พอหวังเจียเหยาพูดแบบนี้ เย่เฉินเองก็ให้ความร่วมมือทำท่าทีรักใคร่กับหล่อน
“ดีจ้ะ ดี”
ใบหน้าคุณย่าเล็กหวังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงชรากล่าวชมไม่ขาดปาก
หวังเจียเหยากล่าวต่อ “คุณย่าเล็กคะ หนูจะบอกข่าวดีคุณย่าอีกอย่างนะคะ เย่เฉินเขาไม่ได้มาจากครอบครัวธรรมดาๆ หรอกค่ะ แต่เขามาจากตระกูลเย่ที่มีชื่อเสียง! ทรัพย์สินของตระกูลเขามีมากกว่าแสนล้าน! ตอนนี้เขาเองเป็นประธานบริษัทอยู่ค่ะ!”
พอพูดถึงเรื่องนี้เย่เฉินก็สังเกตการเปลี่ยนแปลงของหญิงชราว่าหล่อนตกใจหรือไม่
คุณย่าเล็กส่งยิ้มสดใส แต่กลับไม่ได้ดูตื่นตระหนกแต่อย่างใดยังคงกล่าวต่อไม่หยุด
“ดี! ดี! ดีจังเลย!”
คุณยาเล็กหวังกล่าว “ลูกหลานของฉันดีกันหมดมีเพียงคนเดียวที่ย่าเป็น….แค่กๆ”
คุณย่าเล็กหวังส่งเสียงไอ หญิงชราจิบน้ำหน่อยๆ เพื่อพักหายใจแล้วพูดต่อ
“เป็นห่วงที่สุดก็คือหลานนะเจียเหยา หลานจะต้องอยู่กับเย่เฉินไปนานๆ ไม่อย่างนั้นหากย่าจากไป…ย่าคงจะไม่มีหน้า…ไปพบพี่ชายของย่า”
ถึงคุณย่าเล็กจะไม่บอกตรงๆ ว่าตนเองรู้ว่าเย่เฉินเป็นใคร
แต่จากคำพูดหญิงชราแล้ว เย่เฉินพอจะสัมผัสได้ว่าหญิงชราน่าจะรู้ความจริง
ทั้งสองคนไม่เกาะแกะวอแวชวนหญิงชราพูดคุยมากมาย หล่อนในตอนนี้แค่พูดก็เหนื่อยมากแล้ว
ที่จริงแล้วสามารถเห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสุดแล้ว
ดึกมากแล้วเมื่อเดินออกจากห้องของหญิงชรา โจวเจี้ยนเย่ก็เอ่ยถาม “คุณเย่ เจียเหยา จะนอนบ้านหรือโรงแรม? เตรียมห้องให้แล้วทั้งสองที่เลย”
คุณย่าน้อยหวังอยู่ในวิลล่าสไตล์จีน มีห้องอยู่เยอะแยะ
เย่เฉินชี้ไปที่ห้องหญิงชราแล้วถาม “คุณหมอว่ายังไงบ้างครับ?”
โจวเจี้ยนเย่กล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “เฮ้อ อาจจะคืนนี้หรือไม่ก็คืนพรุ่งนี้”
คนแก่ส่วนมากมักจะจากไปตอนย่ำรุ่ง ในเมื่อเย่เฉินมาแล้วจะให้ไปอยู่โรงแรมก็ดูไม่เข้าท่านัก
“พวกเราขอรบกวนคุณอยู่ที่นี่สักคืนแล้วกัน” เย่เฉินกล่าว
โจวเจี้ยนเย่กล่าว “ไม่บังอาจๆ ถ้าคุณเย่ยินดีจะพักที่บ้านเราถือเป็นเกียรติ ตามผมมาเถอะครับ ผมจะพาคุณไปดูที่ห้อง”
เขานำคนทั้งสองออกจากตัวบ้านไปนอกบ้าน ผ่านสนามหญ้าแล้วผ่านล้านหน้าบ้าน โจวเจี้ยนเย่ก็พาทั้งสองคนไปที่ห้องรับแขก
สิ่งปลูกสร้างที่นี่เป็นกำแพงขาวหลังคาดำที่สวยงามและดูสงบ ตลอดทางที่ผ่านมาเป็นดั่งผลงานศิลปะที่เป็นหมึกแต่งแต้มลงบนกระดาษ
ห้องรับแขกเป็นสไตล์จีนโบราณเรียบง่ายแบบที่เย่เฉินชอบ
โจวเจี้ยนเย่กล่าว “ที่พักของแม่ผมค่อนข้างอัตคัต แม่เขาไม่ค่อยชอบของที่มันไฮเทคและอินเทรนด์น่ะ คุณเย่ เจียเหยาอย่ารังเกียจเลยนะ ทนอยู่ไปก่อนสักคืนเถอะนะ”
หวังเจียเหยากล่าว “คุณอาคะ อย่าเกรงใจเกินไปเลยค่ะ พวกเราจะรังเกียจได้ยังไงคะ”
เย่เฉินเองก็กล่าวว่า “จริงด้วย คุณชักจะเกรงใจเกินไปแล้ว ผมเป็นแค่คนนอก แค่มาที่นี่ก็รบกวนคุณมากแล้ว ถ้าอย่างนั้นเหลือแค่ห้องนี้ห้องเดียวเหรอ?”
เวลาก็ปาไปเที่ยงคืนแล้ว เย่เฉินเองก็ง่วงมากแต่ถ้าให้นอนกับหวังเจียเหยาจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นก็ยังไม่แน่
ยังไงเสียหวังเจียเหยาก็เป็นหญิงงามลำดับหนึ่งในอวิ๋นโจว เรือนร่าง ใบหน้าไม่มีข้อติเตียน ส่วนเย่เฉินเองก็เป็นสามีหญิงสาวมาถึงสามปี อยากจะครอบครองหล่อนมาโดยตลอด
ก็เหมือนหญิงสาวชายหนุ่มที่หย่ากันจำนวนมาก ที่มักจะเจอหน้ากันเพราะเรื่องลูก บางครั้งเจอกันไปเจอกันมาก็นอนด้วยกันไปเสียอย่างนั้น
โจวเจี้ยนเย่เก้อเขิน “เพราะคนตระกูลหวังมีมากเกินไป ห้องเต็มไปหมดแล้ว ดังนั้นถึงเหลือห้องนี้แค่ห้องเดียว ขอโทษด้วยครับ”
หวังเจียเหยารีบร้อนเอ่ย “ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณอา คุณอาไปจัดการเรื่องตัวเองเถอะค่ะ พวกเราจะพักผ่อนกันสักหน่อยค่ะ”
“ได้สิงั้นพวกหลานก็พักผ่อนกันไปนะ อาไปก่อน”
เย่เฉินเองก็โบกมือบอกลา “ถ้าคุณย่าเล็กเป็นอะไร รีบมาบอกพวกเราได้เลยนะครับ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
พอโจวเจี้ยนเย่ไปแล้ว เย่เฉินก็หยิบหมอนลงมาจากเตียง แล้วหยิบเอาผ้านวมผืนใหญ่จากในตู้มาปูบนพื้น
“เย่เฉินทำอะไรน่ะ?”
หวังเจียเหยาถาม
เย่เฉินกล่าวว่า “ก็ปูพื้นนอนไง เมื่อก่อนเวลาเรานอนห้องเดียวกัน ก็ทำแบบนี้ตลอดไม่ใช่เหรอ?”
สามปีที่ผ่านมามีบางครั้งที่เย่เฉินกับหวังเจียเหยาออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่ถ้าไปเมืองนอกหวังเจียเหยาไม่เคยพาเขาไปด้วย
แต่ถ้าอยู่ในประเทศต้องขับรถเอง ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงมักจะให้เย่เฉินขับรถให้หล่อน
ตอนพักที่โรงแรมหวังเจียเหยาไม่ชอบห้องมาตรฐาน เพราะเตียงเล็กเกินไปแล้วสามีภรรยาจองห้องมาตรฐานนั้นออกจะประหลาดเกินไปหน่อย แต่ถ้าเปิดสองห้องก็แปลกกว่าเดิม
พวกเขาเปิดห้องที่มีเตียงใหญ่ หวังเจียเหยานอนบนเตียงแล้วให้เย่เฉินนอนบนพื้น
เห็นเย่เฉินกำลังปูที่นอนบนพื้นด้วยท่าทางคล่องแคล่วทำให้หวังเจียเหยาเจ็บปวดใจ
หวังเจียเหยานั่งบนพรมที่ปูบนพื้นแล้วกล่าว “เย่เฉินคืนนี้อย่านอนบนพื้นเลย หรือว่านายยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”
พูดกันตามตรงตลอดทางที่ผ่านมาเมื่อครู่ ตลอดเวลาสองชั่วโมงครึ่ง หวังเจียเหยาเอาแต่เปิดเพลงที่เย่เฉินชอบ
หวังเจียเหยาไม่เพียงแต่รู้ทุกเพลงที่เย่เฉินชอบ หนำซ้ำยังสามารถบอกเมนูอาหารทุกจานที่เย่เฉินชอบด้วย
ซึ่งนี่ทำให้เย่เฉินซาบซึ้ง
นี่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาเย่เฉินไม่ได้เป็นทุ่มเทอยู่ฝ่ายเดียว หวังเจียเหยาเองก็ชอบเขาเช่นกัน
เพียงแต่หล่อนไม่เคยแสดงออกก็เท่านั้น
เย่เฉินเห็นหวังเจียเหยาเอาแต่พูดว่าตนเองบริสุทธิ์ หลิ่วหรูซือเองก็ยืนยันหนักแน่นว่าลูกชายของหล่อนกับหวังเจียเหยาไม่มีอะไรกัน
จนถึงตอนนี้เย่เฉินเองก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า หวังเจียเหยากับฟางเชาจะยังไม่มีอะไรกันใช่ไหม?
เย่เฉินกล่าว “ในเมื่อวันนั้นคุณบอกว่ายังไม่ทันได้ทำอะไรในโรงแรม แต่อย่างน้อยๆ พวกคุณสองคนก็คงจะจูบกันแล้วล่ะมั้ง? อย่างน้อยก็คงพูดจาพลอดรักกันไปมากมายไม่ใช่เหรอไง?”
หวังเจียเหยารีบกล่าว “เปล่าเลย! ฉันไม่เคยจูบกับเขา! อย่างมากก็แค่จูงมือกันเท่านั้นเอง! นายไปดูรูปแต่งงานของพวกเราได้เลย ไม่มีรูปจูบกันสักหน่อย ช่างภาพเอาแค่บังคับให้พวกเราถ่ายรูปจูบกันแต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้ว! ฉันเองไม่เคยเรียกเขาว่าที่รักด้วยซ้ำ! มีแต่เขาที่บังคับให้ฉันพูด แต่พอฉันคิดถึงนายก็พูดไม่ออก! ฉันจะเรียกได้ก็ต่อเมื่อเห็นหน้านาย ที่รัก รู้ไหมว่าฉันรักนายเท่าไหร่? นายรู้บ้างไหมว่าช่วงนั้นฉันเสียใจขนาดไหน?”
หวังเจียเหยาพูดพลางน้ำตาไหลพรากไม่หยุด
เย่เฉินเคยเห็นภาพพรีเวดดิ้งของสองคนนั้นไม่มีรูปจูบกันจริงๆ
ในเสี้ยววินาทีนั้นเย่เฉินเองก็เริ่มคลางแคลงใจ หรือว่าหวังเจียเหยารักเขาขนาดนั้นจริงๆ?
มิฉะนั้นทำไมถึงไม่แม้แต่จะจูบกับฟางเชา?
เย่เฉินหยิบกระดาษมาซับน้ำตาให้หญิงสาว “เจียเหยาคุณพูดทุกอย่างมาตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว ถ้าหากว่าคืนนั้นที่ผมเจอคุณ คุณเล่าให้ผมฟัง ขอโทษผม บางทีผมอาจจะไม่แน่วแน่ที่จะหย่ากับคุณ แต่คุณดูมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น ในงานเลี้ยงวันนั้นยังให้ผมคุกเข่าขอโทษคุณ แล้วคุณจะไม่ให้ผมโกรธคุณได้ยังไง?”
หวังเจียเหยาร่ำไห้ “ฉันสำนึกผิดแล้วค่ะที่รัก ได้โปรด ที่รัก ให้โอกาสฉันหน่อยได้ไหม?”
เย่เฉินถอนหายใจ ทุกคนพูดว่าการนอกใจมีแค่ศูนย์ครั้งหรือนับครั้งไม่ถ้วน
ถึงหวังเจียเหยาจะยังรักเย่เฉิน แต่เขาจะรับประกันได้ยังไงว่าหล่อนจะไม่ทำอีก!