บทที่ 347 ตื่นขึ้น
บทที่ 347 ตื่นขึ้น
ในมิติการรับรู้สีขาว เซียวเฟิงมองไปยังจุดที่โกสต์หายตัวไปและจมอยู่ในความคิด
เฮฟเว่นถูกทำลายแล้วอย่างงั้นหรือ? อะไรบนโลกนี้ทำลายมัน? แม้แต่เฮฟเว่นก็ไม่มีโอกาสส่งข้อความขอความช่วยเหลือมายังเฮลตอนเกิดเหตุได้!
เฮลเป็นสมุนของเฮฟเว่นที่มีพลังต่อสู้มหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวตนระดับ ‘เมทริกซ์’ อย่างเทพเจ้าเทียมทั้งสอง
ต่อให้พวกเขาจะไม่ใช่ศัตรูของผู้บุกรุก แต่ก็น่าจะสามารถถ่วงเวลาให้ได้ อย่างน้อยก็จะได้มีเวลาพอให้นักวิจัยระดับสูงหนีไปได้
ทว่า… เฮลไม่ได้รับข้อความขอความช่วยเหลือเลย หรือไม่มันก็สายเกินไป เพราะจากสภาพการตายของนักวิจัยจากชั้นสอง เขารู้ได้เลยว่าคนพวกนั้นไม่มีโอกาสหนี ได้แต่เสียชีวิตทั้งที่ตื่นตระหนกและรีบร้อน
ยิ่งกว่านั้น ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเฮฟเว่นไม่ใช่การวิจัยทางพันธุกรรม แต่เป็นปัญญาชีวภาพ! ทว่าทำไมพวกเขาถึงสร้างปัญญาชีวภาพขึ้นมา? และเอามนุษย์ซึ่งเป็นข้อห้ามเด็ดขาดมาใช้ในฐานะภาชนะ!
หากเป็นเพียงการสร้างผู้บงการอิสระภายใต้สถานการณ์ที่โนอาห์ควบคุมข้อมูลเสมือนทั่วโลก แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดและถูกซ่อนเร้นในเฮฟเว่นแห่งนี้?! กลับกัน การทดลองผิดมนุษย์ เช่น การวิจัยทางพันธุกรรม กลับดูเหมือนจะเป็นแค่งานอดิเรก!
อีกเรื่องหนึ่งคือเบื้องหลังเฮฟเว่นมีการสนับสนุนจากประเทศลึกลับอยู่ อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องปกติหลังจากคิดดูแล้ว หากปราศจากการสนับสนุนทางการเงินและทรัพยากรของประเทศใหญ่ องค์กรอย่างเฮฟเว่นคงไม่สามารถก่อตั้งขึ้นมาได้
สุดท้าย สิ่งที่โกสต์กล่าวถึงก่อนจะหายไป ระวังโนอาห์ไว้! มันหมายความว่ายังไง?
โนอาห์เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่เติบโตได้ ซึ่งควบคุมข้อมูลเสมือนทั่วโลก และอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ควบคุมเส้นเลือดของโลก เนื่องจากในยุคอัจฉริยะนี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดเป็นระบบอัจฉริยะ ตั้งแต่เครื่องใช้ไปจนถึงดาวเทียม ทั้งหมดจึงถูกดำเนินการและควบคุมโดยระบบของโนอาห์
แม้ว่าจะมีนักทฤษฎีภัยคุกคามหลายคนเสนอทฤษฎีว่าในกรณีที่โนอาห์ทรยศต่อมนุษย์ มันก็เหมือนกับวันสิ้นโลกก็ตาม
ทว่า ทุกประเทศก็ได้แสดงความเห็นอย่างทันท่วงที แม้ว่าปัญญาของโนอาห์จะมีลักษณะเฉพาะที่เติบโตได้ แต่มันจะไม่มีวันละเมิดคำสั่งหลักที่สุดได้ หลังจากผ่านไปไม่กี่ปี โนอาห์ก็ทำงานด้านต่าง ๆ ได้ดีและมนุษย์ก็คุ้นเคยกับมันเช่นกัน
แต่ในตอนนี้ คำเตือนจากโกสต์ ซึ่งเป็นปัญญาชีวภาพทำให้เซียวเฟิงระมัดระวังมากขึ้น
การกลับมายังฐานของชายหนุ่มครั้งนี้สามารถพูดได้ว่าราบรื่นมากและอาจกล่าวได้ว่าง่ายเกินไป เพราะโดยพื้นฐานแล้วเขาแค่มาเจอซากความเละเทะที่ย่ำแย่ แต่ก็ด้วยเหตุนี้ นอกจากคำถามมากมายจะผุดขึ้นมาแล้วก็ไม่คำตอบอะไรเลย
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน และแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้พลาดอะไรไป เซียวเฟิงก็พร้อมที่จะตื่นจากโลกวิญญาณ แต่ในขณะนี้ เซียวเฟิงพลันหันกลับมาอย่างดุร้ายและมองไปข้างหลังเขา ราวกับว่ามีการชักนำบางอย่าง!
ไม่ไกลนัก มีร่างของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดที่เรียบ ๆ โทรม ๆ ยืนอยู่ตรงนั้น โดยไม่รู้ว่าเธอปรากฏตัวเมื่อใด มองดูโลกวิญญาณของเซียวเฟิงอย่างสงสัย
ในขณะนี้เซียวเฟิงรู้สึกว่าโลกวิญญาณทั้งหมดเต็มไปด้วยความหนาวเย็น!
เพราะเซียวเฟิงคุ้นหน้ากับเด็กหญิงคนนี้ เขาจึงได้พบกับเด็กหญิงที่แปลกประหลาดคนนี้ถึงสองครั้งในโลกของมิธ! เธอไม่ใช่ทั้งผู้เล่นและ NPC เธอเป็นตัวตนที่แปลกประหลาดเป็นพิเศษ
และในขณะนี้ เด็กหญิงตัวเล็กประหลาด ๆ คนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นในโลกวิญญาณของเซียวเฟิง! นี่เทียบเท่ากับการบุกรุกจิตใจของเซียวเฟิงได้เลยทีเดียว!
“พี่ชาย พี่ว่ามนุษย์นั้นดีหรือไม่ดีเหรอ?”
หลังจากมองไปรอบ ๆ สักพัก เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็มองไปมาเซียวเฟิงและถามด้วยความสงสัย
“เธอเป็นใครกันแน่? คนหรือผี?” อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงไม่คิดจะคุยกับเธอ เพราะโลกวิญญาณเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดของคน และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทนต่อการปรากฏตัวของผู้บุกรุก!
ดังนั้นเซียวเฟิงจึงระดมพลังจิตของเขาโดยตรง ทันใดนั้นโลกวิญญาณที่สงบสุขแต่เดิมก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ทันใดนั้น ท้องฟ้าสีขาวก็ม้วนตัวขึ้นราวกับลมพัดแรง แล้วควบแน่นเป็นรูปร่าง ‘ดาบ’ พุ่งลงไปที่เด็กหญิงตัวน้อย
“โนอาห์ไม่ใช่มนุษย์หรือผี แต่ในเมื่อพี่ชายไม่ต้อนรับโนอาห์ โนอาห์ก็จะไป”
เด็กหญิงตัวเล็กแปลกประหลาดโบกมือให้เซียวเฟิง จากนั้นก็สลายเป็นควันบาง ๆ และหายตัวไปจากโลกวิญญาณของชายหนุ่ม
เซียวเฟิงถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง รู้สึกทื่อและมึนงง เธอพูดอะไรนะ? เธอชื่อโนอาห์งั้นเหรอ?
เธอคือโนอาห์ ปัญญาประดิษฐ์ของโลกงั้นเหรอ? แม้ว่าโนอาห์จะเป็นปัญญาประดิษฐ์ชีวภาพ แต่ก็ไม่น่าเป็นสมองของมนุษย์ได้! เซียวเฟิงรู้เรื่องนี้ ว่ากันว่าเป็นปัญญาชีวภาพของแมลงบางชนิด แต่ทำไมปัญญาประดิษฐ์นั่นถึงมีภาพลักษณ์ของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ได้?
ห้องลับในส่วนที่ลึกที่สุดของฐาน เซียวเฟิงซึ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นและหมดสติลืมตาขึ้นมาอย่างดุร้าย เขาสูดหายใจสองสามครั้ง และฉีกผมที่ติดอยู่บนหนังศีรษะของเขา หนวดที่ดูเหมือนผมนุ่มสลวยช่างน่ากลัวเหลือเกิน! พวกมันสามารถบุกโลกวิญญาณของเขาได้จริง ๆ!
เมื่อมองไปยังร่างที่เหี่ยวแห้งของโกสต์ตรงหน้าเขา เซียวเฟิงพลันเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ทว่ายังไงมันก็ไม่มีทางที่จะพาเธอออกไปฝังได้ มีแต่ต้องทิ้งเธอไว้ที่นี่และจมไปพร้อมกับฐานนี้เท่านั้น
หลังจากลุกขึ้น ออกจากห้องลับนี้และกลับไปที่ห้องควบคุม เซียวเฟิงหันไปมองหาอุปกรณ์ทำลายตัวเองของฐาน แม้ว่าคอมพิวเตอร์และระบบทั้งหมดจะถูกทำลาย แต่อุปกรณ์ทำลายตัวเองน่าจะเป็นแบบควบคุมด้วยตนเองและมีไว้เพื่อทำให้ฐานหายไปอย่างสมบูรณ์เท่านั้น เซียวเฟิงสามารถวางใจได้ในเรื่องนี้ และถ้าไม่ทำ เขาก็จะรู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอว่าเฮฟเว่นอาจถูกสร้างขึ้นใหม่!
ข้อเท็จจริงพิสูจน์ว่าการคาดเดาของเซียวเฟิงนั้นถูกต้อง แน่นอนว่าอุปกรณ์เริ่มกระบวนการทำลายตัวเองนั้นถูกพบที่ประตูนิรภัยของห้องควบคุมและมันเป็นแบบควบคุมด้วยตัวเอง
หลังจากเริ่มกระบวนการทำลายตัวเองอย่างไม่ลังเลแล้ว เซียวเฟิงรีบจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองในขณะที่ฐานเริ่มสั่น
“กา…”
แต่เมื่อเขาผ่านห้องทดลองกลาง เซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงร้องแผ่วเบา เขามองไปด้านข้างและพบว่ามันเป็นนกสีดำนอนอยู่อย่างอ่อนแอและเฝ้าดูเขาอย่างจนปัญญา
เซียวเฟิงคุ้นเคยกับอาการของนกสีดำดี เพราะเขาก็มักจะมีอาการนี้ตอนที่ตัวเองเป็นตัวทดลอง นี่เป็นสภาวะที่อ่อนแออย่างยิ่ง
เซียวเฟิงไม่รู้ว่าเขาอยู่ในโลกวิญญาณไปนานแค่ไหน อาจจะสองสามวัน หรือครึ่งเดือนก็ได้ แต่นกสีดำยังคงนอนอยู่กับที่ เซียวเฟิงตะลึงงัน ไม่รู้ว่ามันเพิ่งตื่นหรืออ่อนแอเกินกว่าจะทำอะไรไหว
เพราะเดิมทีมันก็เป็นนกแรกเกิดที่เพิ่งออกจากหลอดยีนมาโดยไม่ได้เติมกำลังด้วยการกิน นอกจากนี้ยังต่อสู้กับเซียวเฟิง และถูกทำให้สลบไป ซึ่งก็เป็นการใช้พลังงานทางกายภาพที่มีเพียงน้อยนิดจนหมด มันเลยขยับไม่ได้และทำได้แต่นอนอย่างอ่อนแรงรอที่จะจมลงสู่ก้นทะเลพร้อมกับฐาน
แต่ในขณะนี้ เซียวเฟิงกลับรู้สึกสงสารมัน เพราะเมื่อเห็นนกสีดำตัวนี้ ก็ดูเหมือนเขาจะมองเห็นตัวเองเมื่อครั้งที่ยังเป็นตัวทดลอง ดังนั้นเซียวเฟิงจึงกัดฟันของตนและวิ่งเข้าไปเพื่ออุ้มนกสีดำซึ่งตัวใหญ่กว่าขึ้นหลังเขา จากนั้นจึงหนีจากฐานที่กำลังจะทำลายตัวเองต่อไป
คิงคองกำลังถือเปลือกต้นมะพร้าวอยู่บนชายหาดร้าง เขารอเซียวเฟิงมาครึ่งเดือนแล้ว สภาพแวดล้อมที่แผดเผาดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเลยเพราะตัวเองดำมากอยู่แล้ว
…แต่ความหิวโหยกลับกลายเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา! เพราะแต่เดิมเขามีรถที่อัดแน่นด้วยอาหาร แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่กระป๋องสุดท้าย เขาทอดสายตาไปที่กระป๋องสุดท้ายนับครั้งไม่ถ้วน และหันหลังกลับนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
เจ้านายของคิงคองบอกไว้ว่าไม่ต้องรอเขากลับมาหลังจากที่อาหารหมด ดังนั้นอาหารกระป๋องนี้จะต้องไม่ถูกกินเด็ดขาด!
จุดอ่อนของคิงคองคือน้ำ เขาไม่สามารถลงทะเลเพื่อหาอาหารได้ ชายหาดแห่งนี้เป็นหาดที่ตายสนิท ไม่มีสิ่งมีชีวิตเช่นปูทะเลและหอยเลย สิ่งที่ชายผิวดำคนนี้เจอ ก็มีเพียงแต่ต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ ๆ
หลังจากกินกระทั่งกะลามะพร้าวและใบมะพร้าวแล้ว ความหิวก็ทำให้คิงคองต้องกินแม้กระทั่งเปลือกต้นมะพร้าว โชคดีที่ร่างกายของเขาแข็งแรงพอที่จะย่อยสิ่งเหล่านี้ได้ แต่รสชาติของมันไม่ค่อยดีนัก
หลังจากกินเปลือกไปแล้ว คิงคองมองไปที่ลำต้นในมือแล้วซ่อนตัวอยู่ใต้เงารถเพื่อไม่ให้ตัวแห้งจากแสงแดด เขาตัดสินใจว่าถ้าเซียวเฟิงไม่กลับมาในครั้งต่อไปที่เขาหิว เขาจะเริ่มกินลำต้นของต้นไม้แล้ว
ความคิดที่ไม่ยืดหยุ่นเกินไปของคิงคองไม่เคยทำให้ตัวเองตัดสินใจที่จะเลิกรอเซียวเฟิงกลับมาเลย
…
“เซียวหลิง ภารกิจเสร็จสิ้นแล้วเหรอ?”
ในห้องโถงเปลี่ยนอาชีพของเมืองเทียนหลง ซือเยี่ยจิ๋งถามเซียวหลิงผู้ซึ่งส่งภารกิจให้กับ NPC เปลี่ยนอาชีพ
“ฉันเปลี่ยนอาชีพแล้ว ท่านเซียวหลิงไม่ใช่คนธรรมดาจริง ๆ พอฉันเข้าเกมฉันก็ได้อาชีพลับเลย!” เซียวหลิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ หลังจากเล่นเกมเมื่อคืนแล้ว เธอก็ตื่นเต้นตลอดทั้งวันและไม่สามารถจดจ่อกับการบ้านได้เลย เด็กสาวเอาแต่ดูวิดีโอเกมทั้งวันทั้งคืน เธออยากเข้าสู่ระบบจนไม่อยากช้าไปแม้แต่นาทีเดียว
“งั้นฉันจะพาเธอไปหาโตวโตว เธอต้องการให้เธอช่วย” ซือเยี่ยจิ๋งกล่าว
“เร็วเข้า! อย่าพูดมาก!” เซียวหลิงดูกังวลมากทีเดียว เพราะเธอมีเวลาเล่นเกมสิบสองชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ซึ่งมันไม่เพียงพอสำหรับเธอเลย!!
ซือเยี่ยจิ๋งทำอะไรไม่ถูก เมื่อมองไปที่เซียวหลิงที่ใจร้อน เธอก็จำต้องเร่งฝีเท้า
หลังจากพาเซียวหลิงไปที่ย่านธุรกิจแล้ว เฉียนโตวโตวก็ส่งข้อความมาทันที และขอให้ซือเยี่ยจิ๋งกับเซียวหลิงรอสักครู่ เนื่องจากเฉียนโตวโตวต้องการพาเซียวหลิงไปที่เมืองแห่งความโศกเศร้า เธอจึงไม่ได้อยู่ในอาคารหลักของร้านค้ามหาสมบัติ
“มีอะไรเหรอหลิวเฉียงเหว่ย? ตอนนี้? ใช่ ฉันว่าง ฉันจะรีบไป”
ทว่าซือเยี่ยจิ๋งก็ได้รับโทรศัพท์จากหลิวเฉียงเหว่ยในตอนนี้ และเธอมีภารกิจฉุกเฉินที่ต้องทำ ซือเยี่ยจิ๋งพยักหน้าหลังจากมองไปที่เซียวหลิง เพราะเฉียนโตวโตวกำลังจะมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงได้เวลาจากไปเสียที
“เซียวหลิง ฉันมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องไปทำ อีกเดี๋ยวโตวโตวก็มาแล้ว เธอรออยู่ที่นี่และอย่าไปไหนล่ะ เดี๋ยวจะคลาดกัน แล้วก็เธอเห็นถนนนั่นไหม ห้ามเข้าไปเด็ดขาดเลย เข้าใจไหม?“
ซือเยี่ยจิ๋งสั่งเซียวหลิง ส่วนใหญ่เป็นเพราะที่นี่อยู่ใกล้กับถนนที่เสี่ยวไป๋อยู่มาก จะให้เซียวหลิงเข้าใกล้ไม่ได้ เซียวหลิงเพิ่งเลเวล 10 และถ้าเสี่ยวไป๋ฆ่าเธอ เธอจะกลับไปที่หมู่บ้านเริ่มต้น
“รู้แล้ว รู้แล้ว เธอนี่เป็นคนพูดมากจริง ๆ ท่านเซียวหลิงไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เซียวหลิงไม่พอใจ
“ก็ได้ งั้นฉันไปล่ะ” ซือเยี่ยจิ๋งจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เห็นร่างของซือเยี่ยจิ๋งหายไป เซียวหลิงพลันหันกลับมาและเดินไปที่ถนนซึ่งซือเยี่ยจิ๋งบอก สีหน้าที่อยากรู้อยากเห็นของเด็กสาวแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เคยคิดจะทำตามคำพูดของซือเยี่ยจิ๋งเลยแม้แต่น้อย