เวลานี้ใบหน้าของเทพสวรรค์ดันหยู่นั้นไม่เหลือสง่าใดๆ อีก
ด้วยการปรากฏตัวของเย่หยวนนั้น เขายังกล่าวว่าอีกฝ่ายเป็นคนพิการไร้ค่าใด
แต่ในเวลานี้เขาคนนั้นกลับหลอมโอสถสุดวิเศษขึ้นมาและซ่อมแซมโลกใบน้อยของตัวเองจนหายดี!
ตอนนี้นอกจากเย่หยวนจะกลับมามีพลังบ่มเพาะสูงส่งดั่งเดิมแล้ว เขายังก้าวล้ำขึ้นไปกว่าเก่าเสียด้วย
เรื่องเช่นนี้มันย่อมทำให้เขาอึดอัดใจจนแทบหายใจไม่ออก
ดันหยู่หรี่ตาลงยิ้มขึ้น “ต่อให้เจ้าจะฟื้นพลังมาได้แล้วเจ้าจะทำอะไรได้? เรื่องวันนี้มันไม่ได้ถูกสั่งการมาด้วยเทพสวรรค์ผู้นี้! เจ้าคิดว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์น้อยๆ นี้จะทนเป็นศัตรูกับจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งแดนใต้ได้หรือ?”
พูดเช่นนั้นเสร็จเขาก็หันไปหาที่จีโมต่อ “ท่านเคลื่อนดาราเองก็ด้วย แม้เผ่าอสูรนั้นจะเป็นสุดยอดเผ่าพันธุ์แต่ที่แห่งนี้มันคือดินแดนของเผ่ามนุษย์เรา! เวลานี้แดนใต้เรากำลังทำสงครามกวาดล้างเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ท่านคิดจะลงมือจริง?”
คำพูดนั้นมันย่อมมีเป้าหมายจะบีบจีโมออกจากเรื่องราวครานี้
เขานั้นย่อมจะคิดในหัวว่ามหานักบวชเคลื่อนดารานั้นย่อมไม่คิดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวันนี้เพื่อเสี่ยงจะให้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรกำลังของเผ่ามนุษย์มันก็แข็งแกร่งและจำนวนเหนือล้ำมากกว่าวิหารนักบวชไปมาก
แต่จีโมกลับไม่คิดสนใจพร้อมยกมือขึ้นมาโบกปัด “ข้าบอกแล้วว่าข้าแค่มาทำธุระ จบเรื่องแล้วพวกเจ้าจะทำอะไรกันก็เรื่องของพวกเจ้าเถอะ”
เทพสวรรค์ดันหยู่ที่ได้ยินยิ่งต้องทำหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมากกว่าเก่า เพราะยิ่งได้ยินคำของจีโม เขาก็ยิ่งไม่มั่นใจ
‘เจ้าผู้เป็นยอดฝีมือมาถึงที่นี่แล้ว เจ้ากลับบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวใด!’
‘หากเจ้าไม่คิดเกี่ยวข้อง ข้าคงบุกต่อไปแล้ว’
‘เจ้าจะยอมให้มันเกิดขึ้นหรือไม่?’
“อ่า… ใช่แล้ว สมุนไพรวิญญาณที่รองมหาปราชญ์อยากใช้งานมันมิใช่แค่ที่มีนี้ หลังจากที่เขาหลอมสิ่งที่อยากหลอมจนสิ้นแล้วจักรพรรดิผู้นี้ย่อมจะต้องกลับไปรายงานภารกิจ ถึงเวลานั้นเจ้าจะสู้กันอย่างไรก็ตามใจเจ้าเถอะ เรื่องราวภายในของเผ่ามนุษย์ จักรพรรดิผู้นี้ย่อมไม่คิดยุ่งเกี่ยวด้วย” จีโมบอกด้วยรอยยิ้ม
เทพสวรรค์ดันหยู่ได้แต่ต้องกัดฟันแน่น
ส่วนทางเย่หยวนนั้นได้แต่ต้องอมยิ้มในใจ เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้านี้มันดูตลกสิ้นดี
มันมิใช่ทุกยอดฝีมือจากทุกค่ายสำนักจะโอหังไม่ยอมคน
ท่าทางของจีโมในเวลานี้เย่หยวนกลับรู้สึกว่ามันช่างสง่า ไร้ซึ่งข้อผูกมัดใดๆ ในโลกหล้า
ในเวลานี้เย่หยวนจึงได้หันไปหาไป๋ตง “ผู้อาวุโสไป๋ตง ก่อนนั้นที่ข้าได้พาท่านออกมาจากมิติอนัตตากอไผ่ข้าได้สัญญากับท่านไว้! วันนี้ข้าจะขอมอบของให้ตามสัญญาแล้ว!”
ไป๋ตงสั่นสะท้านไปทั้งกาย
จากนั้นเขาก็ได้เห็นเย่หยวนค่อยๆ วาดตั้งค่ายกลขึ้นอีกครั้ง
เขานั้นฟื้นกำลังขึ้นมาได้ มีปราณเทวะคืนกลับมาใช้งานทำให้ความเร็วในการสร้างค่ายกลของเย่หยวนครานี้มันรวดเร็วกว่าก่อนอย่างไม่รู้กี่เท่าตัว!
เวลาแค่ครึ่งวันผ่านไปเจ้าค่ายกลยักษ์มันก็ตั้งตระหง่านต่อสายตาผู้คน
แม้ว่ามันจะดูด้อยกว่าค่ายกลที่เย่หยวนสร้างก่อนหน้าเพื่อหลอมโอสถจุติฟื้นโกลาหลไปมาก แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ยังซับซ้อนเกินเข้าใจ
ต่อให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายนี้จะเบิกตากว้างเท่าใด จะปล่อยปราณเทวะออกมาเสริมสัมผัสของตนปานไหนมันก็ไม่อาจจะเข้าใจความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ภายในได้
ที่ด้านข้างจีโมที่เห็นเช่นนั้นต้องแอบหัวเราะขึ้น
เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่อาจจะเข้าใจค่ายกลทั้งหลายนี้ได้ มีหรือที่พวกโง่ทั้งหลายนี้มันจะทำได้?
ดูท่าแล้วเย่หยวนคงบ่มเพาะฝึกฝนการหลอมโอสถด้วยค่ายกลจนถึงขั้นชำนาญล้ำ
สำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะใช้หม้อหลอมหรือค่ายกลหลอมมันก็ไม่แตกต่างกันมากมาย
เย่หยวนนั้นแสดงวิชาโอสถของตนออกมาผสานด้วยเต๋าค่ายกลและเริ่มแยกมันออกจากกัน
เมื่อเป็นสมุนไพรต่างชนิดกัน เขาก็จะวาดค่ายกลที่แตกต่างกันไปด้วย
แม้ว่ามันจะดูซับซ้อนยุ่งเหยิง แต่หลักการมันก็ไม่ได้ผิดต่างกันมาก
นี่คือ ‘หลักการ’ ของเต๋าที่เขาเลือกเดิน!
“โอสถคืนฝันแทนหทัย หลอม!”
เย่หยวนร้องขึ้นมาพร้อมใช้งานค่ายกลขึ้นมาจนเกิดแสงจ้าอีกครั้ง
โอสถถูกหลอมขึ้นแล้ว!
“ซี๊ด… เป็นขั้นเทวะวิญญาณมรณาอีกแล้ว!” เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างต้องสูดหายใจเข้าลึก
“แม้ว่ามันจะไม่ได้ดูสูงล้ำอย่างโอสถก่อนหน้านี้แต่มันก็ยังคงเป็นขั้นเทวะวิญญาณมรณาอย่างไม่ต้องสงสัย! มันช่าง… น่าหวาดกลัวจริงๆ!”
“การที่จะหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดให้ได้ขั้นเทวะวิญญาณมรณาติดๆ กันเช่นนี้ เจ้าเด็กคนนี้มันคงอยู่ในอาณาจักรบรรพกาลขั้นกลางแล้วแน่!”
“พวกเจ้าอย่าได้ลืมไป! โอสถที่มันหลอมนั้นล้วนแล้วแต่เป็นโอสถลับทั้งสิ้น!” Aileen-novel
…
โอสถลับนั้นมันแตกต่างจากโอสถมาตรฐานไปมาก
เพราะตอนที่เขาได้หลอมโอสถย้อนฝันพิรุณชำระนั้น เขาแทบจะต้องใช้พลังของจิตศักดิ์สิทธิ์จนสิ้น ความยากมันมากมายปานใดก็คงเห็นได้ชัดเจน
เวลานี้เมื่อมาหลอมโอสถคืนฝันแทนหทัยนี้มันย่อมจะมีความยากเพิ่มขึ้นกว่าเก่าอย่างไม่อาจวัด
แต่ทว่าเย่หยวนกลับยังทำมันได้จนถึงระดับสูงสุด!
วิชาโอสถของเย่หยวนนั้นมันทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายในแดนใต้ต้องตัวสั่นหน้าซีด
“จากวันนี้ไป ข้าเย่หยวนคือผู้สั่งการวงการโอสถในแดนใต้นี้!”
คำพูดของเย่หยวนนั้นมันยังคงลั่นก้องในหูของใครหลายๆ คน
ก่อนหน้านี้พวกเขาย่อมจะไม่ได้คิดสนใจคำของเย่หยวนใดๆ แต่เวลานี้… พวกเขานั้นหวาดกลัวอย่างสิ้นหวังจนไม่อาจรับได้แล้ว
ไป๋ตงนั้นรับโอสถนั้นไปพร้อมหันหน้าไปถามเย่หยวน “โอสถคืนฝันแทนหทัย?”
โอสถคืนฝันแทนหทัยนั้นมันมิใช่โอสถที่บรรพบุรุษของเขาทิ้งไว้ให้
เพราะฉะนั้นไป๋ตงจึงมึนงงกับเจ้าโอสถนี้ไม่น้อย
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “การที่ผู้อาวุโสคืนจากวัยแก่สู่วัยเด็กนั้นมันเกิดขึ้นมาได้เพราะความผิดพลาดในวรยุทธบ่มเพาะที่จะทำร้ายจิตศักดิ์สิทธิ์เพื่อแลกกับการบ่มเพาะที่รวดเร็วล้ำ แต่เมื่อจิตศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายมันก็ย่อมจะเท่ากับว่าเต๋าสวรรค์ไม่สมบูรณ์ ต่อให้ผู้อาวุโสจะมีความเร็วในการบ่มเพาะปานใดมันก็ไม่อาจจะก้าวขึ้นถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ เจ้าโอสถคืนฝันแทนหทัยตัวนี้มันจะช่วยฟื้นฟูจิตศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้อาวุโสกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ถึงเวลานั้นการจะบรรลุใดๆ มันก็คงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก”
ไป๋ตงที่ได้ยินต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย เพราะว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับจิตศักดิ์สิทธิ์นั้นมันไม่อาจจะรักษาได้ด้วยโอสถที่บรรพบุรุษของเขาทิ้งไว้ให้
แต่เย่หยวนแค่ปรับปรุงมันนิดหน่อยก็สามารถทำให้มันมีผลรักษาจิตศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วย?
เวลานี้เจ้าเด็กคนนี้มันก้าวขึ้นไปถึงระดับใดแล้วกันแน่?
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดความยากเก้านั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้คนทั้งหลายต้องถอดใจจะหลอม
แต่เย่หยวนกลับเอามันมาปรับปรุงเสียหน้าตาเฉย!
มันบ้าจนเกินล้ำโลกหล้าไปแล้ว
ไป๋ตงรับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมจริงๆ ขอบคุณมาก!”
เขานั้นเก็บโอสถลงไปอย่างไม่คิดจะกลืนกินหลอมมันใดๆ แต่เย่หยวนกลับกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “มันพอดีเสียจริงๆ เวลานี้พี่จีโมเองก็คอยเฝ้าดูเรื่องราวไว้ให้แล้ว ผู้อาวุโสไป๋ตงควรจะรีบๆ หลอมกลืนมันเสียเถอะ เพราะว่า… ของดีมันต่อจากนี้ต่างหาก!”
“ข-ของดี?” ไป๋ตงได้แต่ต้องเอียงคอถามขึ้นเมื่อได้ยินคำของเย่หยวน
โอสถคืนฝันแทนหทัยนี้มันเหนือล้ำกว่าโอสถใดที่เขาจะคาดคิดได้แล้ว
มันจะยังมีโอสถใดที่เหนือล้ำไปกว่านี้?
หรือว่า…
จู่ๆ ความคิดหนึ่งมันก็ผุดขึ้นในหัวใจของเขาจนทำให้ขนต้องลุกไปทั้งกาย!
หรือ… ว่าเขาจะหลอมได้?
ในหมู่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวด้วยกันนั้นมันไม่เคยจะมีใครหลอมโอสถนั้นขึ้นได้!
ใช่แล้ว หากเป็นเหล่าจอมเทพโอสถเจ็ดดาวทั่วๆ ไป…
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไป๋ตงและพยักหน้ารับก่อนจะรีบกลืนโอสถคืนฝันแทนหทัยและนั่งลงหลอมกลั่นดูดซับมันทันที
ส่วนคนทั้งหลายที่ได้เห็นภาพนั้นต่างต้องยืนอ้าปากค้าง
“หรือว่าเจ้าหมอนี่มันจะคิดหลอมโอสถเก้าลับจักรพรรดิเทพสวรรค์?”
“บ้าน่า! มันบ้าไปแล้ว! ใครว่าเจ้าเด็กคนนี้ตายกัน? หลายปีมานี้มันไปเจอเรื่องราวใดมากันแน่? เหตุใดมันจึงเปลี่ยนกลายเป็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้ไปได้?”
“ใครจะไปรู้ว่ามันเจออะไรมา! แต่… แม้แต่เจ้าโอสถจุติฟื้นโกลาหลนั้นก็ยังถูกหลอมขึ้นมาได้ โอสถเก้าลับจักรพรรดิเทพสวรรค์เอง… มันก็คงไม่ยากเกินมือหรอกใช่ไหมเล่า?”
…
สีหน้าของเหล่าเทพสวรรค์ทางฝ่ายพันธมิตรแดนใต้นั้นซีดขาวลงเรื่อยๆ
ทุกผู้คนนั้นย่อมจะคาดเดาได้ทันทีว่าเย่หยวนคิดจะหลอมโสถใด
แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อสมองตัวเอง
เพราะนี่มันคือหนึ่งในโอสถที่เรียกได้ว่ายากที่สุดในหมู่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด แม้แต่จอมเทพโอสถแปดดาวเองก็ไม่อาจจะหลอมมันได้ทุกผู้คน
หากความยากของโอสถนั้นวัดกันเป็นระดับหนึ่งถึงเก้าแล้ว โอสถนี้มันคงอยู่ที่ระดับสิบ!
นั่นคือโอสถเก้าลับจักรพรรดิเทพสวรรค์!
เพราะนี่มันคือโอสถที่สามารถสร้างยอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ขึ้นมาได้!
…………….