ซ่งหงเย่รับสาย “ฉันทำงานอยู่ที่สตาบัคเป็นไง มีข่าวดีแล้วใช่ไหมล่ะ?”
หวังเจียเหยากล่าวอย่างดีใจ “อื้ม ท้องแล้วล่ะ!”
“จริงเหรอเนี่ย! ดีจริงๆ เลย… แหม!”
ซ่งหงเย่ดีอกดีใจแทนเพื่อนสนิทของตนเองที่ตั้งครรภ์
แต่ในทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงอุทานอย่างตกใจของอีกฝ่าย
จู่ๆ ในสตาบัคก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังถือแก้วกาแฟ แล้วไม่ทันระวังทำหกใส่เสื้อผ้าบริเวณไหล่ซ้ายของซ่งหงเย่
เดิมทีซ่งหงเย่หัวเสียอย่างมาก แล้วเงยหน้ามองอย่างอารมณ์เสีย ในทันใดนั้นเองก็พบผู้ชายอายุน้อยรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลา ความโกรธบนใบหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
“เป็นอะไรไป? หงเย่?” พอหวังเจียเหยาได้ยินก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทของตนเองขึ้นมา
ซ่งหงเย่คุยกับฝั่งปลายสาย “อ้อ ไม่เป็นไร มีคนทำน้ำหกใส่ฉัน ฉันขอวางก่อน ไว้ค่อยคุยกัน”
พอกดวางสายแล้ว หนุ่มน้อยคนนั้นก็ยังขอโทษซ่งหงเย่อย่างมีมารยาท “ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับคนสวย ผมเช็ดให้คุณนะครับ”
หนุ่มรูปหล่อหยิบกระดาษออกมาเช็ดให้ซ่งหงเย่
ซ่งหงเย่มองประเมินหนุ่มน้อยคนดังกล่าว คิดว่าเขาน่าจะเด็กกว่าหล่อนสามถึงห้าปี ใบหน้าหล่อเป๊ะขาวใส ส่วนสูงก็กำลังดีถือเป็นประเภทชายหนุ่มที่หล่อนชื่นชอบ
ซ่งหงเย่กล่าว “หนุ่มน้อย เสื้อตัวนี้ของฉันน่ะแบรนด์กุชชี่เชียวนะ เธอเช็ดสะอาดไป ฉันก็ใส่ซ้ำไม่ได้แล้วนะ”
ชายหนุ่มกล่าว “งั้นผมซื้อให้คุณอีกตัวดีไหมล่ะ? กี่บาทครับ?”
ซ่งหงเย่กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก “พูดเรื่องเงินกันดูตลาดล่างมากเลยนะ เธอมาคนเดียวเหรอ? นั่งลงสิ”
ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับซ่งหงเย่อย่างว่าง่าย
ซ่งหงเย่ถามต่อ “สุดหล่อชื่ออะไร?”
ชายหนุ่มยิ้มเขินๆ “ผมชื่อหลิ่วอวี่เจ๋อ”
……
กลางคืน ณ งานเลี้ยงของตระกูลหวัง
เย่เฉินมาถึงวิลล่าเขตซีซาน ทันทีที่เข้าบ้านคนตระกูลหวังก็ทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
“พี่เขยมาแล้วเหรอคะ”
หวังหยวนหยวนว่าง่ายขึ้นมามาก
เย่เฉินยิ้มและบีบแก้มยุ้ยๆ ของหวังหยวนหยวนแล้วกล่าว “ในที่สุดก็เรียกพี่เขยสักที ไม่เห็นพี่เป็นที่รักของเธอแล้วใช่ไหมล่ะ?”
ก่อนนี้หวังหยวนหยวนเอาแต่แย่งชิงตนเองกับหวังเจียเหยา ทุกครั้งที่เจอหน้ากันมักจะให้จดหมายรักกับเขาอยู่เสมอ
หวังหยวนหยวนถอนหายใจ “ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว ฉันหมดโอกาสแล้วล่ะค่ะ”
“ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกเหรอ?”
เย่เฉินยังไพล่คิดว่าหวังหยวนหยวนใช้สุภาษิตผิดอีก คิดไม่ถึงว่าจะเพิ่งถึงโต๊ะอาหาร หวังเจียเหยาก็บอกข่าวดีกับเขาทันที
“ที่รักคุณจะเป็นพ่อคนแล้วนะ!”
หวังเจียเหยาบอกกับเย่เฉินอย่างมีความสุข
คนตระกูลหวังต่างก็หัวเราะเฮขึ้นมาอย่างมีความสุขแล้วแสดงความยินดีกับเย่เฉิน
เย่เฉินเองก็ดีใจมากเขากอดหวังเจียเหยาแล้วจุมพิตอีกฝ่าย เขามีความสุขอย่างมากที่ตนเองกำลังจะก้าวเข้าสู่อีกช่วงหนึ่งของชีวิต!
ซูหลานเองก็เรียกให้เย่เฉินนั่งลงอย่างมีน้ำใจ แล้วเจ้าหล่อนยิ้มกว้าง “เย่เฉินเอ้ย ชื่อของหลานคงต้องไหว้วานลูกแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นให้คุณปู่ของเธอเป็นคนตั้งแล้วกัน เขาน่าจะต้องมีความรู้มากแน่ๆ!”
“แล้วก็นะ พอได้ยินว่าเจียเหยาตั้งท้อง คนเยอะแยะมากมายต่างก็อยากหมั้นหมายกับเด็กในท้อง! แม่มีเพื่อนคนหนึ่ง…”
ซูหลานยังไม่ทันพูดจบหวังจื้อหย่วนก็ขัดภรรยา “เพื่อนนักเรียนพวกนั้นของคุณน่ะจะไปคู่ควรกับหลานของเราได้ยังไง คุณนี่เหลวไหลจริงๆ!”
ซูหลานเถียงกลับ “เพื่อนนักเรียนของฉันมีเงินโอเคไหม?”
ทั้งสองคนมักจะปะทะคารมกันบ่อยๆ เย่เฉินและหวังเจียเหยาเห็นเป็นเรื่องตลก ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน
ตอนที่กินข้าวกันอยู่นั้น จู่ๆ เย่เฉินก็พูดขึ้นมาว่า “อีผิ่นเจียเหยาตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ถ้าเกิดสร้างอีผิ่นเจียเหยาเสร็จก่อนลูกเราจะเกิดก็คงดี”
หวังเจียเหยากล่าว “กำลังราบรื่นเลยล่ะ สถาปนิกของญี่ปุ่นที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยชอบ สื่อสารกันก็ลำบาก ฉันชอบสถาปนิกของประเทศเรามากกว่า ที่รักคงไม่โกรธฉันใช่ไหมคะ?”
สถาปนิกญี่ปุ่นคนก่อนนั้นเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอย่างมากของประเทศญี่ปุ่น เป็นคนที่เย่เฉินออกหน้าติดต่อเขาแทนหวังเจียเหยา
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะได้ยังไง โปรเจกต์นี้คุณเป็นคนรับผิดชอบนี่นา คุณอยากใช้สถาปนิกจากประเทศไหนก็ได้แล้วแต่เลย”
……
บ่ายสองของอีกวัน หวังเจียเหยาได้รับสายจากซ่งหงเย่
“อยู่ที่ไหนจ๊ะเพื่อนรัก?” ซ่งหงเย่ถาม
หวังเจียเหยาตอบ “อยู่ที่ปราสาทราชินีของฉันน่ะสิ”
‘ปราสาทราชินี’ ที่หล่อนพูดถึงก็คืออีผิ่นเจียเหยาเพราะมันถูกตั้งตามชื่อของหญิงสาว ดังนั้นหล่อนจึงเรียกที่นี่ว่าเป็น ‘ปราสาทราชินี’ ของตนเอง
ซ่งหงเย่กล่าว “อยู่รอฉันที่นั่น เดี๋ยวฉันจะไปหา”
ผ่านไปไม่นานนักรถสปอร์ตยี่ห้อแอสตันมาร์ติน one77 รุ่นลิมิเต็ดก็มาจอดเทียบสถานที่ก่อสร้าง ‘อีผิ่นเจียเหยา’
รถยนต์เพิ่งมาถึง หวังเจียเหยาก็พบว่าพนักงานทุกคนในสถานที่ก่อสร้างก็มองกันเป็นตาเดียว
เห็นได้ชัดว่ารถยนต์คันนี้ สะดุดตาอย่างมาก ดึงดูดสายตาของทุกคน
พอเห็นเพื่อนสนิทของหล่อนอย่างซ่งหงเย่เดินลงจากที่นั่งด้านข้างคนขับ หวังเจียเหยาถึงได้เดินไปหา
ในเวลานี้เอง หวังเจียเหยาก็พบว่ามีชายหนุ่มอ่อนวัยรูปร่างสูงโปร่งหล่อเหลาคนหนึ่งเดินลงมาจากฝั่งคนขับรถ
หวังเจียเหยาถามอย่างประหลาดใจ “หงเย่ นี่ใครหรอ?”
ซ่งหงเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือสถาปนิกชื่อดังที่ฉันหามาให้เธอไง เขาชื่อหลิ่วอวี่เจ๋อ!”