ซูหลานเห็นหวังจื้อหย่วนเสียมารยาทกับเย่เฉินก็กลอกตาใส่สามีแล้วกล่าว “มีเรื่องอะไรต้องมาถามตอนนี้ด้วย? เสี่ยวเฉินเขาทำงานมาทั้งวันรอเขาดื่มชาเสร็จถ่อยถามสิ!”
หวังจื้อหย่วนกลอกตาใส่ภรรยา เหยียดหยามที่หล่อนไม่สนใจข่าวธุรกิจแม้แต่น้อย
หวังจื้อหย่วนไม่สนใจซูหลานเขาถามต่อว่า “เสี่ยวเฉินฉันเห็นข่าาวบอกว่าเธอลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วจริงไหม?”
ซูหลานเพิ่งจะตกใจ “อะไรนะ? เสี่ยวเฉินไม่เป็นประธานของหัวเซิ่งแล้วเหรอ? ฮ่าๆ เพราะปู่ของเธอคิดว่าอวิ๋นโจวเล็กเกินไป จะส่งไปเมืองหลวงหรือเทียนไห่ล่ะจ๊ะ? ฉันอยากไปเมืองหลวงตั้งนานแล้ว เธอไปตอนไหนพวกเราไปด้วยกัน!”
ซูหลานไพล่คิดไปว่าเย่เฉินลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทที่นี่ ก็เพราะมีตำแหน่งประธานบริษัทที่ยิ่งใหญ่กว่ารอเขาอยู่
เย่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลงเขากล่าวด้วยท่าทีเศร้าสร้อย “พ่อครับ แม่ครับ ผมโดนคุณปู่ขับออกจากตระกูลแล้ว”
“อะไรนะ?”
หวังจื้อหย่วนและซูหลานตื่นตระหนก!
ที่พวกเขาสองคนดูแลลูกเขยคนนี้เหมือนลูกชายตนเองนั่นก็เพราะชาติกำเนิดอันยิ่งใหญ่ของเย่เฉิน
ถ้าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูล เกรงว่าพวกเขาคงจะรังเกียจลูกเขยคนนี้เหมือนที่ผ่านมา!
กว่าเย่เฉินจะเปิดปากเล่าก็ดูยากลำบาก ดังนั้นจึงเป็นหวังเจียเหยาที่เล่าเรื่องที่เกิดเมื่อครู่ที่บริษัทให้พ่อแม่ฟัง
ซูหลานโอดครวญอย่างเจ็บปวด “แย่แล้ว เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง! ลูกสาวของแม่น่าสงสารเหลือเกิน เพิ่งจะท้องเด็กตระกูลเย่ก็ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้!”
หวังเจียเหยากระตุกเสื้อมารดาเพื่อไม่ให้หล่อนพูดจาอัปมงคลแบบนี้
เย่เฉินกล่าวต่อ “พ่อครับ แม่ครับ พวกเรากลับมาเก็บของ วันนี้ตอนบ่าย พ่อบ้านฟาง… อ้อไม่สิ นายท่านฟางจะส่งคนมารับช่วงดูแลวิลล่าแห่งนี้ต่อ ผมกับเจียเหยาจะย้ายไปที่เขตซินเฉิง พวกคุณก็ย้ายกลับไปเถอะครับ”
ก่อนหน้าที่หวังเจียเหยาจะตั้งท้อง หวังจื้อหย่วนและซูหลานจะไปเช้าเย็นกลับบ้านนี้
แต่หลังจากที่ลูกสาวพวกเขาท้องแล้ว ซูหลานก็ตีเนียนย้ายมาที่นี่
สองวันมานี้พวกเขาสองคนเห็นบ้านหลังนี้เป็นบ้านของตัวเองแล้ว
หลังจากที่ซูหลานได้ยินแล้วก็โอดครวญ
หวังจื้อหย่วนถอนหายใจแล้วรีบโทรบอกคุณนายหวัง
หลังจากวางสายแล้วหวังจื้อหย่วนก็กล่าวว่า “คุณย่าบอกให้พวกเธอไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คุณย่าฟังที่บ้าน”
เย่เฉินรู้ดีว่าในแผนการทั้งหมดนี้จะหลอกคนในครอบครัวหวังจื้อหย่วนไม่มีอะไรยาก แต่ด่านที่ยากที่สุดก็คือคุณนายหวัง
ส่วนเย่เฉินกับหวังเจียเหยาจะหย่ากันหรือไม่นั้น หวังเจียเหยาก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจจะต้องให้หญิงชราอนุญาต
เย่เฉินกล่าว “พวกเราย้ายของแล้วค่อยไปหาคุณย่า”
หวังจื้อหย่วนพยักหน้าแล้วกล่าวกับซูหลาน “ยังงงอะไรอีก? พวกเราเองก็รีบย้ายของเถอะ เพราะเธอเลย ให้ย้ายมาที่นี่ยังไม่ครบสองวันดีก็ต้องย้ายกลับไปแล้ว ย้ายไปย้ายมาวุ่นวายชะมัดเลย”
ข้าวของของเย่เฉินและหวังเจียเหยาเยอะจนพวกเขาสองคนขนย้ายเองไม่ได้ เย่เฉินโทรเรียกคนมาช่วยย้ายของใช้ส่วนตัวของพวกเขาสองคนไปที่เขตซินเฉิง
เย่เฉินรู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อกลับมาที่เขตซินเฉิง
สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆ พวกเขาสองคนเคยอยู่ด้วยกันมาถึงสามปี แต่หลังจากคืนดีกันแล้วพวกเขาก็อยู่ที่วิลล่าเขตเหมยกุยหยวนไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่ก็คือมาเก็บของ หลังจากที่พบว่าหวังเจียเหยามีชู้
ในห้องรับแขกเย่เฉินดึงมือภรรยาแล้วกล่าว “ที่รัก ตอนที่อยู่ที่นี่เมื่อก่อนคุณไม่ยอมนอนกับผม ตอนนี้คุณคงจะไม่แยกห้องกับผมอีกนะใช่ไหม?”
หวังเจียเหยาดวงตาเหม่อลอย เมื่อได้ยินคำพูดเย่เฉินถึงได้สติ หล่อนกล่าวอย่างเซ็งๆ “อื้ม ฉันไม่แยกห้องกับนายอยู่แล้ว แต่ฉันท้องแล้วพวกเราก็อย่า…”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “อื้ม ผมรู้ หมอกำชับไว้แล้ว ผมไม่แตะต้องคุณหรอก”
เมื่อพูดจบภาพที่หวังหยวนหยวนถ่ายก็ปรากฏขึ้นมาในหัวเขา!
ภาพที่หลิ่วอวี่เจ๋ออุ้มหวังเจียเหยาที่ตั้งท้องแล้ว เดินเข้าไปในห้องในป่า!
พวกเขาทำอะไรกันในห้องนั้นกันแน่ ก็ไม่มีใครรู้!
“หวังเจียเหยา หวังว่าคุณจะยังรู้อะไรควรไม่ควร! ถ้าจะมีชู้ก็ช่วยไปมีตอนคลอดลูกแล้วเถอะ!”
เย่เฉินทำเพียงภาวนาในใจขอให้ทั้งสองคนไม่มีอะไรกัน
เย่เฉินมองหวังเจียเหยาด้วยดวงตาลึกซึ้งแล้วกล่าว “ที่รักคุณสบายใจเถอะ ถึงผมจะไม่ใช่คนตระกูลเย่ แต่ผมก็จะขยันทำงานเพื่อเลี้ยงคุณกับลูก ผมจะไม่ยอมให้พวกคุณต้องลำบาก”
คำพูดนี้เขาพูดเพื่อให้หวังเจียเจียเหยาเชื่อว่าตนเองโดนขับออกจากตระกูลแล้วจริงๆ
หวังเจียเหยายิ้มประดักประเดิด หล่อนมองสามีแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “คนโง่ อย่าเพิ่งท้อแท้แบบนี้สิ คุณปู่อาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งคิดเรื่องจะขยันหาเงินยังไง แต่เราควรจะคิดว่าจะทำยังไงให้คุณปู่ยอมรับนาย เย็นแล้วพวกเราไปหาคุณย่ากันเถอะ”
……
ณ วิลล่าเขตซีซาน
หลังจากคุณนายหวังได้ยินว่าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลแล้ว หล่อนก็ร้อนใจจนเอาแต่ดื่มน้ำชาไม่หยุด แล้วเดินย่ำไปมาภายในวิลล่า
ตอนที่เย่เฉินและหวังเจียเหยามาถึง ก็พบว่าครอบครัวหวังจื้อเฉียงมาถึงนานแล้ว
“เสี่ยวเฉินติดต่อคุณปู่ได้หรือยัง?”
คุณนายหวังเค้นถามเย่เฉิน
เย่เฉินส่ายศีรษะ
“แล้วพ่อเธอล่ะ?” คุณนายหวังถามต่อ
เย่เฉินตอบอีกฝ่าย “คุณพ่อไม่รับสายผมครับ เมื่อครู่โทรหาแม่ แต่แม่ผมก็โดนขับออกจากตระกูลเย่แล้วเหมือนกัน ตอนนี้ไปออสเตรเลีย แม่บอกว่าที่คุณปู่พูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด”
“เฮ้อ!”
คุณนายหวังผ่อนลมหายใจยาว “อยู่กันดีๆ ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ได้!”
หวังหยวนหยวนที่ยังคงสวมชุดกี่เพ้า หล่อนนั่งบนโซฟาก็กล่าวพร้อมยิ้มเยาะ
“ถ้าเย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลเย่ งั้นก็แปลว่าตอนนี้เย่เฉินก็เป็นแค่ยาจกน่ะสิ? ฮ่าๆ พี่เจียเหยาพี่เป็นภรรยาท่านประธานได้กี่วันเชียวคะ ทำไมถึงกลับมาเป็นสภาพเดิมไวจัง?”
หวังเจียเหยาพุ่งมาหาหวังหยวนหยวนด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว “เธอสนใจตัวเองเถอะย่ะ! ใส่กี่เพ้าสกปรกแล้วก็ยังไม่รู้จักซัก คิดไม่ถึงว่ายังจะใส่อยู่อีก อีกอย่างด้านบนนั้นยังมีรอยฝ่ามือผู้ชายเสียด้วย หยวนหยวนแฟนเธอคงจะไม่ได้ทำงานซ่อมรถใช่ไหมล่ะ? มือถึงได้สกปรกแบบนี้?”
รอยฝ่ามือที่เลอะเป็นด่างบนชุดกี่เพ้านั้นย่อมเป็นรอยมือของเย่เฉินอยู่แล้ว
วันนั้นตอนที่เย่เฉินสลับรถกับซีกวา รถ Buick Excelle คันนั้นสกปรกมาก พวงมาลัยรถยนต์ กระจกมองหลังล้วนแต่โสโครกอย่างมาก
ส่วนหลังจากขับรถคันนั้นกลับบริษัทแล้ว เพราะเย่เฉินกำลังหัวเสียเรื่องที่ตัวเองไปรู้ว่าภรรยามีชู้จึงไม่ได้ไปล้างมือที่ห้องน้ำ
แล้วหวังหยวนหยวนก็มาหาเขาถึงที่พอดี
ดังนั้นถึงได้ทำกี่เพ้าของหญิงสาวเลอะ
หวังจื้อเฉียงกล่าวด้วยโทสะทันที “หวังเจียเหยา! จะพูดจะจาอะไรช่วยระวังหน่อย หยวนหยวนของพวกเรายังไม่มีแฟน!”
หวังหยวนหยวนกลับไม่มีท่าทีสนใจ หล่อนกล่าวต่อ “สกปรกแล้วทำไม? ฉันชอบใส่กี่เพ้าเลอะๆ พี่จะยุ่งเรื่องฉันเหรอ?”
พูดจบก็ยังปรายตามองเย่เฉินอีกที
เย่เฉินเองก็สัมผัสได้ถึงแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย เขาไม่กล้าจะสบตาเจ้าหล่อน
“แม่หนูน้อยหวังหยวนหยวนทำท่าเหมือนดูถูกที่ฉันกลายเป็นคนจน แต่กลับใส่ชุดกี่เพ้าตัวเดิมที่ใส่ตอนจูบกัน อาจจะแปลว่าหล่อนอาจจะเดาออกว่าที่ฉันโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก!”