เมื่อเขากล่าวพูดออกมานี้หลี่เยว่ก็แทบจะมีน้ำตาไหลริน
เพราะสิ่งที่เขามั่นใจที่สุดมันคือพลังของร่มวิญญาณต้องห้ามสิบทิศ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันจะสามารถทำให้เขามีพลังเพิ่มพูนขึ้นไปอีกมหาศาล
แต่ไม่มีใครคาดฝันว่าไม้ตายที่แท้ของเย่หยวนมันมิใช่ทั้งการฝังเข็มทองหรือคำบัญชาเต๋าสวรรค์ใดๆ แต่เป็นแนวคิดแห่งห้วงมิติ!
แม้ว่าเวลานี้เย่หยวนอาจจะไม่อาจเอาชนะเขาได้ แต่ตัวเย่หยวนก็ไม่จำเป็นต้องสู้มาแต่แรก
เพราะตราบเท่าที่เย่หยวนยื้อเวลาไว้ได้ เขาก็ย่อมจะตัดหัวของหลี่เยว่ลงได้ในที่สุด
มันเป็นทางตันอย่างไม่อาจหาทางออกได้แล้ว!
“แนวคิดแห่งห้วงมิติหกดาว… พี่เย่ช่างมีฝีมือล้ำฟ้าดินนัก!”
“ด้วยอายุเพียงเท่านี้เขาทำอย่างไรจึงเก่งกาจได้ปานนี้? หรือว่าเจ้าหมอนี่จะเริ่มบ่มเพาะตั้งแต่อยู่ในท้องแม่?”
“หึ เจ้าโง่หลี่เยว่มันย่อมจะไม่มีทางคิดถึงเรื่องนี้ได้ วันนี้คงเป็นวันตายของมันแล้ว”
…
เย่หยวนมองดูหลี่เยว่ก่อนจะกล่าวขึ้น “ให้ไว้ชีวิตเจ้ามันย่อมได้”
เมื่อทุกคนได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็พยักหน้าออกมาตามๆ กัน
เรื่องเช่นนี้มันย่อมจะเกิดขึ้นเป็นปกติ แต่ตำแหน่งของหลี่เยว่ในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงลั่วนั้นมันก็คงสูงไม่น้อย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจจะนำเอาสมบัติล้ำค่าอย่างร่มวิญญาณต้องห้ามสิบทิศนี้ออกมาได้
หากเย่หยวนคิดไว้หน้ากองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเจ้าโง่คนนี้ แน่นอนว่าการไว้ชีวิตมันย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่เช่นนั้นแล้วหลังจากออกไปเย่หยวนคงมีแต่ปัญหาให้ต้องเจอ
หลี่เยว่จึงร้องตอบขึ้นมาอย่างดีใจ “ตราบเท่าที่พี่เย่คิดไว้ชีวิตมีเมตตา หลี่เยว่คนนี้ย่อมพร้อมจ่ายทุกสิ่งอย่าง”
เย่หยวนจึงได้ชี้นิ้วออกไปยังร่มวิญญาณต้องห้ามสิบทิศ “ข้าอยากได้มัน”
หลี่เยว่ที่ได้ยินต้องหน้าซีดลงทันที “นี่มัน… ร่มวิญญาณต้องห้ามสิบทิศนี้มันเป็นสมบัติล้ำค่าของวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงลั่วเรา เอาให้คนอื่นคงไม่ได้ หากข้าให้มันแก่พี่เย่แล้วกลับไปข้าคงถูกลงทัณฑ์อย่างหนักหน่วงแน่!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบ “หากเจ้าไม่เอามันให้ข้าเวลานี้ เจ้าจะถูกลงทัณฑ์ในตอนนี้ ไม่ต้องกลับไปโดนลงทัณฑ์ที่ไหนอีก”
หลี่เยว่ได้แต่กัดฟันแน่น “ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะมอบมันให้พี่เย่!”
ความเกลียดชังที่เขามีต่อเย่หยวนนี้ยิ่งจะเพิ่มพูนขึ้น
แต่สถานการณ์นั้นเหนือล้ำผู้คน เวลานี้เขามีแต่ต้องก้มหัวลงต่ำเท่านั้น
หลี่เยว่นั้นได้แต่ร้องร่ำในใจ หลังจากออกไปได้เขาจะต้องไปขอกำลังผู้อาวุโสมาจัดการเย่หยวนลงให้จงได้
เมื่อตัดสินใจได้หลี่เยว่เองก็ไม่รีรอใดๆ เรียกร่มวิญญาณต้องห้ามสิบทิศออกมาและลบรอยจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนออกก่อนจะส่งสมบัติเทพสวรรค์ขั้นสุดชิ้นนี้ให้แก่เย่หยวนไป
เมื่อจบเรื่องราวลงพลังของเข็มทองมันก็หมดลงพร้อมๆ กัน
เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างหมดแรงลงพร้อมๆ กัน นั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน
แต่ความเหนื่อยอ่อนใดๆ นี้มันย่อมจะไม่เป็นผลที่ร้ายแรง เพราะสถานการณ์เมื่อครู่นี้แค่เอาชีวิตรอดกันมาได้มันก็มากพอ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือทุกผู้คนต่างได้รู้ว่าเข็มทองของเย่หยวนนี้มันถูกฝังอย่างแม่นยำ แม้ว่าเมื่อหมดฤทธิ์ลงแล้วมันจะทำให้เกิดความเหนื่อยอ่อนล้ำแต่มันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ร่างกายหรือพลังบ่มเพาะใดๆ
ยิ่งสัมผัสได้เช่นนี้ทุกผู้คนต่างก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในตัวเย่หยวน
เย่หยวนที่รับร่มวิญญาณต้องห้ามสิบทิศไปก็ค่อยๆ เก็บมันลงในแหวนก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าหลี่เยว่ “หมดเวลาเล่นแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปโลกหน้าเอง”
หลี่เยว่ที่ได้ยินต้องเบิกตากว้างอย่างโกรธเคืองและตื่นตะลึง “เจ้า… เจ้าหลอกข้า?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมาอย่างไร้ความอับอายใดๆ “ใช่แล้ว ข้าหลอกเจ้า ที่บอกว่าอยากได้ร่มวิญญาณต้องห้ามสิบทิศนี้เองมันก็แค่ถ่วงเวลา เจ้าคิดว่าต่อให้เจ้าจะไม่ยอมส่งมันมา ข้าจะไม่มีปัญญาหาทางลบรอยจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหรือ?”
เพราะตั้งแต่ที่เย่หยวนกลืนทะเลแห่งแนวคิดไปในครั้งนั้นไข่มุกสยบวิญญาณมันก็ได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นจนขึ้นมาเป็นสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์
ด้วยพลังของไข่มุกสยบวิญญาณในเวลานี้การจะลบรอยจิตศักดิ์สิทธิ์ของหลี่เยว่ใดๆ มันย่อมจะแสนง่ายดาย
เหตุผลที่เย่หยวนต้องยกเรื่องนั้นขึ้นมาพูดก็เพื่อที่จะถ่วงเวลาและเปิดโอกาสให้หลี่เยว่เห็นทางรอดเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายกลายเป็นหมาจนตรอก เพราะหมาจนตรอกนั้นมันแสนอันตรายไม่รู้จะทำอะไรได้อีกบ้าง
หลี่เยว่เองก็ได้แต่ร้องร่ำขึ้นมาอย่างแค้นเคือง “เจ้า… หากเจ้าสังหารข้าลงแล้ววังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงลั่วจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
เย่หยวนจึงได้ตอบกลับมาอย่างไม่แยแส “แล้ว? เจ้าว่ากล่าวดูถูกข้ามาตลอดทาง ข้าไม่คิดจะสนใจเจ้าใดๆ แต่สุดท้ายเจ้ากลับคิดสังหารจ่าฝูงมารนรกนี้ มันเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าต้องตายลง!”
เย่หยวนเองก็มิใช่คนเจ้าคิดแค้นมากมายแต่หากหลี่เยว่สังหารมารนรกตัวนี้ลงจริงๆ แล้วความหวังที่จะพบเจอตัวลี่เอ๋อมันจะยิ่งริบหรี่ลง
เรื่องนั้นเท่านั้นที่เย่หยวนไม่อาจยอม!
ชีวิตของลี่เอ๋อนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไรยังไม่อาจรู้ได้ เรื่องนี้มันย่อมจะทำให้อารมณ์ของเย่หยวนไม่สดใสมาแต่แรกแล้ว
หลี่เยว่คิดท้าทายว่ากล่าวเขามาสุดทางแต่เย่หยวนย่อมจะไม่ลดตัวไปพูดกล่าวใดๆ เถียงด้วย
แต่สุดท้ายมันกลับคิดตอบแทนความดีด้วยความชั่ว คิดฆ่าสังหารจ่าฝูงมารนรกนี้ลง
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียคนที่นำพาเทพสวรรค์ทั้งหลายรอดมาได้มันก็คือตัวเย่หยวน!
หลี่เยว่นั้นทั้งโกรธแค้นและหวาดกลัว แต่ในเวลานี้เขาเป็นได้แค่หมูบนเขียง มีหรือจะยังขัดขืนใดๆ เย่หยวนได้?
เวลานี้ปราณเทวะของหลี่เยว่มันดับลงสิ้น ไม่เหลือพลังจะต่อสู้ใดๆ ได้แม้แต่น้อย
พริบตาเดียว หลี่เยว่ก็ตายลงไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยววิญญาณอีกต่อไป!
ทุกผู้คนต่างมองดูภาพนี้อย่างตกตะลึง พวกเขาทั้งหลายเองก็ไม่คิดว่าเย่หยวนจะโหดร้ายและเฉียบขาดได้ปานนี้
เทพสวรรค์หกดาว หนึ่งในอนาคตของวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงลั่วกลับตายลงด้วยน้ำมือของเย่หยวนง่ายๆ เช่นนั้น
เหล่าเทพสวรรค์จากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ชิงลั่วทั้งหลายต่างนั่งหน้าซีดขาว กลัวว่าเย่หยวนจะเอาความไม่พอใจนั้นมาลงใส่ตัวพวกเขาด้วย
แต่เย่หยวนกลับไม่ได้ทำเรื่องราวใดๆ นั้นและเดินเข้าไปหาจ่างฝูงมารนรกที่ถูกผนึกไว้แทน
เจ้าจ่าฝูงมองดูเย่หยวนอย่างหวาดกลัว
เพราะเด็กมนุษย์คนนี้มันแปลกประหลาดจนเกินไป!
เย่หยวนนั้นแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิงเพราะเขารู้ถึงจุดอ่อนของมารนรกทั้งหลายอย่างดี
การผนึกผลึกมารดำนี้เองก็ย่อมจะทำให้มารนรกผู้แข็งแกร่งทั้งหลายกลายเป็นแค่ขยะ
“เจ้ามนุษย์ ตัดใจเถอะ! เทพสวรรค์ผู้นี้จะไม่มีทางบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้! มารนรกผู้สูงส่งอย่างเราย่อมจะไม่มีทางก้มหัวให้แก่มนุษย์ได้!” มารนรกตัวนั้นร้องบอกเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“เรอะ?”
แต่เย่หยวนกลับเดินเข้าไปพร้อมดึงผลึกมารดำออกมาถือไว้
พลังของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนเริ่มทำงาน ดึงเอาพลังที่อยู่ภายในผลึกมารดำนั้นออกมาอย่างไม่ขาดสาย
เจ้าจ่าฝูงถึงกับต้องสั่นสะท้านไปทั้งร่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ
เพราะเจ้ามนุษย์คนนี้มันกลับดูดซับพลังจากผลึกมารดำ!
เขาสามารถที่จะทนรับพลังงานชั่วร้ายจากผลึกมารดำได้!
เจ้ามารนรกรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังที่เก็บกักไว้ในร่างมันค่อยๆ จางหายไปทีละน้อยๆ
เย่หยวนนั้นไม่ได้ดูดซับพลังออกมาอย่างเต็มแรงใดๆ เขานั้นค่อยๆ ปล่อยให้เจ้าจ่าฝูงสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ค่อยๆ คืบคลาน
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่กลืนพลังทั้งหมดของเจ้าไปหรอก เมื่อพลังของเจ้านั้นตกไปถึงระดับเทพถ่องแท้แล้วข้าย่อมจะคลายผนึกปล่อยเจ้ากลับไป ข้าว่าเพื่อนๆ ของเจ้าคงดีใจมากแน่ที่ได้เห็นเจ้า” เย่หยวนบอก
แต่คำพูดนี้มันกลับทำให้ร่างของเจ้ามารนรกสั่นสะท้านขึ้นอย่างหวาดกลัว
มันร้องตอบขึ้น “เจ้า… เจ้าปีศาจ!”
เย่หยวนนั้นอยู่ในถ้ำเนตรมังกรมาถึงสิบปีทั้งยังออกล่ามารนรกอย่างไม่ว่างเว้น แน่นอนว่าเขาย่อมจะพอเข้าใจโครงสร้างทางสังคมของมารนรกไม่น้อย
และโลกของมารนรกนั้นมันโหดร้ายกว่าโลกมนุษย์อย่างไม่อาจเทียบกันได้!
กว่าที่จะก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์หกดาวนี้เจ้าจ่าฝูงตัวนี้คงได้ฆ่าทำลายสังหารมารนรกตัวอื่นไปอีกมากมายอย่างเกินจะนับ ทั้งยังสร้างศัตรูไว้อีกเหลือล้ำ
เมื่อเหล่ามารนรกตัวอื่นๆ ได้เห็นว่าตัวมันนี้มีพลังตกร่วงลงไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ตามมาย่อมจะไม่ต้องพูดถึงกัน
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจคำของเจ้าจ่าฝูงและยังคงค่อยๆ กลืนพลังของผลึกมารดำลงไปเรื่อยๆ
สิ่งที่น่ากลัวนั้นมิใช่ความตาย
แต่มันคือความตายที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้!
ความหวาดกลัวนี้ค่อยๆ กัดกินจิตใจของเจ้าจ่าฝูงไปเรื่อยๆ
เหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ ต่างก็ได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างตื่นตะลึง
เพราะพวกเขานั้นสัมผัสได้ว่าคลื่นพลังจากร่างของเจ้ามารนรกนั้นมันค่อยๆ ลดหายลงเรื่อยๆ ส่วนคลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนนั้นกลับค่อยๆ เพิ่มพูน
เย่หยวนกลับสามารถจะกลืนกินพลังของเจ้าจ่าฝูงมารนรกนี้มาเป็นของตนได้!
เจ้าบ้านี้มันจะเป็นสัตว์ประหลาดไปถึงไหนกัน
จนสุดท้ายเจ้าจ่าฝูงมารนรกก็ไม่อาจจะทนความหวาดกลัวที่กัดกินได้อีกต่อไปจนต้องร้องขึ้น
“ข้า… ข้าจะพูด! ข้าจะบอกแล้ว! ขอล่ะ อย่างดูดกลืนพลังข้าอีกเลย!”
…………………………