ถึงจะเป็นหนึ่งต่อแปดแต่เย่เฉินก็ไม่ลนลานสักนิด ไม่ใช่เพราะเขามั่นใจตัวเองอย่างหน้ามืดตามัว แต่เพราะเขารู้ความแตกต่างระหว่างมืออาชีพกับพวกมือสมัครเล่น
คนพวกนี้พอสู้กับคนทั่วไปอาจจะเป็นมืออาชีพ
แต่ถ้าเทียบกับคนที่เคยเข้าสู่สนามรบ อยู่กับเลือดและศพมานานแรมปี นี่มันก็แค่เด็กน้อยเท่านั้น!
เย่เฉินเรียนศิลปะป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็กดังนั้นจึงแข็งแกร่งอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวก็คือเขาเคยเข้าร่วมสงครามจริงๆ เป็นเวลาหนึ่งปี!
นั่นก็คือเมื่อสี่ปีก่อนหรือหนึ่งปีก่อนแต่งเข้าตระกูลหวัง ที่บ้านจัดการส่งเขาไปสนามรบที่ซีเรียหนึ่งปีเพื่อให้มีประสบการณ์ในการสู้รบ!
แปดคนตรงหน้าเขา ถึงมักจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทแต่มือของพวกเขาไม่เคยเปื้อนเลือดมาก่อน
แต่พวกนักเลงพวกนี้ สักเนื้อสักตัว กินเหล้า สูบบุหรี่หรือกลางคืนกลางค่ำเที่ยวผู้หญิง กินดื่มทุกวัน ดื่มด่ำไปกับความศิวิไลซ์ของโลก
แต่คู่ต่อสู้ที่เย่เฉินเจอในสงครามนั้น พวกเขาไม่มีชีวิตที่แสนสุขเหล่านี้ พวกเขาถึงขั้นหิวโหย ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ในแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด!
เมื่อสู้กับคนเหล่านี้หากประมาทไปเพียงเล็กน้อยก็อาจถึงตาย!
เย่เฉินดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เป็นระยะเวลาหนึ่งปีเต็มๆ!
ผลัว! ผลัวะ! ผลัวะ!
เย่เฉินปล่อยหมัดสามรอบโดนใส่ร่างกายคนสามคน คนที่โดนเขาต่อยนั้นล้มลงไปกองกับพื้นทันที อีกห้าคนที่เหลือเองก็ไม่ใช่คนโง่ คนสองคนพุ่งเข้าหาเย่เฉินจากคนละทิศคนละทาง แต่ก็โดนเย่เฉินถีบกระเด็นออกไปทั้งหมด!
ทว่าในเวลานี้เองอีกคนอาศัยช่วงที่เขาไม่ได้ตั้งตัวพุ่งเข้าตรงช่วงกลางลำตัวของเขา!
และสองคนสุดท้ายที่เหลือก็พร้อมใจกันคว้าแขนเย่เฉินคนละข้าง
ซีกวายิ้มอย่างพอใจ จับนายได้สักที
เย่เฉินยิ้มเย็น ไม่มีมือแต่เขายังมีปาก!
ในสงครามเย่เฉินเคยใช้ปากกัดหูของศัตรูจนขาดมาแล้ว!
คนส่วนมากทะเลาะวิวาทไปเพื่อรักษาหน้าตัวเอง แต่เย่เฉินนั้นทำไปเพื่อเอาชีวิตรอด!
ทุกครั้งที่ลงมือล้วนแต่หมายเอาชีวิตอีกฝ่าย!
อ๊าก! หูฉัน!
คนที่พุ่งเข้ากดตัวเย่เฉินร้องครวญคราง
เย่เฉินไม่ได้ทำอะไรรุนแรง เขาแค่กัดให้พอเลือดออกเท่านั้น แล้วจึงเหวี่ยงอีกฝ่ายไปอีกฝั่ง จากนั้นก็ถีบเข้าโครม ก่อนจะเหวี่ยงคนที่เหลือสองคนลงไปกองกับพื้น!
นักเลงหัวไม้แปดคนนอนกองบนพื้น!
สวรรค์!
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกอยู่ในความตื่นตระหนก!
ความสามารถในการต่อสู้ของเขาทำไมถึงได้น่ากลัวถึงขนาดนี้!
คุณนายหวังเองก็ตกใจอย่างยิ่ง หญิงชราครุ่นคิด หรือว่าที่ตาแก่ดึงดันให้เจียเหยาแต่งกับเย่เฉินให้ได้เป็นเพราะเขาล่วงรู้ความสามารถของเย่เฉิน?
สามปีมานี้คนตระกูลหวังไม่เคยเข้าใจว่าทำไม ชายชราถึงได้ให้เจียเหยาแต่งกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้
ตอนนี้ถึงเพิ่งได้เข้าใจว่าเย่เฉินไม่ใช่ขยะที่ไร้ประโยชน์แต่เป็นยอดฝีมือ!
ที่คุณปู่ให้ฉันแต่งกับเขา ก็เพราะอยากให้เขาปกป้องฉันเหรอ? แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สงบสุข แล้วตระกูลหวังก็ไม่ได้มีศัตรูคู่แค้นที่ไหนนี่นา
หวังเจียเหยาเองก็เริ่มคาดเดาเจตนาของปู่ตนเอง
อันที่จริงปู่ของหวังเจียเหยาไม่ได้รู้เลยว่าเย่เฉินจะเตะต่อยเก่งแบบนี้ แต่ที่จัดแจงให้หวังเจียเหยาแต่งงานกับอีกฝ่ายนั่นก็เพราะเงินของตระกูลเย่ต่างหาก
หวังจื้อเฉียงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม มิน่าคุณพ่อถึงได้ให้ความสำคัญกับเย่เฉิน ที่แท้ก็เป็นยอดฝีมือในเรื่องทำนองนี้ ฝีมือแบบนี้คงจะเป็นลำดับต้นๆ ในประเทศเลยล่ะสิ ยินดีด้วยนะ ที่มีเขยเตะต่อยเก่งขนาดนี้
หวังจื้อหย่วนนึกว่านี่เป็นคำชมจึงตอบ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์ไปเสียหมด
หวังจื้อเฉียงหัวเราะเสียงดัง ฮ่าๆ จื้อหย่วนคิดว่าฉันชมเขาหรือไง? สมัยนี้แล้วเตะต่อยเก่งไปจะมีประโยชน์อะไร? เสือที่น่ากลัวโดนจับขังกรงไปหมด ต้องแบบฮัวฮัวนี่ถึงจะมีอิสระเสรี! แล้วอีกอย่างแกคิดว่าพ่อตั้งใจจะให้เจียเหยาแต่งงานกับเย่เฉินเหรอ? ผิดแล้ว! ตอนนั้นพ่อถามฉันก่อน!
หวังจื้อหย่วนและซูหลานตกตะลึงพร้อมกัน พี่ใหญ่ พี่ว่าอะไรนะ?
หสังจื้อเฉียงตะโกน ก่อนที่พ่อจะให้เจียเหยากับเย่เฉินแต่งงานกัน เขาถามฉันก่อนแล้ว เขาบอกว่ามีเขยที่หาได้ยากมาให้เลือก ถามฉันว่ายินดีจะให้หยวนหยวนของฉันแต่งงานก่อนบรรลุนิติภาวะได้ไหม ตอนนั้นหยวนหยวนเพิ่งจะสิบเจ็ดปี แต่ฉันรู้ว่าพ่อน่ะรักฉัน คงจะไม่อยู่ๆ ก็เสนอข้อเสนอที่เหลวไหลดังนั้นฉันเลยถามว่าเขยคนนั้นคือใคร พอรู้ว่าเป็นขยะจากบ้านนอกอย่างเย่เฉิน ฉันเลยอ้างเรื่องอายุของหยวนหยวนแล้วปฏิเสธไป จากนั้นเขาถึงได้จัดแจงให้เย่เฉินแต่งกับเจียเหยา!
หวังซ่าวเจี๋ยวหัวเราะ ที่แท้เจียเหยาก็เก็บเอาผู้ชายที่น้องฉันไม่เอาไปเหรอเนี่ย
หวังหยวนหยวนมองเย่เฉินด้วยใบหน้ารังเกียจ อี๋ คุณปู่คงจะเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะให้แต่งกับเขา ก็แค่ตีต่อยเก่งก็แค่นั้นเอง หนูไม่เสียดายผู้ชายป่าเถื่อนแบบนี้เหรอ โชคดีที่ตอนนั้นหนูอายุน้อย ถึงได้รอดเคราะห์กรรมไป ฮ่าๆ
พอเย่เฉินได้ยินก็เกิดแปลกใจทันทีคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย
ตอนนั้นที่เขาแต่งเข้าตระกูลหวัง จริงๆ เรื่องนี้ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อตระกูลหวังแล้ว
นายท่านตระกูลหวังเป็นคนเดียวที่รู้สถานะของเย่เฉิน เขาก็เหมือนกับคุณนายหวังที่ค่อนข้างจะรักหวังจื้อเฉียงที่เป็นลูกชายคนโต ถึงได้มอบของดีอย่างเย่เฉินให้กับเขา
เสียดายที่หวังจื้อเฉียงไม่ยอมรับมัน
ตอนนั้นเย่เฉินก็ประสานสายตาเข้ากับหวังเจียเหยา ทำให้อดย้อนคิดถึงตอนที่พบหน้ากันครั้งแรกเมื่อสามปีก่อนไม่ได้
ตอนนั้นเขาเพิ่งกลับมาจากสงคราม ตลอดปีที่ผ่านมาเขาเห็นเลือดและศพจนชาชิน เย่เฉินจึงตั้งคาดหวังกับความรักและครอบครัวมากทีเดียว
บวกกับตอนนั้นหวังเจียเหยาเพิ่งเป็นนักศึกษา บริสุทธิ์ อ่อนหวาน ไม่ได้ไร้เหตุผลเหมือนตอนนี้แล้วยิ่งไม่มีทางนอกใจเขาได้
ดังนั้นในปีแรกเขาจึงหลงรักหวังเจียเหยา
เย่เฉินไม่อยากจะคิดถึงอดีตมากนัก ลูกน้องสิบคนโดนกำราบหมดแล้ว ถึงตาของซีกวาได้แล้ว
นาย…นาย…นายจะทำอะไร!
ซีกวาตกใจจนถอยกรูดไป
ทว่าเย่เฉินคว้ามือซีกวาหมับ แล้วหักนิ้วเขาทิ้งนิ้วหนึ่ง
อ๊าก! ซีกวาร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด
พูดมา ทำไมถึงต้องใส่ความว่าฉันขโมยของ ใครบงการนาย? เย่เฉินถามอย่างโหดเหี้ยม
ซีกวาเป็นพี่ใหญ่ในอวิ๋นโจวจริงๆ ถึงจะวิวาทไม่เก่งแต่ก็เป็นลูกผู้ชาย
ตั้งแต่เลือกเดินสายนี้ ฉันไม่กลัวตายหรอก! แกแน่จริงก็ฆ่าฉันเลย! แต่ฉันขอเตือนแกไว้ก่อน ฉันนะเป็นคนของท่านหลิว แกลองไปหาข่าวได้เลยว่าท่านหลิวมีพรรคพวกอยู่ในมณฑลแถวนี้เยอะแยะ แกตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันจะต้องเสียใจทีหลังแน่!
หวังซ่าวเจี๋ยก็เริ่มลนลานกลัวว่าซีกวาจะปูดเรื่องตนเอง เย่เฉิน นายหยุดเลย! จะฆ่าคนในบ้านของคุณย่าหรือไง!
เย่เฉินปล่อยซีกวาแล้วใช้เท้าเตะเขาไปอีกทาง
ผมขอพูดอีกครั้ง ผมไม่ได้ขโมยของของพวกคุณ ถ้ามีหลักฐานก็ไปแจ้งความให้ตำรวจมาจับผม ไม่ต้องพูดว่าที่ไม่แจ้งความเพราะหวังดีกับผม ไม่อยากเห็นผมเข้าคุกอะไรแบบนี้อีก ผมจะขอบคุณมาก!
พูดจบเย่เฉินหมุนตัวกำลังจะเดินจากไป
โฮ่งๆ!
พุดเดิ้ลฮัวฮัวกระโดดออกจากอ้อมแขนของหวังหยวนหยวนแล้วงับเข้าที่ชายกางเกงของเย่เฉินไม่ให้เขาไป
เย่เฉินอุ้มฮัวฮัวขึ้นมาแล้วส่งคืนหยวนหยวน ลูบหัวของมันแล้วกล่าว ในสายตาฉัน ของเพียงสิ่งเดียวที่ควรค่าให้ต้องมาขโมยไปก็คือแกนะ เจ้าหนู