เย่หยวนยกดาบกระดูกขึ้นมาถึงระดับอกและค่อยๆ เดินฝ่ากระแสลมจากเต๋าสวรรค์เข้าไป
ไม่ว่ามันจะเป็นคลื่นลมรุนแรงปานใดมันก็ไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวได้
แต่คลื่นพลังจากดาบของเย่หยวนนั้นมันแตกต่างจากซินอย่างสิ้นเชิง
มันเป็นพลังแสนเบาบางอย่างที่พร้อมจะมอดดับได้ทุกเมื่อ
“เจ้าโง่โอหัง! มีหรือที่พลังของเต๋าสวรรค์จะเป็นสิ่งที่เจ้าเข้าใจได้?”
พลิกนภา!
ซินต่อยหมัดออกมาทำให้ฟ้าดินแทบจะกลับหัวพลิกด้านถล่มลงสู่โลกภายล่าง
คลื่นพลังจากเจ้าหมัดนี้มันสุดแสนรุนแรงอย่างไม่อาจเทียบ
ภายใต้พลังของหมัดนี้แล้วเหล่ามารนรกทั้งหลายต่างคุกเข่าลงตามๆ กัน
“นี่คือพลังของเผ่าเทวา! ภายใต้พลังหมัดนี้แล้วทุกสิ่งอย่างมันย่อมจะไร้ค่าสิ้น! มีหรือที่มนุษย์มันจะเข้าใจได้?” ม่านหย่าร้องบอก
หมัดของซินนี้ได้ปลุกความมั่นใจของพวกมันทั้งหลายขึ้นมาอีกครา
พวกมันนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าหมัดนี้คงสังหารเย่หยวนลงได้เป็นแน่!
แต่แม้ต้องเผชิญกับคลื่นพลังล้นฟ้าดินนี้ เย่หยวนกลับยังคงรักษาท่าทางไว้ได้อย่างหนักแน่นไร้กังวล
ในเวลานี้ทั้งปราณ กายและจิตของเขานั้นมันได้ผสานเข้าเป็นหนึ่ง
พลังทั้งสามนี้มันถูกส่งไปผสานเข้ากับดาบอย่างแนบแน่น
ดาบชั่วลมปราณถงเทียน!
เย่หยวนโจมตีออกมาด้วยวิธีการปล่อยพลังแบบกักเก็บ
นี่คือสุดยอดดาบของตัวเขา!
มันคือดาบแห่งยอดเต๋า!
ต่อหน้าดาบนี้พลังเต๋าสวรรค์ใดๆ ของซินจะมีค่าใด?
ปัง!
ปัง!
มิติโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
คลื่นพลังรุนแรงนั้นมันจางหายไปสิ้น
เพียงแต่ว่าทั้งเย่หยวนและซินต่างไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆ
เพราะว่าในเวลานี้มันเกิดปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาระหว่างคนทั้งสอง
แน่นอนว่าย่อมจะเป็นตัวหยวนเจี่ยวแล้ว!
การโจมตีสูงสุดของคนทั้งสองนั้นถูกหยวนเจี่ยวใช้พลังเหนือล้ำสะกดลงทั้งคู่
ด้วยฝีมือของเขาผู้นี้ เขาสามารถจะจัดการกับสุดยอดการโจมตีของคนทั้งสองพร้อมๆ กันได้!
“นี่… เกิดอะไรขึ้นกัน? ท่านบุตรเทวะกำลังจะฆ่าเจ้ามนุษย์นั่นแล้วแท้ๆ เหตุใดท่านหยวนเจี่ยวจึงได้มาขัดเล่า?”
“ใช่! ทำไมท่านหยวนเจี่ยวจึงต้องมาช่วยเจ้ามนุษย์นั้นด้วย?”
“หากมิใช่เพราะท่านหยวนเจี่ยวแล้วเจ้ามนุษย์นั่นคงตายไม่เหลือแม้แต่เศษซาก!”
…
เหล่ามารนรกทั้งหลายต่างร้องกล่าวขึ้นอย่างไม่เข้าใจถึงเจตนาที่แท้ของหยวนเจี่ยว
ซินเองก็ต้องหรี่ตาลงถามอย่างไม่พอใจ “ลุงหยวนเจี่ยว ท่านทำอะไร?”
หยวนเจี่ยวไม่ได้คิดตอบซินแต่กลับหันไปหาเย่หยวน “ข้าต้องขอยอมรับความพ่ายแพ้แทนบุตรเทวะด้วย”
ซินสั่นสะท้านไปทั้งกาย “ลุงหยวนเจี่ยว ท่านว่าอะไรนะ? ข้าแพ้?”
คำพูดเดียวของหยวนเจี่ยวนี้มันทำให้เกิดเสียงแตกตื่นขึ้นตามๆ กันไป
เหล่ามารนรกี่ยังเหลือรอดทั้งหลายต่างอดไม่ได้ที่จะคิดว่าหยวนเจี่ยวเล่นตลก
หยวนเจี่ยวพยักหน้ารับ “เมื่อสักครู่นี้หากปล่อยไปเช่นนั้นแล้วคงไม่ได้กลับมิตินรกแล้ว เขาผู้นี้ผสานปราณ กาย จิตสามเส้นทางเป็นหนึ่ง มันมิใช่แค่หนึ่งบวกหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสามง่ายๆ เช่นนั้น! แม้ว่าพลิกนภาของเจ้านั้นจะรุนแรงปานใดแต่หากเทียบกับกระบวนท่านี้ของเขาแล้วมันก็มีช่องว่างความห่างชั้นอยู่ไม่น้อย!”
คำพูดของหยวนเจี่ยวนี้กล่าวออกมาเพื่อรักษาหน้าของซินไว้
เพราะความเป็นจริงมันมิใช่แค่ห่างไม่น้อย แต่มันห่างชั้นกันคนละโลก!
หากเขาไม่สอดมือเข้ามาซินคงได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย
กำลังฝีมือเช่นนี้มันไม่อาจจะใช้คำว่าห่างชั้นใดๆ มากบอกเทียบได้
ทุกผู้คนที่ได้ยินต่างต้องสูดหายใจเข้าลึกแม้แต่ตัวเยวี่ยเมิ่งลี่เองก็ยังต้องมองดูภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าซีดขาว
หลายปีมานี้นางพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะก้าวตามเย่หยวนให้ทัน
แต่สุดท้ายแล้วเย่หยวนก็ยังห่างชั้นจากนางไปอย่างคนละโลก!
มีหรือที่นางจะไม่เข้าใจพลังของบุตรเทวะนั้น?
พลังของเต๋าสวรรค์เช่นนี้ต่อให้จะเป็นเทพสวรรค์หกดาวเองก็คงไม่อาจจะรับมันไว้ได้
มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงล้ำอย่างแท้จริง!
แต่คนที่เก่งกาจระดับถูกยกย่องว่าเป็นบุตรเทวะนี้กลับไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้
“บ้าน่า! ข้านั้นคือบุตรเทวะแห่งเผ่าเทวา! มีหรือที่ข้าจะพ่ายให้มนุษย์อันต่ำต้อยได้?! ลุงหยวนเจี่ยว ท่านถอยไปเถอะ! ข้าจะสู้กับมันให้ตายกันไปข้าง!” ซินร้องบอกหยวนเจี่ยว
ในฐานะบุตรเทวะแห่งเผ่าเทวาแล้วศักดิ์ศรีของซินจะต้องสูงล้ำปานใด?
หากไม่สู้กันให้ตาย มีหรือที่เขาจะยอมรับได้ว่าแพ้เย่หยวน? ไอลีนโนเวล
แม้ว่าตัวเขาจะเข้าใจว่าหยวนเจี่ยวไม่มีทางพูดจาล้อเล่นแต่เขาก็ยังไม่อาจเชื่อลง
เพราะต่อให้หยวนเจี่ยวจะช่วยชีวิตเขาไว้ได้ แต่มันก็สังหารศักดิ์ศรีเขาลงสิ้น
สำหรับคนอย่างซินแล้ว เรื่องนั้นมันยิ่งกว่าตายทั้งเป็น
หยวนเจี่ยวจึงขมวดคิ้วกล่าวขึ้น “บุตรเทวะ เรื่องราวที่เจ้าแบกรับไว้มันมากมาย มีหรือที่เจ้าจะมาทำตัวเช่นนี้ได้? เผ่าเทวาเรานั้นต้องอดทนมันมานับร้อยล้านปีเพื่อจะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีของเราคืนมา เจ้าลืมไปแล้ว?”
คำพูดนี้ทำให้ซินสั่นสะท้านไปทั้งกายจนได้แต่ต้องกำหมัดแน่น
“ข้า… ข้าเข้าใจแล้ว!” คำพูดของซินนี้ถูกกล่าวออกมาอย่างกล้ำกลืนฝืนทน
หยวนเจี่ยวหันกลับมาหาเย่หยวนพร้อมกล่าวบอก “ข้าเองก็ไม่นึกเลยว่าเผ่ามนุษย์จะเกิดยอดอัจฉริยะเช่นนี้ขึ้นมาได้! ดูท่าข้าจะดูถูกเผ่ามนุษย์มากเกินไปแล้ว เผ่าต่ำต้อยของเจ้านั้นแพร่พันธุ์ได้อย่างไร้สุด แน่นอนว่าย่อมจะต้องให้กำเนิดตัวตนที่แปลกประหลาดเช่นเจ้าขึ้นได้ในสักวัน ดูท่าเจ้าคงจะเป็นมนุษย์ที่มากพรสวรรค์ความสามารถที่สุดในยุคนี้แล้ว!”
เย่หยวนจึงยิ้มตอบกลับไป “เจ้าจึงคิดจะสังหารฆ่าลงเพื่อดับความหวังมวลมนุษย์?”
แต่หยวนเจี่ยวกลับส่ายหัวออกมา “ย่อมไม่จำเป็นต้องถึงกับฆ่าสังหาร! พวกเรานั้นยังต้องการพลังของบุตรีเทวะ แต่ข้าก็ผนึกเจ้าไว้ได้ตลอดกาล! ถึงวันที่เรากำราบมหาพิภพถงเทียนนี้ลงได้แล้ว เจ้าค่อยกลับไปอยู่กับบุตรีเทวะก็ยังไม่สาย!”
แต่เย่หยวนกลับยกดาบขึ้นมาชี้หน้าบอกหยวนเจี่ยวพร้อมหัวเราะเย้ย “เรอะ? แต่ข้าก็บอกไปแล้วว่าหากคิดอยากพาลี่เอ๋อไปเจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”
หยวนเจี่ยวจึงหัวเราะขึ้นมา “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าสภาพของตนในเวลานี้เป็นอย่างไร? และต่อให้เจ้าจะสมบูรณ์พร้อมมีหรือที่เจ้าจะเอาชนะข้าได้? เจ้านั้นอาจจะยังไม่รู้จักข้า แต่ข้านั้นคือหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสสายเลือดลมปราณ! หากวัดกันตามระดับบ่มเพาะของเจ้านี้ ข้าคงเทียบเคียงได้กับจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาว แต่ทว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาวของพวกเจ้านั้นมัน… ฮ่าๆๆ”
หยวนเจี่ยวหัวเราะขึ้นมานี้แน่นอนว่าย่อมจะเป็นการเยาะเย้ยต่อหลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาวเผ่ามนุษย์
เยวี่ยเมิ่งลี่เองก็ได้แต่ฟังเรื่องราวด้วยใบหน้าสิ้นหวัง
เดิมทีนางย่อมจะไม่รู้ว่าหยวนเจี่ยวนี้มีพลังในระดับใด แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วนางก็เข้าใจได้ทันทีว่าเย่หยวนคงหมดโอกาสจะขัดขืน!
เสียงหัวเราะของหยวนเจี่ยวนี้ เย่หยวนเองก็ไม่ได้คิดจะว่ากล่าวใดๆ
เพราะหากคิดตามพลังของซินนี้แล้ว เขาเองก็มีมีพลังเทียบเคียงแค่อาณาจักรเทพสวรรค์สี่ดาว
แต่กำลังของซินผู้นี้กลับมากพอจะสังหารเทพสวรรค์สี่ดาวใดๆ ลงสิ้นได้!
เผ่าเทวามันแข็งแกร่งอย่างแท้จริง
เย่หยวนยกดาบขึ้นมาพร้อมก้าวเดินเข้าหาหยวนเจี่ยวพร้อมรอยยิ้มกว้าง “พูดมากปากเหม็นกันเสียจริง! จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาวแล้วทำไม? จะเป็นเก้าผู้อาวุโสสายเลือดลมปราณแล้วทำไม? ต่อให้จะเป็นเต๋าบรรพกาลมาอยู่ตรงหน้า เหตุใดข้า เย่หยวนผู้นี้ต้องกลัว?”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวคนทั้งหลายก็ได้แต่ต้องเงียบปากลง
ศักดิ์ศรีของเจ้าหมอนี่มันเหนือล้นฟ้าดินจริงๆ!
หยวนเจี่ยวเองก็หรี่ตาลงพร้อมปลดปล่อยพลังจากร่างกายออกมากดดันพื้นที่โดยรอบ
มันคือคลื่นพลังที่ทำให้คนทั้งหลายต้องไม่อาจกล้าหายใจ!
ต่อให้จะอยู่ห่างกันไปมากแต่เหล่ามารนรกทั้งหลายก็ยังถูกแรงกดดันนี้จนต้องคุกเข่าก้มหัวลงแนบพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงขัดขืนใดๆ
แล้วเย่หยวนที่อยู่ตรงหน้าหยวนเจี่ยวจะเป็นอย่างไรเล่า?
แต่เย่หยวนกลับยังค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาหาหยวนเจี่ยวทีละก้าวๆ อย่างยากเย็น
แต่สุดท้ายมันก็เหมือนดั่งมีกำแพงมาขว้างหน้า ตัวเย่หยวนไม่อาจจะก้าวเดินเข้าไปได้ใกล้มากกว่านั้น
หยวนเจี่ยวที่เห็นเย่หยวนหยุดเท้าลงจึงยิ้มขึ้น “ภายใต้แรงกดดันของข้านี้เจ้ากลับยังยืนอยู่ได้ เยี่ยมเสียจริงๆ! น่าเสียดายที่ว่า… หืม?”
หยวนเจี่ยวต้องผงะไปทันทีพร้อมคำพูดใดๆ ที่กล่าวก็ขาดหายสิ้น
เพราะเวลานี้เขาได้เห็นว่าเย่หยวนที่หยุดเท้าไปกำลังก้าวเดินเข้ามาอีกครั้ง!
แต่ดวงตาของเขานั้นมันกลับค่อยๆ เย็นเยือกลงเรื่อยๆ
พร้อมกันนั้นลายสีฟ้าก็ค่อยๆ ไหลหลั่งออกมาจากร่างของเย่หยวน!
มันคือลายพระเจ้า!
…………………….