The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 7 อาจารย์สอนแทน

ตอนที่ 7 อาจารย์สอนแทน

พอจางจิ่งหลินได้รับคำตอบจากเริ่นเสี่ยวซู่แล้วถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว แต่เขาไม่รู้เลยว่าเริ่นเสี่ยวซู่ก็กำลังงุนงงเหมือนกัน เขาก็สอนทุกคนเรื่องที่เขารู้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมภารกิจยังไม่สำเร็จอีกล่ะ

หรือว่ามีอะไรผิดพลาดกับองค์ความรู้ที่เขาถ่ายทอดไป

 อาจารย์ครับ  เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างจริงจังยิ่ง  ท่านอาจจะไม่เคยเห็นฝูงหมาป่าที่ข้างนอกนั่นมาก่อน คนในเมืองส่วนใหญ่ก็ยังไม่เห็นหรือเคยรับมือมันเหมือนกัน แต่ผมเคยแล้ว ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงฝูงหมาป่าเสียด้วยซ้ำ เจอหมาป่าแค่ตัวเดียว ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันมากหรอก หาที่ฝังศพตัวเองได้เลย 

เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าตนคงถูกจางจิ่งหลินตำหนิแน่ เพราะอย่างไรคำตอบเขาก็กระทบต่อภาพลักษณ์ของอาจารย์พอควร

ทว่าจางจิ่งหลินกลับตกอยู่ในภวังค์พักใหญ่ก่อนจะพูด  ต่อไปเวลาเรียนเธอมานั่งในห้องได้ และจะสอนวิชาการเอาตัวรอดตั้งแต่ตอนนี้ไป 

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่โรงเรียนในเมืองนอกป้อมปราการ 113 มีอาจารย์สอนแทน

เริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่ทันได้อธิบายเลยว่า ตอนเขาเจอหมาป่าหลงฝูงหรือหมาป่าทั้งฝูงนั้นตัวเองเอาตัวรอดอย่างไร!

[ภารกิจสำเร็จ รางวัลพละกำลัง 1.0 แต้ม]

……

พอหมดวัน เริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังหาโอกาสใช้คัมภีร์คัดลอกทักษะขั้นพื้นฐานไม่ได้ เขาหวังจะไปโรงเรียนเพื่อได้รับความรู้เพิ่ม แต่ความรู้ที่จางจิ่งหลินมีนั้นไม่ได้ช่วยให้การเอาตัวรอดง่ายขึ้นนักสำหรับในตอนนี้

ความสำคัญลำดับแรกของเริ่นเสี่ยวซู่คือจะมีชีวิตรอดต่อไปอย่างไร

ดังนั้นหากเขายังใช้คัมภีร์วิเศษนี่ไม่ได้ เขาก็ไม่อาจพิสูจน์ได้เสียทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวนั้นเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงแค่จินตนาการของตนเองกันแน่

ถึงอย่างนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็ยังเฝ้ารอต่อไป เพราะเขารู้สึกว่าเดี๋ยวต้องมีภารกิจใหม่มอบมาให้แน่นอน

ตอนนี้เขาทำสำเร็จไปอีกหนึ่ง และได้รับรางวัลเป็นพละกำลังเพิ่มขึ้น 1.0 แต้ม มันเป็นตัวเลขแบบตรงๆ เลย และเริ่นเสี่ยวซู่สามารถสัมผัสถึงร่างกายได้อย่างชันเจน กล้ามเนื้อใต้ร่มผ้านั้นหนาแน่นขึ้นเล็กน้อย เป็นความรู้สึกเหนือธรรมชาตินัก เพราะไม่มีทางที่จะมีใครสามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ภายในเพียงสิบวินาทีหรอก

คิดถึงตรงนี้แล้ว เริ่นเสี่ยวซู่พอมั่นใจได้ว่าพระราชวังนั้นเป็นพลังพิเศษจำพวกหนึ่ง

นี่ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่ยินดีสุดๆ อันที่จริงคือเขายินดีมานานแล้วแหละ ก็แค่กลัวว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเพียงภาพมายา ไม่ใช่เรื่องจริงอันใด

นักล่ามือฉมังต้องเข้าใจร่างกายตนเองเป็นอย่างดี ต้องรู้ว่าว่าสามารถออกหมัดได้เร็วและแรงเท่าไร ต้องรู้ว่าสามารถยกมีดแทงออกไปเร็วและแรงเท่าไรด้วย

ดังนั้นเริ่นเสี่ยวซู่จึงทดสอบพละกำลังที่ได้มาใหม่ของตน ถ้าผู้ใหญ่เพศชายมีพละกำลังโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3.0 แล้วละก็ เริ่นเสี่ยวซู่ก็มีพลังที่ 2.5 แต้ม

เขาอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น เป็นเรื่องธรรมดามากที่จะอ่อนแอกว่าผู้ใหญ่ การที่เขาสามารถมีชีวิตรอดในเมืองนี้ได้ไม่ใช่เพราะพละกำลังของตน แต่เป็นเพราะว่าเขาโหดร้าย ระมัดระวัง และใจเย็นพอ

หากพละกำลังเขาเหนือกว่าผู้ใหญ่เพศชายโดยเฉลี่ยได้ ก็หมายความว่าโอกาสที่เขาจะอยู่รอดในแดนรกร้างจะเพิ่มขึ้นมากทีเดียว

หลังเลิกเรียน เหยียนลิ่วหยวนพูดอย่างตื่นเต้น  ตอนนี้พี่เป็นอาจารย์สอนแทนแล้ว บางทีต่อไปพี่อาจจะเข้ามาเป็นอาจารย์ของเมืองแทนคุณจางก็ได้นะ? 

เริ่นเสี่ยวซู่นิ่งไป  คงงั้น อาจารย์จางเองก็เริ่มจากการเป็นอาจารย์สอนแทนก่อน พออาจารย์คนเก่าเสียชีวิตไปก็ขึ้นมาสอนแทน 

 อื้อ! ทุกคนในเมืองต่างรู้กันทั้งนั้นว่าใครมาเป็นอาจารย์สอนแทน ก็จะได้เข้ามาดูแลโรงเรียนในสักวันหนึ่ง คิดดูสิ คุณจางให้พี่เข้ามาเรียนในห้องแล้ว แถมยังให้เป็นอาจารย์สอนแทนอีก เขาต้องคิดอยากให้พี่มาแทนที่เขาในอนาคตแน่นอน  เหยียนลิ่วหยวนยิ้ม พลางว่า  ถ้าคนในเมืองรู้ ต้องปฏิบัติต่อพวกเราด้วยความเคารพกว่าเดิมแน่ 

 อาจจะไม่เป็นงั้นก็ได้  เริ่นเสี่ยวซู่คิด ก่อนพูดว่า  ฉันว่าเขาอาจจะอยากได้บุหรี่ไปสูบเพิ่มมั้ง 

 …  เหยียนลิ่วหยวนมองเริ่นเสี่ยวซู่  พี่ ถามจริง? 

 อันที่จริงแล้ว เป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนก็ไม่แย่นะ  เริ่นเสี่ยวซู่พูด  พอฉันได้รับตำแหน่งนั้นแล้ว ก็ส่งให้นายต่อ แบบนี้นายก็จะกลายเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนแทนไง 

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เคยคิดอยากเป็นอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเขาดูหมิ่นอาชีพนี้ เพราะถ้าดูหมิ่นคงไม่คิดอยากจะส่งมอบให้เหยียนลิ่วหยวนหรอก

ทว่าเขากลับคิดว่าตนเองไม่เหมาะกับอาชีพนี้ ถ้าในอนาคตเขาไม่มีโอกาสได้เข้าไปในป้อมปราการ แดนรกร้างภายนอกคงเป็นสถานที่เดียวที่เขาจะอยู่ได้

ขณะพวกเขาเดินกันไป เริ่นเสี่ยวซู่ก็นึกจินตนาการภาพอนาคตยามตนเองส่งมอบหน้าที่อาจารย์ให้เหยียนลิ่วหยวนไปด้วย เขาไม่ทันสังเกตเลยว่าเหยียนลิ่วหยวนชะลอฝีเท้าลง แล้วมองหลังเริ่นเสี่ยวซู่ เกิดความรู้สึกยากจะบรรยายขึ้นมา

พอเริ่นเสี่ยวซู่หันมามอง แล้วเห็นว่าเหยียนลิ่วหยวนรั้งท้ายไปไกลไม่น้อย ก็เรียกเสียงดัง  ทำอะไรน่ะ มาเร็ว! 

 มาแล้ว มาแล้ว! 

ควันขาวลอยล่องออกจากปล่องโรงงานนอกป้อมปราการ ตะวันลับฟ้าสาดแสงทาทาบแผ่นหลังทั้งคู่ ราวกับชีวิตนี้ไร้ซึ่งข้อกังวลใจใด

……

ระหว่างทางกลับบ้าน เริ่นเสี่ยวซู่กับเหยียนลิ่วหยวนพลันเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากป้อมปราการ พวกเขามีกันราวสิบสี่คน ครึ่งหนึ่งในนั้นสวมใส่เสื้อผ้าหลากสีสัน ส่วนที่เหลือใส่ชุดเครื่องแบบกองกำลังส่วนตัวของผู้ปกครองป้อมปราการ 113 ดูแล้วการเดินทางของพวกเขาคงมีพวกทหารไปด้วย ถึงว่าทำไมถึงกล้ามุ่งผ่านไปยังสถานที่อย่างเขาจิ้งซาน

ชัดเจนว่าคนพวกนี้ไม่ต้องการคนนำทางที่มีทักษะต่อสู้ ต้องการเพียงแค่คนรู้ทางเท่านั้น

อย่างไรเสียเริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่คิดว่ากองกำลังส่วนตัวของผู้ปกครองป้อมปราการ 113 จะแข็งแกร่งอะไร ที่จริงแล้วน้อยมากนักที่เขาจะเห็นกองกำลังส่วนตัวจะออกมาจากป้อม ไม่รู้จะมีทักษะต่อสู้จริงหรือเปล่า เคยเห็นเลือดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

เริ่นเสี่ยวซู่เห็นพวกทหารกำลังสูบบุหรี่แบบมีก้นกรอง ซึ่งหายากมากในเมือง

กลิ่นบุหรี่โชยมา เริ่นเสี่ยวซู่ได้กลิ่นแปลกประหลาดอย่างชัดเจน เขาจำได้ว่า เหล่าหวังเล่าว่า ส่วนใหญ่บุหรี่ที่ทางโรงงานแจก จะใส่สารเสพติดที่ทำให้คนอารมณ์ดี

เริ่นเสี่ยวซู่ข้องใจมากว่าทำไมทหารซึ่งเป็นอาชีพที่ต้องตื่นตัวตลอดเวลาถึงสูบอะไรแบบนี้

เขาเคยเห็นคนเป็นบ้าจากพวกบุหรี่นี่มาก่อน และดูเหมือนว่าพวกเขาแค่สูบบุหรี่คุณภาพสูงกว่า ไม่ได้สูบบุหรี่ที่ปลอดภัยกว่าอะไรเลย

ไม่นานนักฝูงคนในเมืองก็มารวมกลุ่มกัน เพราะคนในป้อมพวกนี้ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ผิดกับใบหน้าของคนในเมืองอย่างเห็นได้ชัด

 พี่ ในป้อมนี่น้ำมากขนาดเอามาใช้ล้างหน้าได้ทุกวันเลยเหรอ  เหยียนลิ่วหยวนกะพริบตาปริบๆ ด้วยประกายสดใส

 ไม่ต้องอิจฉาไปหรอก ความมันบนใบหน้าเราก็มีเพื่อปกป้องผิวเรานั่นแหละ  เริ่นเสี่ยวซู่พูดปลอบใจไปอย่างคร้านจะสนใจ

ทันใดนั้นเขาก็สังเกตได้ถึงตัวตนพิเศษในกลุ่มคน เป็นเด็กสาวใส่หมวกกดลงปิดหน้า จนเขาไม่อาจทราบแน่ชัดว่าเธออายุเท่าไรกันแน่ เธอใส่ชุดค่อนข้างธรรมดา ดูหลวมแต่เข้ากับรูปร่าง

ที่เริ่นเสี่ยวซู่เพ่งไปที่เธอนั้น เพราะยามเห็นเธอ ก็รู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้าสัตว์ร้ายแห่งแดนรกร้าง

เริ่นเสี่ยวซู่กับเหยียนลิ่วหยวนหยุดเดิน เฝ้ามองจากไกลๆ พวกเขาพอเห็นได้ว่าคนกลุ่มนี้กำลังถามอะไรบางอย่างจากเหล่าหวังร้านขายของชำ

ทั้งคู่ได้ยินเสียงเหล่าหวังดังลั่นว่า  พวกนายอยากข้ามเขาจิ้งซาน งั้นก็ต้องการเริ่นเสี่ยวซู่ หากไม่มีเขา ก็เลิกคิดเรื่องจะข้ามเขาไปได้เลย แถมในแดนรกร้างนั่นยังมีฝูงหมาป่าอีก ขอเสนอว่าอย่าใช้เส้นทางนี้ดีกว่า 

ทหารนายหนึ่งแค่นเสียง  เจ้าหมาป่าพวกนั้นได้ยินเสียงปืนพวกเราก็เตลิดไปไกลแล้ว ทำไมต้องไปสนใจอะไรพวกมันด้วย 

เริ่นเสี่ยงซู่ผงะไป พวกหมาป่ากลัวเสียงปืนงั้นเหรอ นี่คงเป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของสัตว์ป่า เนื่องจากเขาไม่เคยเห็นอาวุธปืนมาก่อน ทำให้ไม่มั่นใจนักว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือเปล่า จึงยังคงเกิดความสงสัยไม่สร่าง

ทหารอีกนายถาม  เริ่นเสี่ยวซู่คือใคร เราไม่สนหรอกว่าเขาต่อสู้เก่งแค่ไหน เอาแค่ให้รู้ทางก็พอ 

 อ้อ เริ่นเสี่ยวซู่รู้จักกันดีว่าเป็นนักล่าฝีมือดีที่สุดในเมือง รู้จักเส้นทางเกือบหมด ถ้าให้เขานำทางคงไม่มีปัญหาแน่  เหล่าหวังยิ้ม  แต่จำคำฉันไว้นะ เขาอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ว่าหัวของเจ้าเด็กนั่นไม่ค่อยปกติ… 

ได้ยินแบบนี้ เริ่นเสียงซู่ก็กลับหลังหันนำเหยียนลิ่วหยวนจากไป  ลูกชายเหล่าหวังอยู่ในชั้นเรียนเดียวกับนายสินะ เจ้าเด็กอ้วนนั่น? 

เหยียนลิ่วหยวนสูดลมหายใจเย็นเยียบ  พี่ ไม่ต้องเอาครอบครัวเขามาเอี่ยวก็ได้… 

เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้วแน่น เดิมทีอยากหลีกหนีจากปัญหา แต่ไม่คิดเลยว่าเหล่าหวังจะแนะนำตนกับกลุ่มคนที่ความเป็นมาไม่แน่ชัดแบบนี้เสียได้!

 

The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

The First Order สู่รุ่งอรุณแห่งมวลมนุษย์ / the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

Status: Ongoing

นิยายแฟนตาซี-ระบบที่จะพาคุณไปผจญภัยและเอาชีวิตรอดในสมรภูมิโลกหลังภัยพิบัติที่เต็มไปด้วยอันตราย เมื่อตกอยู่ในอันตราย ความหวังคืออาวุธ ‘ลำดับแรก’ ของมนุษย์ หลังภัยพิบัติผ่านพ้นไป สิ่งที่เหลืออยู่คือความเสื่อมโทรมของอารยธรรมมนุษย์ ไร้ธรรมเนียม ไร้กฎเกณฑ์ ไร้ซึ่งคุณธรรม มนุษย์ไม่ได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป … ‘เริ่นเสี่ยวซู่’ เด็กหนุ่มวัย 17 ปีผู้อพยพแห่งป้อมปราการ 113 ความเป็นมาของเขาไม่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆ เขาเป็นนักล่ามือฉมัง หลังจากผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายใน ‘แดนรกร้าง’ มาได้ก็เกิดหมอกดำประหลาดขึ้นในห้วงจิต และนั่นเป็นสาเหตุของอาการป่วยทางสมองของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งหมอกดำในห้วงจิตก็มลายหายไป เผยให้เห็น ‘พระราชวัง’ ปริศนา ที่น่าแปลกคือหลังจากนั้นเขาก็มักจะได้ยินเสียงลึกลับจากพระราชวังที่สั่งให้เขาทำภารกิจช่วยเหลือผู้อื่น?! หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้ว เขาจะยังได้รับรางวัลจากพระราชวังอีกด้วย ทว่ายังไม่ทันได้สำรวจพระราชวังนั้นให้ละเอียดดี เขาก็จับพลัดจับผลูต้องไปเป็นคนนำทางเข้าไปในแดนรกร้างที่เขาพยายามเลี่ยง และนี่คือจุดเริ่มต้นการผจญภัยในแดนรกร้างของเริ่นเสี่ยวซู่ เด็กหนุ่มที่อาจกลายเป็นผู้นำพาความหวังและแสงสว่างมาสู่มนุษยชาติ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท