บทที่ 338 หมานรกสามหัว
บทที่ 338 หมานรกสามหัว
ณ สามเหลี่ยมปีศาจ เบอร์มิวดา ปลาและนกแทบไม่มีให้เห็นในน่านน้ำที่น่ากลัวนี้ แต่ในขณะนี้ บนชายหาดของเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากทะเลและนอนอยู่บนชายหาดเพื่อฟื้นกำลัง
นั่นคือเซียวเฟิง
น่านน้ำปีศาจนี้ไม่ใช่ว่าไม่คู่ควรกับชื่อของมัน แม้แต่เฮฟเว่นก็ไม่กล้าที่จะเจาะลึกเข้าไป ฐานอยู่บนเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่บริเวณรอบนอกของน่านน้ำ ซึ่งใกล้กับที่เซียวเฟิงอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามเซียวเฟิงจำเป็นต้องฟื้นฟูกำลังของตัวเอง เมื่อกี้เขาใช้กำลังมากเกินไปด้วยการว่ายน้ำอย่างรวดเร็วเป็นเวลาสองวันสองคืน แม้แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเซียวเฟิงก็ไม่สามารถทนได้
ความเร็วที่เซียวเฟิงว่ายในสองวันนี้ก็ไม่น้อยไปกว่าเรือยนต์ที่ขับด้วยความเร็วเต็มที่
หลังจากที่ทิ้งผลการทดลองที่ตกรุ่นไปยังเฮล เฮฟเว่นก็ได้เรียกพวกเขามาเป็นครั้งคราวเพื่อเก็บตัวอย่างการทดลอง ทว่าก่อนหน้านี้มีเรือขนส่งพิเศษมารับส่งพวกเขา ซึ่งทำจากวัสดุพิเศษและสามารถใช้ฟังก์ชัน ‘ล่องหน’ ได้ การตรวจสอบด้วยเรดาร์และดาวเทียมจะไม่พบพวกเขา
เซียวเฟิงกำลังกลับไปที่ฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต แน่นอนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้รับบริการแบบนั้น นอกจากนี้ หากเรือธรรมดามาสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา พวกเขาต้องจะเสี่ยงชีวิตอย่างแน่นอน ดังนั้นเซียวเฟิงจึงทำได้เพียงว่ายมาด้วยสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่งขอตัวเองเท่านั้น
ตู้ม!
เซียวเฟิงไม่ได้หยุดพักนานนัก ในไม่ช้าเขาก็ลุกขึ้นและกระโดดลงไปในน้ำอีกครั้ง
ใช้เวลาไม่นาน เซียวเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นจากทะเลอีกครั้งในเวลาไม่ถึงสิบนาที และมีปลาทะเลยาวครึ่งเมตรอยู่ในมือของเขา
เห็นได้ชัดว่าปลาทะเลนี้กลายพันธุ์ เป็นพันธุ์ที่มีลักษณะเฉพาะในท้องทะเลแห่งนี้ มันอวบมาก หลังจากยืนยันว่าไม่มีพิษร้ายแรง เซียวเฟิงจึงฉีกปลาทะเลออกเป็นชิ้น ๆ โดยตรง กัดและกลืนปลาสด ๆ เข้าไป
การบริโภคของร่างกายของเซียวเฟิงต้องการอาหารเสริมพลังงานจำนวนมาก และอาหารที่มีโปรตีนสูงก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าในปลาอ้วนนี้จะมีปรสิตจำนวนมากและเป็นพิษเล็กน้อย แต่พวกมันสามารถทำให้ชายหนุ่มยอมมองข้ามไปได้ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพของเซียวเฟิง
ปลาอ้วนที่มีน้ำหนักมากกว่ายี่สิบกิโลกรัมถูกเซียวเฟิงกลืนเข้าไปเกือบหมด ด้วยเหตุนี้เซียวเฟิงจึงฟื้นฟูการทำงานของร่างกายได้ หลังปรับตัวเล็กน้อย เขาก็ฟื้นฟูร่างกายให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด จากนั้นจึงมองเกาะที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ จากนั้นจึงกระโดดลงไปในน้ำอีกครั้ง
ครั้งนี้เซียวเฟิงดำน้ำลึกเพราะทางเข้าฐานอยู่ที่ร่องลึกในทะเล
เซียวเฟิงเข้าใกล้บริเวณร่องลึกอย่างระมัดระวัง หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีสิ่งผิดปกติแล้วเขาก็ว่ายไปตามกระแสน้ำเพื่อเข้าไปยังถ้ำใต้ทะเล
ถ้ำในทะเลลึก ล้อมรอบด้วยกำแพงถ้ำธรรมชาติ และดูเหมือนว่าจะนำไปสู่แม่น้ำใต้ดินในเกาะใกล้เคียง
แต่หลังจากที่เซียวเฟิงว่ายไปตามถ้ำใต้ทะเลเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ถ้ำใต้ทะเลก็สิ้นสุดลงในทันใดและเซียวเฟิงก็โผล่ออกมาจากน้ำ
เมื่อมองไปรอบ ๆ จะพบว่าไม่ใช่กำแพงถ้ำธรรมชาติอีกต่อไป!
มีโคมไฟระยิบระยับและผนังโลหะใสราวกับมีสองโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงที่ใต้น้ำและเหนือน้ำ
นี่เป็นทางตรงซึ่งลึกและนำไปสู่ที่ที่ไม่รู้จัก เซียวเฟิงระมัดระวังมากขึ้นและขึ้นมาจากน้ำทะเล
มีโขดหินที่เชื่อมต่อกับถ้ำใต้ทะเลที่เซียวเฟิงเข้ามา มีเรือขนส่งรูปทรงพิเศษหลายลำบริเวณโขดหินนั้น อย่างเช่น เรือดำน้ำขนาดเล็ก นี่คือพาหนะขนส่งเฉพาะตัวของฐาน
เซียวเฟิงตรวจสอบเรือขนส่งอย่างละเอียดถี่ถ้วนและพบว่ามันว่างเปล่า จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังอุโมงค์เหล็กตรงหน้าพวกมัน เตรียมที่จะเข้าไปในฐาน
“เดี๋ยวก่อน! มีบางอย่างผิดปกติ!”
แต่หลังจากเดินมากว่าหนึ่งร้อยเมตรแล้ว เซียวเฟิงก็สังเกตสิ่งผิดปกติ เพราะแต่เดิมมีประตูเหล็กหนาตรงนี้ ซึ่งเป็นปราการป้องกันชั้นแรกของฐานที่ใช้ตรวจสอบตัวตนของผู้ที่จะเข้ามา และป้องกันไม่ให้น้ำทะเลไหลเข้าช่องนี้เมื่อน้ำขึ้น
แต่เมื่อเซียวเฟิงมาถึงตำแหน่งนี้ เขาก็ต้องพบว่าไม่มีประตูเหล็กอยู่แล้วและมันได้รับความเสียหายจริง ๆ!
ประตูเหล็กหนาครึ่งเมตรที่ราวกับป้อมปราการนั้นถูกแยกออกเป็นชิ้น ๆ! และพวกมันก็ถูกวางกองกัน!
“มันถูกแยกส่วนหรือถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ กัน?”
เซียวเฟิงตกใจ เขานั่งลงและตรวจสอบรอยตัดของประตูเหล็ก เมื่อพบว่ามันเรียบเนียน ชายหนุ่มก็ยิ่งประหลาดใจ!
มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นที่ฐานแน่ ๆ! เซียวเฟิงคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว ไม่ว่าจะจากคำพูดของโกสต์หรือจากสถานการณ์ที่เห็นในขณะนี้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นรอยตัดนี้แล้ว ชายหนุ่มก็เดาได้ไม่ยาก! เพราะการทดลองทางพันธุกรรมของเฮฟเว่นนั้นไม่เพียงแค่กับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ต่าง ๆ ด้วย!
และรอยตัดที่ประตูเหล็กนี้ ก็เหมือนถูกตัดด้วยกรงเล็บแหลมคม!
เป็นไปได้ไหมว่า… ต้นเหตุของอุบัติเหตุในเฮฟเว่นก็คือพวกเขาสร้างสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวอย่างยิ่งขึ้นมา? แล้วสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่สามารถควบคุมได้?
เซียวเฟิงผู้มีความคิดนี้กลั้นหายใจในทันที ในขณะเดียวกัน นัยน์ตาข้างหนึ่งของตัวเองก็เปลี่ยนเป็นสีแดง หัวใจของเขาก็เริ่มสงบลง แม้แต่กลิ่นก็หยุดปล่อยออกมา เพราะเซียวเฟิงปิดรูขุมขนทั้งหมดของเขา
หากสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังติดอยู่ภายในฐาน ก็อาจเป็นภัยถึงชีวิตของเซียวเฟิง! เขาทำได้เพียงลดความรู้สึกถึงตัวตนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับ
แม้จะมีความแข็งแกร่งทางกายภาพ แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถต้านทานมอนสเตอร์ที่สามารถเปิดประตูโลหะที่มีความหนาครึ่งเมตรได้
ขณะที่ชายหนุ่มตื่นตัวมากขึ้น เซียวเฟิงก็เริ่มค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปด้านในของฐาน ในฐานมีสามชั้น เซียวเฟิงอยู่ที่ชั้นล่าง มีอุปกรณ์สำหรับการป้องกันจากภายนอกมากมาย แต่สิ่งต่าง ๆ อย่างพวกประตูเหล็กเกือบจะถูกทำลายหมด ยิ่งลึกเข้าไป ยิ่งเห็นความยุ่งเหยิงจากการต่อสู้อันดุเดือดในทุกที่ เซียวเฟิงพบสัตว์สังเคราะห์จำนวนมากซึ่งถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ สัตว์สังเคราะห์เหล่านั้นยังเป็นเกราะป้องกันที่ทรงพลังที่สุดในฐานนี้อีกด้วย
“โฮก!”
ตอนนี้เซียวเฟิงอยู่ในห้องทดลองสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์ร้ายที่ตัดต่อพันธุกรรม แต่หลังจากที่เขาก้าวเข้ามา เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังขึ้น
เซียวเฟิงบีบเส้นประสาทของเขาจนสุดขีดทันที และมองเข้าไปข้างใน เกรงว่ามอนสเตอร์จะอยู่ในนั้น
“หมานรกสามหัว?”
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงโล่งใจก็คือมันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวออกมา แต่เป็นหมานรกสามหัว
มันคือสุนัขตัวใหญ่เหมือนวัวตัวผู้ มีขนสีดำ ที่วิเศษไปกว่านั้นคือมันมีสามหัวจริง ๆ!
นี่เป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จของการทดลองทางพันธุกรรมกับสัตว์ของเฮฟเว่น เพราะเดิมทีมันถูกดัดแปลงตามหมาสามหัวในตำนาน มันจึงถูกเรียกว่าหมานรกสามหัว ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งของฐานนี้!
“โฮก โฮก โฮก!”
ทันทีที่หมานรกสามหัวปรากฏตัวขึ้น มันก็ทะยานมาทางเซียวเฟิงอย่างดุร้ายราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโหยและร่างกายของมันก็แข็งแกร่งกว่าเซียวเฟิงหลายเท่า!
เซียวเฟิงก้าวถอยหลังเพื่อหลบกรงเล็บ จากนั้นจึงสวนกลับ สมองของสัตว์สังเคราะห์เหล่านี้ถูกควบคุมไว้ พวกมันจึงดุร้ายอยู่ตลอด ดังนั้นพวกมันก็จะโจมตีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่บุกรุกฐาน มีเพียงยากลิ่นพิเศษที่นักวิจัยของเฮฟเว่นพกไว้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้พวกมันสงบลงได้
สำหรับระบบป้องกันที่น่ารำคาญกว่าอย่างพวกเลเซอร์หรือไฟฟ้าแรงสูง เซียวเฟิงมีแต่ต้องทำลายมันเท่านั้น
นัยน์ตาต่างสีปรากฏขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาอีกข้างของเซียวเฟิงเปลี่ยนเป็นสีทอง และอัตราการไหลของเวลาก็ดูเหมือนจะช้าลง!
ตู้ม!
นี่คือเสียงฝีเท้าของเซียวเฟิงที่เดินไปข้าง ๆ ของหมานรกสามหัว และชกเข้าที่หัวของมัน หมัดของเซียวเฟิงเจาะตรงหัวขวาสุดของมัน แต่เสียงกลับเหมือนแผ่นเหล็กถูกทุบ!
ตามความเป็นจริงแล้ว สัตว์สังเคราะห์อย่างหมานรกสามหัว จริง ๆ แล้วเป็นสัตว์ที่มีสถานะกึ่งมีชีวิตกึ่งเครื่องจักรในหมู่ตัวทดลองของเฮฟเว่น มันมีแนวโน้มว่าจะสมบูรณ์แบบ และเป็นหนึ่งในตัวทดลองที่ประสบความสำเร็จของเฮฟเว่น
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซียวเฟิงจัดการกับหมานรกสามหัว ทันทีที่การดัดแปลงพันธุกรรมของเซียวเฟิงประสบความสำเร็จ การทดสอบแรกก็คือการต่อสู้กับหมานรกสามหัวในกรงที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้า เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้เหมือนสัตว์เดรัจฉาน และนักวิจัยของเฮฟเว่นเหล่านั้นก็เฝ้าดูพวกเขาอยู่รอบ ๆ สังเกตและบันทึกข้อมูลอย่างเฉยเมย
ตู้ม!
ตู้ม!
ตู้ม!
…
หมานรกสามหัวนี้ต่อกรกับเซียวเฟิงได้ไม่นาน หลังจากที่เซียวเฟิงทุบหัวทั้งสามทีละหัว ร่างกายที่แข็งแรงก็ถูกหมัดของเซียวเฟิงเจาะเข้าไป ซึ่งในที่สุดมันก็ร่วงลงกับพื้น แล้วเขาก็ชกเข้าที่ตัวมันด้วยแขนทั้งหมดที่มี ก่อนพบหัวใจของมันและทำลายทิ้งไป
ด้วยเหตุนี้ หมานรกสามหัวจึงถูกฆ่าตายอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากมีความสามารถในการรักษาตัวเอง ไม่เพียงแต่เซลล์ที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เท่านั้น แต่ร่างที่เป็นเครื่องจักรก็มีการฝังหุ่นยนต์ซ่อมแซมระดับนาโนอีกด้วย การทำลายหัวใจจึงเป็นเพียงทางเดียวที่จะฆ่ามันให้ตายสนิทได้
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เซียวเฟิงก็เห็นว่าหมานรกสามหัวมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ท้องยาวผ่านหลังของมัน! แผลมีขนาดใหญ่มาก ในขณะนั้น คุณสมบัติทางกายภาพของหมานรกสามหัวน่าจะถูกตัดออก ต่อมามันรอดมาได้ด้วยความสามารถในการรักษาตัวเอง ก่อนจะเข้าโจมตีเซียวเฟิงในเวลาที่ผ่านมาเมื่อครู่
เซียวเฟิงย่อตัวลงและมองไปที่ศพของหมานรกสามหัว บาดแผลนี้ลึก ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการซ่อมแซมแม้ว่าจะเป็นหมานรกสามหัวก็ตาม กล่าวอีกนัยหนึ่ง อุบัติเหตุในฐานเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว!
เซียวเฟิงคำนวณเวลา ฐานน่าจะถูกโจมตีและทำลายโดยสิ่งที่ไม่รู้จักใกล้กับเวลาที่มิธเปิดให้บริการ!
นัยน์ตาต่างสีของเซียวเฟิงจางลงเล็กน้อย มันเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว แม้แต่สัตว์ประหลาดที่ไม่มีความคิดก็ไม่น่าจะยังอยู่ในฐาน หมานรกสามหัวนี้ก็แสดงให้เห็นว่ามันไม่ถูกโจมตีครั้งที่สองหลังจากที่รอดชีวิตมาได้ สัตว์ประหลาดนั้นน่าจะได้ออกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงยังคงไม่กล้าที่จะประมาท และยังคงลดความรู้สึกถึงตัวตน และผ่านชั้นสามที่ถูกทำลายไปแล้วขึ้นไปยังชั้นสอง
หากชั้นสามของฐานซึ่งเป็นที่เก็บตัวทดลองที่เสร็จสิ้นแล้ว ชั้นสองก็จะเป็นที่สำหรับเก็บตัวทดลองที่กึ่งสำเร็จ ห้องปฏิบัติการและอุปกรณ์การวิจัยเกือบทั้งหมดก็อยู่ในชั้นนี้เช่นกัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกเครื่องตัดต่อพันธุกรรมและคอมพิวเตอร์กำลังสูง ตลอดจนพื้นที่ทดลองปิดจำนวนมาก
สภาพแวดล้อมที่นี่ทำให้เซียวเฟิงดุร้ายขึ้นในเวลาอันสั้น แต่ในไม่ช้าเขาก็เย็นลง ก่อนจะเริ่มตรวจสอบสถานการณ์บนชั้นนี้อย่างละเอียด
แต่ก็เช่นเดียวกับชั้นสาม ที่นี่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องก็ถูกทำลาย รวมทั้งชิป โดยไม่มีอะไรเหลือ จะมีเหลือก็เพียงห้องควบคุมรองอยู่ที่ชั้นสอง
เซียวเฟิงเดินไปที่นั่นและพบว่าประตูรักษาความปลอดภัยก็ถูกเปิดออกในลักษณะเดียวกับประตูเหล็กที่ชั้นสามเช่นกัน โดยมีศพของนักวิจัยสองคนอยู่ข้างใน