง
สถานที่แรกคือห้องพักของนักวิจัย บริเวณนี้ค่อนข้างปลอดภัย แต่ไม่มีอะไรนอกจากบันทึกการวิจัยและบันทึกการทดลองจำนวนมาก นักวิจัยหลายคนที่เสียชีวิตในห้องนี้ไม่มีอะไรมีค่าติดตัวเลย
จากนั้นเซียวเฟิงก็ไปที่พื้นที่ทดลอง เขาไม่ละเลยห้องวิจัยหรือห้องปฏิบัติการแม้แต่ห้องเดียว จนกระทั่งมาถึงห้องปฏิบัติการกลางที่ใหญ่ที่สุด
ห้องปฏิบัติการนี้เป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดและมีอุปกรณ์ครบครันที่สุดของฐาน นอกจากนี้ยังปลุกความทรงจำแย่ ๆ ของเซียวเฟิงมากมาย เพราะเซียวเฟิงเคยเป็นตัวทดลองของห้องปฏิบัติการนี้
เมื่อเปิดประตูรหัสซึ่งเหลือเพียงครึ่งบานแล้ว ฉากที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวเฟิง
ผนังโลหะสีซีดและอุปกรณ์ทดลองเย็น ๆ หลอดใส่ยีนโปร่งใสที่ทำจากแก้วเรียงเป็นแถว พวกมันถูกวางเรียงกันเป็นเสา ซึ่งเต็มไปด้วยยีนเหลวสีเขียว แต่พวกมันว่างเปล่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใน
ห้องปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน อุปกรณ์ทั้งหมดถูกทำลาย ศพของนักวิจัยหลายคนซ่อนอยู่ใต้โต๊ะทดลองและทุกมุมห้อง พวกเขาทั้งหมดตายโดยไม่มีข้อยกเว้น และไม่มีใครสามารถหลบหนีได้
เซียวเฟิงตรวจสอบอย่างระมัดระวัง แต่ไม่เจอเบาะแสใด ๆ
ตู้ม!
ทว่าในขณะที่เซียวเฟิงกำลังจะจากไป เขาก็ได้ยินเสียงโครม เขาเบี่ยงความสนใจทันที
ตู้ม!
จากนั้นก็มีเสียงดังอีกครั้ง คราวนี้เซียวเฟิงเจอที่มาของเสียงแล้ว ซึ่งมันมาจากแถวหลอดแก้วยีนที่อยู่ตรงกลางที่สุด ในแถวหลอดแก้วที่เต็มไปด้วยยีนเหลว มีบางสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่!
เซียวเฟิงเข้าไปดูทันทีและขมวดคิ้วเล็กน้อย ห้องปฏิบัติการนี้เป็นห้องปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุด แถวหลอดยีนเหล่านี้ถูกวางไว้อย่างมีกฎเกณฑ์ ตัวอย่างเช่น หลอดพวกนี้ตั้งอยู่ตรงกลางที่สุด ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญที่สุดและเป็นศูนย์กลาง ตัวทดลองที่มีสิทธิ์อยู่ในนั้นก็ย่อมเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดเช่นกัน อย่างเซียวเฟิงเองก็เคยเป็นขาประจำของที่นี่เหมือนกัน
ในตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในหลอดยีนดูเหมือนว่ามันเพิ่งตื่นจึงเลี่ยงจากอุบัติเหตุครั้งก่อนมาได้
ตู้ม!
สิ่งมีชีวิตในหลอดยีนชนกับผนังกระจกอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงอู้อี้ อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่ได้กังวลว่าสิ่งมีชีวิตนั้นแหกออกมาได้ เพราะสารที่ทำให้อ่อนแอถูกเติมเข้าไปในของเหลวเพาะเลี้ยงเซลล์ภายในนั้น และสิ่งมีชีวิตที่แช่อยู่ในนั้นจะอ่อนแอมาก ต่อให้เป็นเซียวเฟิงที่อยู่ข้างใน ชายหนุ่มก็ต้องพยายามสุดแรงเพื่อทำลายหลอดแก้วออกมาได้
ดังนั้นเซียวเฟิงจึงเดินเข้าไปใกล้อีกสองก้าวและอยากเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจน
ตู้ม!
มันกระแทกอีกหนึ่งครั้ง ด้วยสายตาอันเฉียบคมของเซียวเฟิง เขาก็เห็นลักษณะทั่วไปของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในได้
อย่างแรก มันไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน ไม่ได้มีรูปร่างมนุษย์ด้วยซ้ำ มันน่าจะเป็นนกที่มีลำตัวสีดำและมีปีกโอบกอดตัวเอง ร่างกายยืนอยู่ในของเหลวในเซลล์ ความยาวจากหัวถึงเท้าสูงเท่ากับคน ๆ หนึ่ง ถ้ากางปีกออกก็จะยาวกว่านี้
ตู้ม!
มีเสียงอู้อี้ดังขึ้นอีก เห็นได้ชัดว่านกสีดำตื่นขึ้นแล้ว มันกระแทกผนังกระจกของหลอดยีนด้วยอุ้งเท้าและปากอย่างไม่สงบ ดูดุร้ายและกระสับกระส่ายมาก
หลังจากที่เห็นว่ามันเป็นแค่สัตว์ร้าย เซียวเฟิงก็เลิกสนใจมัน เนื่องจากสิ่งมีชีวิตนี้ไม่สามารถสื่อสารได้ และอุปกรณ์ของฐานก็ถูกทำลายไปแล้ว เซียวเฟิงจึงไม่สามารถอ่านความทรงจำจากสมองของมันได้ ชายหนุ่มกำลังจะจากไปและไม่คิดจะยั่วยุมัน เพราะสิ่งมีชีวิตที่สามารถอยู่ในหลอดยีนหลักนี้ได้อย่างน้อยก็ต้องมีความแข็งแกร่งของเทพเจ้าเทียมอยู่
ตู้ม!
เปรี๊ยะ!
แต่ก่อนที่เซียวเฟิงจะหันหลังกลับ เขาก็ได้ยินเสียงร้าวพร้อมกับเสียงกระแทก ราวกับว่ามีบางอย่างแตกหัก
ชายหนุ่มเบิกตากว้างและมองไป เขาเผยสีหน้าทึ่งออกมา เพราะเขาพบว่ามีรอยร้าวปรากฏขึ้นบนผนังกระจกของหลอดยีน!
ตู้ม!
เปรี๊ยะ!
เซียวเฟิงตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขารู้ดีว่าผนังกระจกนี้แข็งขนาดไหน! และนี่คือหลอดยีนหลัก! บวกกับสารที่ทำให้อ่อนแอในของเหลวเพาะเลี้ยงเซลล์ด้วย!
ในกรณีนี้ หลอดยีนจะถูกทำลายจากภายในงั้นหรือ?
เปรี๊ยะ!
เพล้ง!
เซียวเฟิงไม่มีเวลามากพอที่จะตกใจ เมื่อนกสีดำจิกจากข้างในอีกสองครั้ง หลอดยีนที่ร้าวก็ไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป ในที่สุดมันก็แตกและของเหลวเพาะเลี้ยงเซลล์สีเขียวก็พุ่งออกมาจากรูขนาดใหญ่!
เซียวเฟิงก้าวถอยหลังทันที ขณะที่มองดูนกสีดำที่อยู่ข้างในไหลตามของเหลวเพาะเลี้ยงเซลล์และล้มลงกับพืน มันเปียกโชกและรู้สึกสับสน แต่เซียวเฟิงก็ไม่กล้าดูถูกพลังของมัน เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสยดสยองที่สามารถทำลายหลอดยีนในสภาพที่อ่อนแอได้!
ดังนั้นเซียวเฟิงจึงตื่นตัวในทันที กล้ามเนื้อของตัวเองกระชับแน่น
หลังจากออกจากหลอดยีนแล้ว นกสีดำตัวนั้นก็ตัวสั่นและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ขนาดของมันใหญ่กว่าตัวเซียวเฟิงเมื่อมันยืนขึ้น จากนั้นมันก็มองมาที่เซียวเฟิงด้วยความชั่วร้ายและหิวโหย
หัวใจของเซียวเฟิงจมลงในทันที แน่นอนว่าเขาไม่มีอะไรจะคุยกับสัตว์ร้ายตัวนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเฟิงกลายเป็นเป้าหมายการหาอาหารของนกสีดำอย่างน่าเสียดาย!
แกว๊ก!
ไม่มีพฤติกรรมที่ไม่จำเป็นอื่นใด นกสีดำส่ายหัวของมันเอง หลังจากยืนอย่างมั่นคงแล้ว มันก็ตบปีกเปียก ๆ และบินมาทางเซียวเฟิง!
มันก็พุ่งเข้าหาเซียวเฟิงในทันที ในขณะเดียวกัน ร่างกายของมันก็ทะยานขึ้นไปในอากาศ และกรงเล็บสีดำเหมือนตะขอสีดำก็กวาดมาทางเซียวเฟิง!
เซียวเฟิงไม่เลือกถอยในทันที เขาย่อตัวลงเพื่อหลบกรงเล็บของนกสีดำ และพยายามชกเข้าที่ท้องของนกสีดำ
ทว่า ความเร็วของนกสีดำนั้นก็เร็วมากอย่างน่าอัศจรรย์! กรงเล็บข้างหนึ่งของมันพลาดเป้า แต่มันก็ใช้โอกาสนี้และคว้าตัวเอาไว้ ฉีกหลังของเซียวเฟิงก่อนที่เซียวเฟิงจะชกท้องของมัน!
แคว่ก!
เสียงเนื้อฉีกตามมาด้วยเสียงของเสื้อผ้าที่ขาด นอกจากนี้ยังมีเสียงร้องของความเจ็บปวด และร่างกายของเซียวเฟิงก็กลิ้งกระเด็นออกไป!
“อึก! สัตว์ร้ายอะไรกันนี่!”
เซียวเฟิงพลิกตัวกลับอย่างรวดเร็ว เขากัดฟันแน่น ความเจ็บปวดรุนแรงบนหลังของเขาทำให้เซียวเฟิงสูดหายใจ!
หลังของเซียวเฟิงถูกฟันด้วยกรงเล็บของนกสีดำ บาดแผลทั้งสามนั้นลึกมากจนมองเห็นกระดูกได้!
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงตกใจ อย่างแรก ชายหนุ่มตกใจกับพลังทำลายล้างอันน่าสยดสยองจากกรงเล็บของนกสีดำ! ร่างกายของเซียวเฟิงแข็งแกร่งกว่าโลหะผสมที่แข็งที่สุดในโลก! แต่พลังป้องกันนั้นเกือบจะขาดกระจุยโดยกรงเล็บของนกสีดำ! ใครก็สามารถเห็นกระดูกสีขาวผ่านบาดแผลขนาดใหญ่ทั้งสามบนหลังของเขา!
และอย่างที่สองที่ทำให้เซียวเฟิงตกใจก็คือ ความเร็วของนกสีดำนั้นเร็วมาก! มันเร็วกว่าการตอบสนองของเซียวเฟิง! มันทำให้เซียวเฟิงบาดเจ็บหนักได้ทันทีที่ปะทะกัน! และนี่ยังเป็นกรณีที่นกสีดำเพิ่งออกจากหลอดยีนมา! และยังมีผลทำให้อ่อนแอจากของเหลวเพาะเลี้ยงเซลล์! แต่มันก็ยังมีความเร็วที่รวดเร็วเช่นนี้!
“ไอ้สัตว์ร้าย!”
เซียวเฟิงสูดอากาศและสาปแช่งอีกครั้ง นกตัวนี้ถูกปลุกความสามารถในการเร่งเซลล์อย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกับเซียวเฟิง
เมื่อมันเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย สภาพรอบตัวมันจะเปลี่ยนไป โลกรอบ ๆ มันก็จะหยุดนิ่งและช้าลง! ไม่งั้นความเร็วของมันจะไม่มีทางเร็วได้ขนาดนั้น!
มันทำให้เซียวเฟิงไม่มีเวลาตอบสนองและถูกโจมตีโดยตรง!
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสยดสยองที่ออกมาจากหลอดยีนหมายเลข 1! มันมีความแข็งแกร่งของเมทริกซ์แบบเทพเจ้าเทียมอย่างแน่นอน! เซียวเฟิงต้องบอกว่าตัวเองประมาทไป เพราะไม่คิดว่านกสีดำจะน่ากลัวได้ขนาดนี้แม้จะติดสถานะอ่อนแอก็ตาม!
“ในเมื่อแกรนหาที่ตาย! อย่ามาโทษฉันแล้วกัน!”
มีเปลวไฟต่างสีลุกไหม้ในม่านตาของเซียวเฟิง หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นและเลือดของเขาก็เดือด ในขณะเดียวกัน เนื้อที่แผลบนหลังของเขาเริ่มดิ้น และในไม่ช้าบาดแผลก็หายเอง จากนั้นเซียวเฟิงก็พูดอย่างเย็นชาและพุ่งไปยังนกสีดำ!
ตู้ม!
เสียงอู้อี้นี้เกิดจากหมัดของเซียวเฟิงที่กระแทกเข้ากับปีกของนกสีดำ ทว่า ปีกที่ดูอ่อนแอนั้นแข็งพอ ๆ กับเพชร หมัดของเซียวเฟิงไม่แม้แต่จะทำให้ขนสีดำสั่นไหว กลับกันหมัดของเขาชาเพราะแรงหมัด!
“นี่มันตัวบ้าอะไรกันแน่วะ?!”
เซียวเฟิงอดสาปแช่งไม่ได้อีกครั้ง เขาถอยออกมาเพื่อหลบจะงอยปากของนกสีดำ ซึ่งเร็วกว่ากระสุนปืน จากนั้นเขาก็เปลี่ยนกำปั้นเป็นฝ่ามือ สับเข้าที่คอนกสีดำ
แต่ก็ตามที่คาดไว้ ฝ่ามือของเซียวเฟิงก็ชาเช่นกัน
“เวร!”
เซียวเฟิงสะบัดมือของเขา ความดุร้ายของเขาก็เพิ่มเช่นกัน หลังจากหลบนกสีดำกระพือปีกอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ขึ้นขี่หลังนกสีดำ จับคอนกสีดำไว้แน่นโดยใช้แขนซ้ายล็อกร่างกายมันไว้ จากนั้นยกกำปั้นขวาขึ้นแล้วชกหลังสมองของนกสีดำนั้นหมัดแล้วหมัดเล่า!
ปัง ปัง ปัง