คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 28 ข้อตกลงลับ

ตอนที่ 28 ข้อตกลงลับ

ภายในตำหนักใหญ่มีเสียงฮือฮา ดวงตาของเจ้าสำนักแดงก่ำ ขอเพียงสยบเจ้าของได้ ก็จะสามารถหาตัวสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณที่หนีไปกลับมาได้อย่างง่ายดาย

ทว่ายังไม่ทันรอให้เจ้าสำนักลงมือ ควันสีดำบนร่างของหวาซีก็หายไป ทุกคนตกตะลึง ส่วนหวาซีในยามนี้มองเจ้าสำนักอย่างตกตะลึงด้วยสีหน้างุนงง

หลี่กวงจี้มองเจ้าสำนักอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง  อาจารย์อา นี่มันเรื่องอะไรกัน 

 มีควันสีดำ แล้วควันสีดำก็หายวับไป แสดงว่าเคยสัมผัสสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ ทว่าไม่ใช่เจ้าของ เพียงแค่ติดไอวิญญาณมาบ้าง  เจ้าสำนักอธิบายอย่างผิดหวัง

จริงเสียด้วย บนร่างของศิษย์หลายคนที่ถูกควันดำทำให้สลบตอนสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณหนีไปก็มีควันดำพุ่งขึ้นมา เพียงแค่ครู่เดียวก็หายไป ส่วนเจ้าสำนักฝากความหวังทั้งหมดไว้บนร่างของจินเฟยเหยา แต่น่าเสียดาย ของวิเศษส่องร่างจินเฟยเหยา ขนาดควันดำก็ไม่มีพุ่งขึ้นมาเลยสักนิด

ก่อนหน้านี้ตอนจินเฟยเหยาเล่าเรื่องก็เคยบอกไว้ ว่าตนเองไม่ได้เข้าใกล้และสัมผัสสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ หวาซีเป็นคนสู้กับสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ ตนเองเพียงแต่ขับเคลื่อนยันต์ยา ดังนั้นบนร่างย่อมไม่มีควันดำ ถ้ามีก็ย่ำแย่แล้ว

ในเมื่อศิษย์สำนักตนเองไม่ได้เลี้ยงสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ ก็มิอาจให้มันหนีไปได้ เจ้าสำนักให้หลี่กวงจี้นำศิษย์แปดร้อยคนไปภูเขาซวงถ่าค้นหาสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณตัวนั้นทันที ทั้งยังแอบสั่งการเป็นพิเศษให้เขานำศิษย์สตรีไปด้วย ให้ในศิษย์แต่ละกลุ่มที่ค้นหาในภูเขาต้องมีศิษย์สตรีอยู่ด้วยหนึ่งคน ในเมื่อเป็นสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณที่เพาะเลี้ยงวิญญาณหยิน เช่นนั้นก็ใช้ศิษย์สตรีเป็นเหยื่อล่อ ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตศิษย์นับร้อยคน ขอเพียงจับสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณได้ก็ถือว่าคุ้มค่า

บรรดาศิษย์ไม่ล่วงรู้ถึงความคิดของเจ้าสำนัก รับภารกิจแล้วก็พาสัตว์ภูติของตนเองออกเดินทาง ส่วนพวกเซียวซ่าก็ให้กลับที่พักไปพักผ่อน เนื่องจากจินเฟยเหยาอยู่ตรงใจกลางระเบิดของยันต์ยา ไม่ตายก็นับว่านางดวงแข็ง เคลื่อนไหวไม่ได้ชั่วคราว หลี่กวงจี้เห็นว่านางรู้จักกับหวาซีซึ่งเป็นศิษย์ของตนเอง จึงให้หวาซีดูแลชั่วคราว รอจนอาการบาดเจ็บดีขึ้นจึงส่งนางกลับสำนักเฉวียนเซียน

ส่วนหวาซีไม่รู้ว่าเพราะจินเฟยเหยาช่วยเหลือตนเองหรือไม่ เขาจึงรู้สึกว่าห้องรับแขกไม่เหมาะจะพักอาศัยจึงพานางมาอยู่เรือนเล็กที่ตนเองอาศัยอยู่ รินชารินน้ำทุกวัน ทั้งยังวิ่งไปหาขี้ผึ้งหยกขั้นสามซึ่งเป็นยารักษาบาดแผลชั้นเลิศมากล่องหนึ่ง ขี้ผึ้งหยกนี้ไม่เสียทีที่เป็นยาวิญญาณขั้นสาม ใช้เพียงห้าหกวัน จินเฟยเหยาก็สามารถลุกขึ้นนั่ง จับราวพยุงเดินได้หลายก้าว

วันนี้จินเฟยเหยาโคจรลมปราณเสร็จสิ้น รู้สึกว่าบาดแผลหายดีขึ้นมาก อยู่ที่สำนักชิงโซ่วไปก็มิใช่หนทางที่ดี อีกทั้งหวาซีก็พานางมาอยู่ด้วยกัน ฉากหน้าเพื่อสะดวกในการดูแลนาง ที่จริงคือไม่วางใจ ดังนั้นนางกะว่าวันนี้จะเอ่ยอำลาหวาซีกลับไปสำนักเฉวียนเซียน

หลายวันนี้หวาซีอยู่ในห้องบำเพ็ญด้านข้างรักษาบาดแผลให้ราชาสุนัขป่ายักษ์ จินเฟยเหยาก็นั่งอยู่ในเรือนรอให้เขาออกมา

 สหายเซียนจินดูเหมือนว่าร่างกายของเจ้าฟื้นตัวดี สามารถเดินไปทั่วได้แล้ว  หวาซีเดินมาจากห้องฝึกบำเพ็ญ ก็เห็นจินเฟยเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้ศิลาในเรือน นอนพิงอยู่ข้างรั้วมองมาไกลๆ

จินเฟยเหยายิ้ม  ดังนั้นวันนี้ข้าจึงคิดจะกล่าวอำลาสหายเซียนหวา ข้าออกมาหลายวันแล้ว มิอาจอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ คิดจะกลับไปวันนี้ 

หวาซีลำบากใจอยู่บ้าง มีสีหน้ารู้สึกผิด  เรื่องนี้ต้องโทษข้า หากมิใช่เพราะข้านัดสหายเซียนจินมา ก็คงไม่ต้องทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักและยังเกือบตายแบบนี้ 

เห็นรอบด้านไม่มีใคร และในเรือนยังมีคาถาป้องกัน ทว่าจินเฟยเหยายังหลีกเลี่ยงเรื่องในวันนั้นอย่างระมัดระวัง  สหายเซียนหวาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ การได้พบกับเจ้าไม่ใช่เรื่องดีอะไรสำหรับข้า พวกเราอาจจะเป็นดาวข่มกันตามดวงชะตา เพียงสิงโตวารีหยกและแมวบินได้ที่สหายเซียนหวารับปากข้าไว้ตอนนั้น มอบให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะได้นำลงเขาไปด้วย 

จินเฟยเหยาหยุดไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นอีก  สหายเซียนหวาเองก็รู้ว่าข้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียนอิสระ ไม่มีเงินทองมากนัก ข้าต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อสิงโตวารีหยกและแมวบินได้ คาดว่าสหายเซียนหวาคงคาดคิดได้และจัดเตรียมไว้แล้วสินะ 

ในที่สุดหวาซีก็เข้าใจ ว่าเพราะเหตุใดตอนนั้นจินเฟยเหยาจึงช่วยเขา ก็เพื่อสิ่งของที่มีราคารวมกันไม่ถึงสี่พันศิลาวิญญาณ ถ้าเรื่องที่เขาเป็นเจ้าของสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณถูกจับได้ จินเฟยเหยาก็ไม่สามารถได้แมวบินได้และสิงโตวารีหยกจากตัวเขา ดังนั้นจึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นเพื่อให้สองฝ่ายสมประโยชน์

ถ้าหากนางเพียงแค่อยากได้ศิลาวิญญาณ ก็เป็นผู้ร่วมมือที่ดีจริงๆ หวาซีแอบตัดสินใจในใจ แล้วเอ่ยกับจินเฟยเหยา  ข้าอยากรั้งให้สหายเซียนจินอยู่สักหลายวัน ในเมื่อสหายเซียนอยากกลับไปแต่เนิ่นๆ ข้าจะไปนำไข่ของสิงโตวารีหยกและแมวบินได้มาเดี๋ยวนี้ สหายเซียนโปรดรอสักครู่ ไข่ของแมวบินได้ไม่ได้อยู่ในมือข้า ข้าต้องไปแลกเปลี่ยนกับศิษย์พี่ 

 ได้  จินเฟยเหยาพยักหน้า

เห็นหวาซีขี่กระเรียนเซียนที่เลี้ยงแบบปล่อยในเรือนไปหาศิษย์พี่ของเขา เห็นกระเรียนเซียนบินไปอย่างสบายอกสบายใจ จินเฟยเหยาก็รู้สึกอิจฉานิดๆ สำนักชิงโซ่วเลี้ยงกระเรียนเซียนไว้ฝูงใหญ่เพื่อให้ศิษย์ขั้นฝึกปราณใช้แทนการเดินเท้าโดยเฉพาะ ปกติเลี้ยงไว้ในเรือน ให้กินน้ำสะอาดและอาหารสัตว์เล็กน้อยก็พอ ทั้งสะดวกและประหยัด ถึงจะบินช้าหน่อยทว่าดีตรงไม่ต้องเสียเงิน ทุกคนมีคนละตัว

นางเคยถามหวาซี กระเรียนเซียนเหล่านี้สำนักใช้เวลาหลายร้อยปี ฟักไข่ออกมาทีละชุด มีผู้อาวุโสที่ใส่ใจท่านหนึ่งเพาะเลี้ยง ตอนนี้จึงสามารถให้คนในสำนักใช้แทนการเดินเท้าได้ หากนำไข่ของกระเรียนเซียนไปขายข้างนอก ตัวหนึ่งจะมีราคานับพันศิลาวิญญาณ ดังนั้นเพื่อปกป้องกระเรียนเซียนเหล่านี้จึงไม่อนุญาตให้พวกเขาขี่ออกนอกสำนัก

ได้แต่ขี่ภายในสำนัก หากคิดจะออกจากสำนัก ก็ต้องขี่สัตว์ภูติที่ตนเองเลี้ยง ห้ามเอากระเรียนเซียนเหล่านี้ออกไปเด็ดขาด ได้แต่ใช้แทนการเดินเท้าในสำนัก แค่นี้ก็ทำให้จินเฟยเหยาอิจฉาอย่างยิ่ง ตอนนั้นอยู่สำนักเหิงเจินก็ไม่มีสัตว์ภูติใช้แทนการเดินเท้า ศิษย์ขั้นฝึกปราณขี่กระบี่ไม่ได้ จะทำอะไรก็ต้องเดินเอา มีเพียงบรรดาศิษย์ผู้สืบทอด แต่ละปีสำนักจะมอบยันต์เดินทางให้สิบใบเพื่อฐานะและหน้าตา ช่างตระหนี่จนเจ็บปวดใจจริงๆ

การไปของหวาซีครั้งนี้ไปถึงครึ่งวัน จินเฟยเหยารอจนหมดความอดทน จึงเห็นหวาซีพาศิษย์พี่เซียวมาอย่างเอ้อระเหย  หรือว่าตั้งใจมาส่งข้าโดยเฉพาะ? คงไม่ใจดีขนาดนั้นหรอกนะ  จินเฟยเหยาใช้มือจับรั้วพยุงตัวยืนขึ้น มองพวกเขาสองคนอย่างสงสัย

 สหายเซียนจิน  เซียวซ่าลงจากกระเรียนเซียน ก็ประสานมือคารวะจินเฟยเหยา ทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง

จินเฟยเหยาเองก็ยิ้มรับ ทั้งยังเอ่ยล้อเลียนว่า  หรือว่าสหายเซียนเซียวก็มาส่งข้าด้วย? 

 เอ่อ…  หวาซีเอ่ยกับจินเฟยเหยาอย่างลังเลอยู่บ้าง  สหายเซียนจิน ศิษย์พี่เซียวมาเพราะมีเรื่องอยากจะหารือกับเจ้า 

 เรื่องอะไร?  จินเฟยเหยามองคนทั้งสองอย่างสงสัย

เซียวซ่าพูดอย่างเขินๆ  คืออย่างนี้สหายเซียนจิน ข้าซื้อสิงโตวารีหยกที่ศิษย์น้องหวาซีจะมอบให้เจ้าตัวหนึ่ง ครั้งนี้ได้ลูกสิงโตมาทั้งหมดสามตัว ถึงแม้ว่าข้าจะได้ตัวหนึ่ง เพียงแต่ตัวนั้นข้าอยากมอบให้ศิษย์น้องคนหนึ่ง 

 สำนักชิงโซ่วของพวกเจ้ามีธรรมเนียมว่าต้องมอบสิ่งของให้ศิษย์น้องหรือ?  จินเฟยเหยาหลุดปากออกมา เหตุใดคนเหล่านี้จึงมีคุณธรรมเช่นนี้

หวาซีรีบฉุดดึงจินเฟยเหยา เอ่ยอธิบายเสียงเบาว่า  ศิษย์น้องผู้นั้นเป็นบุตรสาวของอาจารย์เรา หมั้นกับศิษย์พี่เซียวแล้ว ดังนั้นจึงมิใช่คนนอก เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล 

 รู้แล้ว  จินเฟยเหยาแม้ปากไม่พูดทว่าในใจกลับคิด ผู้อื่นประจบศิษย์น้องเพื่อเอาใจฮูหยินในอนาคต เจ้าประจบศิษย์น้องก็เพื่อเอาใจสัตว์เพาะเลี้ยงวิญญาณ

อย่างไรเสียสิงโตวารีหยกนางก็คิดจะเอากลับไปขายทิ้งอยู่แล้ว ตอนนี้ความเป็นอยู่ยังไม่ดี เลี้ยงสัตว์ภูติมากมายเกินไปไม่ได้ ถ้าสามารถเปลี่ยนเป็นศิลาวิญญาณที่นี่ได้ก็ประหยัดเวลาไปหาคนซื้อ เหตุใดจึงไม่ยินดีเล่า

 ได้สิ เพียงแต่สหายเซียนเซียวจะเสนอราคาเท่าใด?  จินเฟยเหยาเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่ถามราคาอย่างใจกว้าง รอให้อีกฝ่ายนำเศษเงินออกมา แล้วให้หวาซีบอกว่าทุกคนล้วนเป็นคนคุ้นเคย คิดจะไม่ขายก็ลำบากแล้ว

เซียวซ่ายิ้มไม่เอ่ยตอบ มองหวาซี

 สหายเซียนจิน เจ้าวางใจได้ พวกเราไม่ให้เจ้าเสียเปรียบหรอก ศิษย์พี่เซียวคิดจะนำศิลาวิญญาณหนึ่งพันสี่ร้อยก้อนมาซื้อสิงโตวารีหยก ราคานี้พอๆ กันกับร้านบนถนนเป่ยเหอ  หวาซีแอบบอก

 ไข่ของแมวบินตัวนั้นก็ยืมมาจากศิษย์พี่เซียว เจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ข้าไม่มีเงินมากขนาดนั้น ซื้อแมวบินได้มาไม่ได้ ดังนั้นเลย… เจ้าไว้หน้าข้าหน่อยเถอะ  หวาซีหารือกับจินเฟยเหยาเสียงเบา เซียวซ่าเดินไปอีกข้างหนึ่งแสร้งดูกระเรียนเซียนว่าอ้วนหรือไม่

ราคานี้น่าจะใกล้เคียง จินเฟยเหยาตกลง เพียงแต่นางยังมีอีกเรื่องหนึ่ง จึงเอ่ยออกมา  สหายเซียนหวา เจ้าก็รู้ว่าข้ามีสัตว์ภูติอยู่หลายตัว เพียงแต่มีเจ้าของแล้ว ข้าคิดจะจัดการพวกมัน ทว่าไม่อยากให้คนรู้ที่มาเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าช่วยข้าจัดการรอยประทับของเจ้าของที่เหลืออยู่บนร่างของพวกมันทิ้งด้วย เป็นอย่างไร? 

หวาซีย่อมรู้ดี ที่นางเอ่ยถึงคือสัตว์ภูติของอี่ซาน หากนำออกมาเปะปะ ทำให้คนตรวจพบก็จะทำให้เขาลำบาก หวาซีพยักหน้าเอ่ยว่า  ได้ อีกครู่หนึ่งเจ้านำมาให้ข้า ถ้าสามารถเปลี่ยนเป็นศิลาวิญญาณได้ ข้าจะช่วยกำจัดทิ้งให้ 

 อืม มีเจ้าจัดการข้าก็วางใจ เจ้าคุ้นเคยด้านนี้  จินเฟยเหยาพยักหน้าเอ่ยยิ้มๆ

หลังจากหารือเสร็จสิ้น จินเฟยเหยาไม่เห็นแม้แต่ลูกสิงโตวารีหยกก็ได้รับถุงเก็บของที่บรรจุเงินหนึ่งพันสี่ร้อยศิลาวิญญาณจากเซียวซ่า สำหรับเรื่องที่พวกเขาจงใจไม่นำสิงโตวารีหยกมาและตัดสินใจคิดจะซื้อให้ได้ จินเฟยเหยาคร้านจะไปคิดเล็กคิดน้อย

ซื้อขายเสร็จสิ้น เซียวซ่าก็ขี่กระเรียนเซียนกลับไป อำนวยความสะดวกให้หวาซีและจินเฟยเหยาพอดี จินเฟยเหยาแอบนำถุงสัตว์ภูติหกใบมอบให้หวาซีให้เขาช่วยจัดการ ยังมีถุงสัตว์ภูติสองใบ เดิมทีบรรจุผึ้งปีกดำและงูเหลือมนิลแต่ตอนนี้ว่างเปล่า นางเตรียมเอาไว้ใช้ในวันหน้า

 ไข่ของแมวบินได้เล่า?  ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จแล้ว จินเฟยเหยาจึงเอ่ยถาม

 ข้านำมาแล้ว อยู่นี่  หวาซีหยิบกระเป๋าสัตว์ภูติใบหนึ่ง แล้วนำไข่ใบหนึ่งออกมาจากด้านใน ไข่แมวบินได้สูงสามฝ่ามือกว่า เปลือกไข่สีขาวน้ำนม ด้านบนมีลวดลายสีฟ้าอ่อนเหมือนเมฆเหิน

จินเฟยเหยารับไข่มาอย่างระมัดระวัง เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น  ของสิ่งนี้ต้องเลี้ยงดูอย่างไร? 

 ปกติใช้ศิลาวิญญาณเลี้ยงดู อีกสามเดือนจึงออกมาจากไข่ได้ จากนั้นต้องป้อนน้ำนมแมวบินได้สามเดือน ของสิ่งนี้มีขายที่ร้านสัตว์ภูติขนาดใหญ่ ศิลาวิญญาณหนึ่งก้อนสามารถซื้อได้หนึ่งกา เพียงพอให้ดื่มได้หนึ่งวัน สามเดือนให้หลังจึงหย่านม ถึงตอนนั้นจึงสามารถป้อนเนื้อสัตว์ปิศาจได้ และสามารถซื้ออาหารสัตว์ภูติที่ทำขึ้นเป็นพิเศษมาป้อนได้ ว่าไปแล้วค่อนข้างเลี้ยงง่าย 

 แบบนี้เรียกว่าเลี้ยงง่าย? ต้องใช้ศิลาวิญญาณของข้าไปเท่าไหร่  จินเฟยเหยาเกือบจะกระอักโลหิตออกมา การลงทุนครั้งนี้มหาศาลเกินไปแล้ว

หวาซีไม่เอ่ยอะไรเพียงแต่หัวเราะหึหึ

Related

 

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing

จินเฟยเหยา: “ความใฝ่ฝันของข้าคืออยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียนที่เต็มไปด้วยความรักและสันติภาพ คนชั่วทั้งหมดสมควรตาย” ทุกคน : “เช่นนั้นเชิญเจ้าฆ่าตัวตายก่อนเลย”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท