ดูท่าแล้วเย่เฉินกับหวังเจียเหยาน่าจะถูกลิขิตเอาไว้ให้ตามฟาดฟันกันทั้งชีวิต!
หวังเจียเหยาทรยศเย่เฉินไปสองครั้ง ส่วนเย่เฉินเองก็ไปก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของหวังเจียเหยามาถึงสองครั้งเช่นกัน
เดิมทีเย่เฉินไม่คิดจะทำแบบนี้ เพราะเขารู้สึกว่าการเข้ามาก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของอดีตภรรยา เป็นเรื่องที่เป็นการกระทำของเด็กๆ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือการที่จงใจจะเข้ามาก่อความวุ่นวายในงานแต่งงานของอดีตภรรยา อีกฝ่ายจะคิดว่าเขายังรักหล่อนอยู่ !!
ถึงแม้ว่าความรู้สึกสามปีนี้ยากที่จะปล่อยวาง แต่ตอนนี้เย่เฉินมีฉินหงเหยียนที่ดีกว่าหญิงสาวแล้ว จึงไม่สนใจเรื่องของหญิงสาวอีกแล้ว
แต่หลิ่วอวี่เจ๋อต้องการตัดรอนทางทำมาหากินของฉินหงเหยียน พยายามให้หล่อนหางานไม่ได้
แต่เมื่อครู่ตอนที่หวังเจียเหยายอมรับเรื่องเขากับฟางเชา คิดไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่จะไม่ขอโทษเย่เฉิน อีกทั้งยังพูดได้หน้าตาเฉยเสียด้วย!
จะโทษเย่เฉินที่อยากล้างแค้นไม่ได้!
เขาไม่ได้เหมือนหลิ่วอวี่เจ๋อที่จงใจปล่อยข่าวลือเพื่อใส่ร้ายคนอื่น หลิ่วอวี่เจ๋อคงต้องโทษตัวเองที่เล่นสกปรก !
เย่เฉินสาวเท้าออกจากวิลล่าแล้วก็พบว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนเองก็ยังอยู่ในงาน ส่วนฉินหงเหยียนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วและล้างหน้าเรียบร้อย
ฉินหงเหยียนเห็นเย่เฉินกลับมา ก็เป็นกังวลรีบเดินไปหาชายหนุ่ม “เย่เฉิน พวกคุณไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหมคะ?”
เย่เฉินส่ายหน้า
“ไม่ทะเลาะกันก็ดีแล้ว ฉันล่ะตกใจหมดเลย”
ฉินหงเหยียนกังวลว่าเย่เฉินจะไปพลั้งทำคนตาย ไม่งั้นพวกเขาสองคนคงจะไม่สามารถจดทะเบียนสมรสมีลูกได้ไปตลอดชีวิต
เหวินเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้สนใจเย่เฉินแต่อย่างใด “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมเธอ”
เย่เฉินและฉินหงเหยียนมองเหวินเชี่ยนเชี่ยนปปลีกตัวออกไป แต่ก็ไม่มีใครออกไปส่งหญิงสาว
เพราะพวกเขารู้ว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนออกไปจากที่นี่ เพื่อจะไปบ้านหลังข้างๆ
ออกไปส่งก็รังแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายอึดอัดกันเสียเปล่าๆ
เย่เฉินพูดตรงไปตรงมา “ผมไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลย บริษัทของหล่อนเองไม่จ้างคุณผมก็เข้าใจ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะมาตกที่นั่งลำบากเพราะเรื่องคนอื่นหรอก แต่วันนี้หล่อนมาเข้าร่วมงานแต่งงานของหลิ่วอวี่เจ๋อ แถมเข้าร่วมงานรับตัวเจ้าสาวเองอีก เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังประจบประแจงหลิ่วอวี่เจ๋อ”
ฉินหงเหยียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ช่างเถอะ มิตรภาพมากมายไม่ควรจะลากเรื่องเงินทองและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยว ถ้ารู้แบบนี้ฉันไม่น่าไปร่วมทุนกับบริษัทหล่อนเลย”
เย่เฉินได้ยินแบบนี้จู่ๆ ก็นึกเรื่องอะไรบางอย่างออก
เขาเพิ่งรู้มาว่าเหม่ยฉีและหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคู่รักกัน แล้วเหม่ยฉีก็เป็นพรีเซนเตอร์ของบริษัทเหวินเชี่ยนเชี่ยน!
“ถ้าหากว่าเหวินเชี่ยนเชี่ยนรู้เรื่องนี้เข้า แล้วการประจบประแจงหลิ่วอวี่เจ๋อก็เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!”
เย่เฉินเริ่มเข้าใจขึ้นมาลางๆ ว่าทำไมเหวินเชี่ยนเชี่ยนถึงได้ทำแบบนี้!
ทว่าเขาไม่คิดจะบอกฉินหงเหยียนก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อให้หญิงสาวได้นั่งชมอะไรสนุกๆ ในบ้านด้วยกัน!
……
ช่วงเที่ยงตรง ณ ห้องโถงจัดงานแต่งงาน GALLERIA ในเมืองเทียนไห่
“ว้าว ที่นี่สวยจริงๆ ที่นี่…เป็นสไตล์บาโรคล่ะสิ? แหม พวกเธอดูโคมไฟคริสตัลนี้สิน่าจะราคาเป็นหมื่นอยู่ล่ะมั้ง? เสียดายจังที่หยวนหยวนไม่ได้มาเห็น”
ซูหลานมารดาหวังเจียเหยาชื่นชมสถานที่จัดงานไม่ขาดปาก
ส่วนหวังจื้อหย่วนบิดาเจ้าสาว ก็นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างหน้าชื่นตาบาน
หวังจื้อเฉียงผู้เป็นพี่ชายก็กุลีกุจอรินชาให้น้องชายด้วยตนเอง “จื้อหย่วน เจียเหยานี่เก่งจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาแต่งงานกับคนที่เมืองเทียนไห่ ต่อไปต้องฝากหลานช่วยเกื้อกูลตระกูลเราด้วยนะ”
อีกฝั่งคุณนายหวังเองก็สวมเสื้อสีสะดุดตาแล่าวด้วยรอยยิ้ม “จื้อเฉียงพูดถูก ถ้าหากเราได้ความช่วยเหลือจากตระกูลหลิ่วล่ะก็ ตระกูลเราต้องกลายเป็นตระกูลใหญ่ลำดับหนึ่งหรือสองของอวิ๋นโจวแน่นอน!”
หวังซ่าวเจี๋ยไม่ใส่ใจจะฟังนัก และไม่พูดไม่จา
คราวนี้เพราะหวังหยวนหยวนไปทำให้หวังเจียเหยาไม่พอใจ โดยการไปยั่วยวนเย่เฉิน ดังนั้นหวังเจียเหยาจึงไม่ให้หวังหยวนหยวนมาร่วมงานแต่งงาน
แขกที่มาร่วมในงานแต่งงานล้วนแต่เป็นบุคคลระดับประเทศ และมีดารามาร่วมงานไม่น้อย
เกรงว่าพิธีกรที่พวกเขาเชิญมานั้นคือเหอเฉิน ซึ่งถือว่าเป็นพิธีกรระดับประเทศ
งานแต่งงานเริ่มขึ้น แล้วเหอเฉินก็ขึ้นไปบนเวทีแล้วกล่าว
“วันนี้เป็นวันสำคัญในการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกขั้นของคุณหวังเจียเหยาและคุณหลิ่วอวี่เจ๋อ เชื่อว่าทุกคนก็คงเหมือนผมที่อยากจะรู้ว่าบ่าวสาวรู้จักกันได้ยังไง?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหยิบไมค์ขึ้นมาแล้วกล่าว “ผมเจอกับภรรยาของผมในสถานที่ที่ตั้งชื่อโดยชื่อของหล่อน สถานที่แห่งนั้นเรียกว่าอีผิ่นเจียเหยา ผมตกหลุมรักหล่อนทันทีตั้งแต่แรกเห็น ภรรยาของผมเหมือนนางฟ้าทำให้ผมหลงไปเลยล่ะครับ เพราะผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยแบบนี้มาก่อน ดังนั้นผมก็เลยไปสมัครเป็นสถาปนิกที่นั่น ทำงานและเลิกทำงานพร้อมกับหล่อนทุกวัน ผมออกแบบห้องและบ้านเพื่อหล่อน ตอนที่ออกแบบนั้นผมก็ตั้งใจเหมือนกับว่ากำลังออกแบบรังรักของเราสองคนเลยล่ะครับ!”
พอได้ยินแบบนั้นหวังซ่าวเจี๋ยก็ชะงักไป แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มอัดวีดีโอแล้วคิดในใจ
“แหม ถ้าเย่เฉินได้ยินคำพูดนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะทุบ ‘รังรัก’ ของพวกนายทิ้งหรือเปล่า”
หลิ่วอวี่เจ๋อที่อยู่บนเวทีกล่าวต่อ
“ผมออกแบบไปด้วยแล้วก็จินตนาการไปว่าในวันที่ได้เข้ามาที่นี่กับหวังเจียเหยาจะเป็นยังไง ต่อมาผมอดไม่ได้เลยไปสารภาพกับหล่อน แล้วพวกเราก็เลยคบหากัน”
ด้านล่างเวทีเหล่าแขกเหรื่อที่ได้ยินเรื่องรักของทั้งสองคนก็ปรบมือ
ชายวัยกลางคนที่มักจะออกข่าวช่วงเศรษฐกิจบ่อยๆ นั่งอยู่ด้านหน้าก็คุยกับหลิ่วหย่วนหาง
“เรื่องราวความรักของหลานชายของคุณนี่โรแมนติกจริงๆ เลย คุณชายตระกูลหลิ่วแท้ๆ กลับไปเป็นพนักงานนลูกจ้างของเจ้าสาว สุดท้ายก็จีบสาวเจ้ามาแต่งงานได้ด้วย ฮ่าๆ”
หลิ่วหย่วนหางหัวเราะคิกคัก “หลานชายคนนี้เหลวไหล แต่ผมว่าจุดนี้เหมือนผมมากเลยล่ะ”
ส่วนแขกในโต๊ะของฝ่ายหญิง อย่างเพื่อนของซูหลานก็กำมืออีกฝ่ายแล้วรีบชมเชย
“แหม ซูหลาน เธอดูลูกเขยคนนี้ของเธอเข้าสิ ทั้งสูงทั้งหล่อนทั้งรวย แถมยังโรแมนติกอีก รักลูกสาวพวกเธอขนาดนี้ ลูกเขยเธอคนนี้ดีกว่า…”
พูดถึงตรงนี้ เพื่อนของซูหลานกดเสียงงต่ำราวเสียงกระซิบ “ดีกว่าเย่เฉินคนนั้นร้อยเท่าเลย!”
แค่ซูหลานนึกถึงเย่เฉินก็ปวดหัวแล้ว คิดไม่ถึงว่าตนเองจะไปทำอาหารเช้าให้เขาตั้งหลายวัน!
ซูหลานตอบเพื่อนเสียงเบา “หลิ่วอวี่เจ๋อต้องดีกว่าเย่เฉินร้อยเท่าอยู่แล้ว คนไร้ประโยชน์นั่น พึ่งพาอะไรไม่ได้! ไม่มีเงินก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าจะนอกใจเจียเหยาของเรา! ควรจะให้เขามาดูหลิ่วอวี่เจ๋อบ้าง ซื่อสัตย์กับเจียเหยาของเรา แถมยังทะนุถนอมลูกสาวองฉันอย่างมากอีกด้วย!”
เพื่อนของซูหลานกล่าว “ประโยคในอินเตอร์เน็ตบอกเอาไว้ ผู้ชายยิ่งมีเงินเท่าไหร่ก็ยิ่งรักเดียวใจเดียว แต่ผู้ชายจนๆ กลับยิ่งจินตนาการอยากจะมีกิ๊ก หาลูกเขยสักคนหาที่มีเงินจะดีกว่า!”
“อืมๆ คำพูดนี้ถูกต้อง เจอที่ไหนในเน็ตน่ะ? ฉันจะแขร์ในโมเม้นต์วีแชท!” ซูหลานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
และในเวลานี้เอง พิธีกรหันมามองหวังเจียเหยาแล้วถาม “คุณหนูหวังเจียเหยา คุณหลิ่วอวี่เจ๋อบอกว่าเขารักคุณตั้งแต่แรกเห็น คุณเองก็ชอบเขาตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรกเลยหรือเปล่าครับ?”
หวังเจียเหยาเงียบไปครู่หนึ่งเพราะตอนที่ทั้งสองคนรู้จักกันนั้น ตนเองยังเป็นภรรยาของเย่เฉินอยู่
แต่หวังเจียเหยากลับตอบ “รับค่ะ!”