“ในแวบแรกที่ฉันเห็นหลิ่วอวี่เจ๋อก็ชอบเขา แล้วแน่ใจได้ในทันทีว่าเขาจะเป็นคู่ชีวิตของฉัน!”
หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าลึกซึ้งเปี่ยมอารมณ์
หวังซ่าวเจี๋ยใช้มือถืออัดคลิปต่อ แล้วใบหน้าผุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
หวังเจียเหยาเอ้ยหวังเจียเหยา ถ้าไม่ใช่เป็นคนสายเลือดเดียวกัน อนาคตยังต้องพึ่งพากันเพื่อนำพาให้ตระกูลเรารุ่งเรืองล่ะก็ ไม่งั้นแล้วพี่ชายคงจะทนไม่ไหวแฉเธอไปแล้วกลางงานแต่งงาน!
คนที่นี่ต่างก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นหวังเจียเหยามีสามีแล้ว ดังนั้นพอได้ยินถึงได้รู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นโรแมนติกมาก
ฉันชอบคุณตั้งแต่แรกเห็น ส่วนคุณก็ชอบฉันตั้งแต่แรกเห็น นี่ไม่ใช่ความรักที่ดีที่สุดหรอกเหรอ?
อีกทั้งหวังเจียเหยาและหลิ่วอวี่เจ๋อถือเป็นพวกหน้าตาดีอย่างมาก ทั้งสองคนจะตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็นก็ไม่มีใครสงสัย
หวังเจียเหยากล่าวต่อ “อวี่เจ๋อดีกับฉันมาก เขาทะนุถนอมฉัน ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยเจอผู้ชายที่อ่อนโยนกับฉันแบบนี้มาก่อนเลย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นพวกเราทำงานด้วยกัน เขามักจะเล่าไอเดียและแรงบันดาลใจในการออกแบบให้ฉันฟังอย่างใจเย็น แล้วก็เคารพในความเห็นของฉันมากๆ เลยล่ะค่ะ ทันทีที่ฉันมีไอเดียใหม่ๆ ต่อให้เขาต้องอดหลับอดนอนก็จะร่างแบบให้ฉันดู ฉันเลยถูกดึงดูดเข้าหาเขาจากความอบอุ่นและความสามารถของเขา ดังนั้นพวกเราก็เลยคบกัน”
พอหวังเจียเหยาพูดถึงตรงนี้ เรื่องราวความรักของทั้งสองคนก็สรุปกันได้พอประมาณ
แต่เหอเฉินพิธีกรยังดึงดันจะถามต่อ “เมื่อครู่ตอนที่คุณหลิ่วอวี่เจ๋อบอกว่าตอนออกแบบห้องนั้น คุณเห็นพวกมันเป็นเหมือนรังรักของคุณเลยใช่ไหมครับ งั้นตอนที่คุณตกหลุมรักคุณหลิ่วอวี่เจ๋อตั้งแต่แรกเห็น แล้วตอนนั้นคุณเคยจินตนาการไหมครับว่าที่นั่นจะเป็นรังรักของพวกคุณในอนาคต?”
หวังเจียเหยากัดริมฝีปาก ในเสี้ยววินาทีนั้นหญิงสาวก็นึกถึงเย่เฉิน
หล่อนไม่กล้าตอบ เพราะว่าอีผิ่นเจียเหยาเป็นสถานที่ที่เย่เฉินริเริ่ม ที่นั่นควรจะเป็นรังรักของหล่อนกับเย่เฉิน!
แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าแขกเหรื่อจำนวนมากขนาดนี้ หวังเจียเหยาทำได้เพียงตอบว่า
“ค่ะ ตอนนั้นฉันเองก็เคยคิดว่าอนาคตจะได้อยู่ที่นี่กับอวี่เจ๋อ แล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…”
เหอเฉินเห็นหวังเจียเหยาตอบเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ จึงกระเซ้า “ดูแล้วเจ้าสาวของเราเริ่มอายขึ้นมานิดหน่อยแล้วครับ เด็กผู้หญิงน่ะ เพิ่งจะรู้จักกับฝ่ายชายแล้วเริ่มจินตนาการถึงเรื่องพวกนี้ก็คงจะเขินนิดหน่อย จริงสิ ผมยังมีอีกคำถามอีผิ่นเจียเหยาแห่งนี้ชื่อไพเราะมากทีเดียว ใครเป็นคนคิดชื่อนี้เหรอครับ?”
หวังเจียเหยาตัวแข็งค้างไปอีกครั้ง ชื่อนี้เย่เฉินเป็นคนคิดแต่จะให้หล่อนพูดออกมาได้อย่างไร!
หวังเจียเหยาจึงโกหกอีกครั้ง “ฉันคิดเองค่ะ เพราะฉันชื่อเจียเหยา ฉันหวังว่าคู่ชีวิตในอนาคตจะเป็นคนเก่งเหมือนหลิ่วอวี่เจ๋อดังนั้นจึงตั้งชื่อนี้”
หวังเจียเหยายื่นมืออกมาแล้วชี้ไปหลิ่วอวี่เจ๋อพลางกล่าว ‘อีผิ่น’ แล้วชี้ไปที่ตัวเองแล้วกล่าว ‘เจียเหยา’
“อีผิ่น เจียเหยา แหมเหมาะจริงๆ เลย! เดี๋ยวถ้าสร้างเสร็จแล้วทุกคนอยากไปดูไหมครับ รังรักของบ่าวสาวของเรา?”
“อยาก!”
แขกเหรื่อไม่น้อยประสานเสียงขึ้นมา
หวังซ่าวเจี๋ยส่ายหน้า “โชคดีที่เย่เฉินไม่อยู่ในงานไม่อย่างนั้นเขาคงโกรธจนทุบโต๊ะทิ้ง”
พูดจบหวังซ่าวเจี๋ยก็หยุดอัดวีดีโอ แล้วส่งคลิปที่อัดไว้เมื่อครู่ให้เย่เฉิน
ส่วนซูหลานที่นั่งด้านข้างเห็นหลานชายก็ถาม “ซ่าวเจี๋ยส่งคลิปให้ใครน่ะ?”
หวังซ่าวเจี๋ยตอบพลางหัวเราะร่วน “อ้อ น้องสาวผมไงครับ”
ซูหลานตะคอก “ให้ยัยเด็กหยวนหยวนได้เห็นงานแต่งงานหรูหราบ้างก็ดี ต่อไปเผื่อแต่งกับใครจะได้ไม่ขายหน้า”
ซูหลานและหวังจื้อหย่วนตอนนี้อาศัยหวังเจียเหยาตีสนิทกับตระกูลหลิ่ว คุณนายหวังจึงกลับมาเข้าข้างพวกเขาอีกครั้ง ทำให้ครอบครัวของเขาเริ่มมีสถานะในบ้านสูงกว่าครอบครัวของหวังจื้อเฉียง
ดังนั้นหวังซ่าวเจี๋ยจึงเคารพพวกเขาสองคน ตลอดทางที่ผ่านมาโดนพวกเขาใช้เหมือนคนรับใช้
เขาหวังว่าเรื่องที่เย่เฉินโดนขับออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก จากนั้นเย่เฉินก็แต่งงานกับน้องสาวเขาอีกครั้ง
พอถึงตอนนั้นหวังซ่าวเจี๋ยจะได้ไม่ต้องโดนคนในครอบครัวหวังเจียเหยากลั่นแกล้งอีก
ต่อมางานแต่งงานก็ดำเนินไปจนถึง ขั้นตอนการสาบานรักที่มีชื่อเสียง
นี่คือขั้นตอนที่ทำให้เย่เฉินขยะแขยงที่สุด หลังจากที่บ่าวสาวพูดว่า ‘ยอมรับ’ แล้วทันทีทันใดที่ฝ่ายตรงข้ามหน้าตาอัปลักษณ์ไม่มีเงินแล้ว ก็ไม่มีใครยอมทนทุกข์ทรมานไปด้วยกัน ต่างก็เลือกหย่าในทันที
เมื่อปีที่แล้วอัตราในการหย่าอยู่ที่ 63% ถือเป็นลำดับหนึ่งของโลก!
ดังนั้นพวกคำสาบานต่างๆ เป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น!
เย่เฉินตัดสินใจว่าหากถึงตอนที่เขาแต่งงานใหม่อีกครั้ง จะไม่ให้พิธีกรถามอะไรแบบนี้!
พิธีกรมองหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วถาม“คุณหลิ่วอวี่เจ๋อคุณยินดีจะรับคุณหวังเจียเหยาเป็นภรรยา ดูแลทะนุถนอมหล่อน ถึงหล่อนจะแก่ชรา ถึงความอ่อนเยาว์จะร่วงโรย คุณก็จะยินดีดูแลหล่อนใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดหรือไม่?
หลิ่วอวี่เจ๋อที่มีแผนบ้าๆ ในใจตั้งนานแล้วแต่เขากลับกล่าวว่า “ผมยินดี!”
พิธีกรถามหวังเจียเหยา “คุณหวังเจียเหยา คุณยินดีจะแต่งงานกับหลิ่วอวี่เจ๋อ อยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิตไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจน คุณยินดีจะจูงมือเขาไม่ปล่อยมือหรือไม่?”
หวังเจียเหยาค่อยๆ เปิดริมฝีปากช้าๆ หล่อนเหมือนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตนเอง
ไม่รู้ทำไมตอนนี้ตนเองถึงได้คิดถึงเย่เฉินขึ้นมา!
ภาพเหตุการณ์ที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นมาในหัว เพราะตอนที่แต่งงานกับฟางเชาเมื่อครั้งก่อนหล่อนก็ถูกถามด้วยคำถามเช่นนี้!
ทว่าในวินาทีนั้น หล่อนกลับตอบคำถามออกมาต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคน “ฉันไม่ยินยอม!”
ไม่เพียงเท่านั้นหล่อนยังโผเข้าอ้อมกอดเย่เฉินด้วยซ้ำ!
แล้วงานแต่งงานก็ตกอยู่ในความวุ่นวายทันที!
ในใจหวังเจียเหยารู้สึกขมขื่นขึ้นมา
“เย่เฉิน ฉันรักนายขนาดนั้น เสียดายที่สุดท้ายแล้วผู้ชายที่อยู่กับฉันตลอดชีวิตไม่ใช่นาย ถ้าหากว่านายไม่ถูกขับออกจากตระกูลก็คงจะดี พวกเราจะได้มีความสุขด้วยกันไปตลอดชีวิต เฮ้อ”
หวังเจียเหยาทอดถอนใจ
จากนั้นหล่อนก็มองหลิ่วอวี่เจ๋อแล้วค่อยๆ ตอบ “ฉัน…ยินดีค่ะ!”
แล้วเสียงปรบมือในงานก็ดังกึกก้อง!
หลิ่วอวี่เจ๋อและหวังเจียเหยาก็จุมพิตกันดูดดื่มบนเวที!
ทว่าในวินาททีต่อมา มือถือของคนไม่น้อยก็มีข่าวสารแนะนำจากเวยป๋อ!
ข่าวสารเพียงข่าวเดียวก็ทำให้งานแต่งงานเกิดความวุ่นวาย!
หวังซ่าวเจี๋ยเปิดโทรศัพท์แล้วตกตะลึง เมื่อเห็นเนื้อหาข่าว “เหม่ยฉีและคุณชายเศรษฐีขย่มรถกันกลางดึก!”
เมื่อกดเข้าไปดู ก็เห็นภาพถ่ายภาพแรกเป็นภาพเหม่ยฉีจูงมือกับผู้ชายคนหนึ่งเดินไปบนถนน
แต่ผู้ชายคนนั้นก็คือเจ้าบ่าวของงานวันนี้ หลิ่วอวี่เจ๋อ!
ภาพต่อไปเป็นภาพทั้งสองคนขึ้นไปบริเวณที่นั่งด้านหลังรถ
ไม่เพียงแต่มีรูปภาพ แต่ยังมีคลิปวีดีโอด้วย ถึงแม้ว่าหลังจากขึ้นรถไปแล้วจะถ่ายภาพได้ไม่ชัด
แต่ชายหญิงสองคนแอบขึ้นรถขึ้นไปด้วยกันสองต่อสอง ครึ่งชั่วโมงถึงจะลงจากรถ ไปทำอะไรกันคงไม่ต้องเดา!
หลังจากฮอตเสิร์ชนี้แล้วยังมีฮอตเสิร์ชอื่นอีก : ทายาทเศรษฐีหลิ่วอวี่เจ๋อ!
หลิ่วอวี่เจ๋อก็ติดเทรนด์เวยป๋อด้วย อีกทั้งเป็นหัวข้อที่ว่าเขาแต่งงานวันนี้!
หลังจากชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยเห็นแล้วต่างก็ด่าเขา
“หลิ่วอวี่เจ๋อคนนี้เฮงซวยจริงๆ แต่งงานวันนี้แต่เมื่อคืนก่อนยังไปขย่มรถกับผู้หญิงคนอื่น สงสารภรรยาเขาจริงๆ!”
“อ๊าก! หลิ่วอวี่เจ๋อมันนอนกับนางฟ้าของฉัน ฉันจะฆ่าเขา!”