สวี่ฉู่หมิงเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่ฉลาดหลักแหลม แถมยังมีประสบการณ์มากมาย เขาย่อมรู้ว่าฉันหงเหยียนในตอนนี้ ไม่ใช่เด็กสาวตัวเล็กๆ ที่ว่านอนสอนง่ายที่เขาเคยเลี้ยงดูเมื่อ 7 ปีก่อนอีกแล้ว
ใน 7 ปีมานี้ฉินหงเหยียนจากเด็กหญิงตัวเล็กๆ กลายเป็นผู้บริหารหญิงที่สวยที่สุดในอวิ๋นโจว ผู้บริหารจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ตกอยู่ในกำมือของหล่อน
สวี่ฉู่หมิงอยากจะบังคับให้หล่อนแต่งงานกับเขา?
ด้วยนิสัยในตอนนี้ของฉินหงเหยียนหล่อนไม่มีทางยอมทำแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้นสวี่ฉู่หมิงที่อายุกำลังจะย่างเข้าเลขห้าในวัยแซยิดก็รู้ดีแก่ใจว่าในบางอย่างนั้นตนเองไม่อาจเติมเต็มฉินหงเหยียนได้ ในเรื่องนั้นเขาด้อยกว่าชายหนุ่มในวัย 20 กว่าปีอย่างมาก
ถ้าหากต้องให้หล่อนไปทำผิดหลังจากที่แต่งงาน โดยสวมเขาให้ตนเอง ไม่สู้ให้หญิงสาวได้เล่นให้สาแก่ใจ ได้คบหากับคนในวัยเดียวกันก็มันแค่นั้นเอง ต่อไปจะได้ไม่ต้องจินตนาการเลอะเทอะอีก
ฉินหงเหยียนพบว่าสวี่ฉู่หมิงเปลี่ยนไปแล้ว เขาคารพนับถือตนเองมากขึ้นกว่าเดิม
ถ้าเป็นเมื่อ 7 ปีก่อนหากเขารู้ว่าตนเองมีผู้ชายคนอื่น จะต้องใช้วิธีการต่างๆ นานามาทำลายผู้ชายคนนั้น เพื่อให้อีกฝ่ายทิ้งตนเองไป
ฉินหงเหยียนกล่าว “ครึ่งปีหลังจากนี้ฉันก็จะยังพูดเหมือนเดิม ฉันไม่คิดว่าความรักของเย่เฉินและฉันจะจบลงในเวลาไม่ถึงครึ่งปี”
สวี่ฉู่หมิงหัวเราะเย้ยหยัน “เธอประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว หงเหยียนนบางทีตอนนี้เธออาจรู้สึกว่าเลี้ยงผู้ชายได้ช่างน่าภูมิใจ แต่ไม่นานเท่าไหร่เธอก็จะดูถูกเขา เหยียดหยามเขา ความชอบที่มีให้เขาก็จะค่อยๆ หายไปเอง ไม่เชื่อล่ะก็ พวกเรามาลองพนันกันก็ได้ ฉันพนันไว้เลยว่าไม่ถึงครึ่งปีพวกเธอสองคนจะต้องเลิกกัน อีกทั้งเธอจะเป็นฝ่ายขอเลิกด้วย”
ฉินหงเหยียนหัวดื้อมาก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของตนเองที่ตั้งใจจะมีความรักดีๆ กับเขาสักครั้ง
“ได้ค่ะ ฉันเดิมพันกับคุณ เดิมพันว่าครึ่งปีนี้ฉันไม่มีทางเลิกกับเย่เฉินแน่ๆ!”
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมที่แต่งแต้มบนใบหน้าของสวี่ฉู่หมิงเหมือนว่าเขาเองเป็นฝ่ายชนะเดิมพันอย่างไรอย่างนั้น
“ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องอื่นล่ะก็ฉันอยากกลับบ้านแล้ว แฟนของฉันกำลังจะเลิกงาน ฉันต้องกลับบ้านไปทำอาหารให้เขา”
ฉินหงเหยียนยกแขนข้างขวาขึ้นมาดูเวลา
ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันมา 7 ปี แต่อย่างไรเสียฉินหงเหยียนก็เป็นคนที่มีแฟนแล้ว ไม่อยากจะอยู่กับผู้ชายที่เคยเลี้ยงดูตนเองนานจนเกินไป
สวี่ฉู่หมิงได้ยินว่าฉินหงเหยียนจะทำอาหารให้เย่เฉิน ความรู้สึกหึงหวงก็พุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ
เพราะในระยะเวลา 3 ปีที่เขาเลี้ยงดูหญิงสาว เจ้าหล่อนไม่เคยทำอาหารให้เขามาก่อน
ตอนนั้นฉินหงเหยียนยังไม่เคยเรียทำอาหาร นี่เป็นความสามารถใหม่ที่หล่อนเพิ่งทำเป็นหลังจากมาที่อวิ๋นโจว
“เขาทำงานอะไร?” สวี่ฉู่หมิงถาม
เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่งว่าสวี่ฉู่หมิงยังสืบข่าวเกี่ยวกับแฟนหนุ่มน้อยคนนี้ของฉินหงเหยียนมาได้ไม่มากเท่าไหร่
ด้วยระดับของสวี่ฉู่หมิงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรกับศัตรูความรัก ไม่เหลือบแลเย่เฉินอยู่ในสายตา
“เขา…ส่งพัสดุ” ฉินหงเหยียนอายเกินกว่าจะพูด
สวี่ฉู่หมิงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ดูแล้วไม่น่าจะถึงครึ่งปี สามเดือนก็พอ”
“หงเหยียน ฉันล่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะเอาคนส่งพัสดุมาเป็นแฟน”
ฉินหงเหยียนไม่อยากให้สวี่ฉู่หมิงดูถูกเย่เฉินแบบนี้ หญิงสาวจึงออกตัวแทนเขา
“แฟนของฉันเขาไม่ได้ไร้ประโยชน์แบบนั้น เขาเป็นลูกหลานคนร่ำรวย เมื่อก่อนเขาเป็นหัวหน้าของฉัน เป็นประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป!”
ประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป ตำแหน่งนี้บางทีอาจจะเขย่าประสาทคนอย่างเหวินเชี่ยนเชี่ยน
แต่ว่าในสายตา CEO ของบริษัทแสนล้านอย่างสวี่ฉู่หมิง เป็นก็แค่ลูกไก่ลูกกาเท่านั้นเอง
ส่วนเป็นลูกเศรษฐีอะไรนั่น เขาเห็นมาเยอะจนเบื่อแล้ว
สวี่ฉู่หมิงก็ยังเหยียดหยามเขาอีก “จะดูผู้ชายในอดีตที่เคยรุ่งเรืองไปทำไม? ถ้าหากว่าเก่งจริงๆ ตอนนี้ต่อให้ไม่มีเงิน ก็ควรจะเอาเงินเธอไปทำธุรกิจแล้วสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาใหม่! แต่ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่? ส่งพัสดุเนี่ยนะ! เป็นสายงานที่ไม่ได้มีความรู้เฉพาะทางแล้วก็ไม่ได้เรียรู้อะไรเลยด้วยซ้ำไป หรือเธอคิดว่าเขาส่งพัสดุ จะได้กลายเป็นผู้บริหารของบริษัทขนส่งงั้นเหรอ?”
ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปากกำมือแน่น ไม่รู้ว่าควรจะโต้ตอบอย่างไร
พูดความจริงแล้วหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเย่เฉินถึงเลือกมาส่งพัสดุ หล่อนย่อมไม่อยากให้แฟนตัวเองไปทำงานในสายอาชีพนี้จริงๆ
แต่เย่เฉินตั้งใจจะทำงานสายนี้ หล่อนจึงไม่อยากไปก้าวก่าย
สวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่อยากพูดเหยียดหยามเย่เฉินมากนัก ถ้าเขาทำแบบนั้นจะดูใจแคบมากไปหน่อย
“พูดถึงสายอาชีพการขนส่ง คืนนี้ฉันนัดกินข้าวกับหลิ่วหย่วนหางเถ้าแก่ของบริษัทชุนเฟิงเอ็กซ์เพรสกินข้าว เธอไปกับฉันสิ”
สวี่ฉู่หมิงกล่าว
ฉินหงเหยียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อหลิ่วหย่วนหาง “คุณรู้จักหลิ่วหย่วนหางเหรอ?”
ฉินหงเหียนอยู่กับสวี่ฉู่หมิงมาสามปี ทุกครั้งที่เขาไปคุยธุรกิจ ฉินหงเหยียนก็จะติดตามไปด้วยเสมอ
แต่ในระยะเวลาสามปีนั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเจอสวี่ฉู่หมิงติดต่อกับคนตระกูลหลิ่วมาก่อน
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “รู้จักกันเมื่อ 5 ปีก่อน แต่แค่เจอก็เหมือนรู้จักกันมานาน เคยทำงานด้วยกันครั้งหนึ่ง ได้เงินมาไม่น้อย ดื่มเหล้าด้วยกันแล้วสาบานเป็นพี่น้องกัน”
“อืม”
ฉินหงเหยียนคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสวี่ฉู่หมิงจะสนิทสนมกับหลิ่วหย่วนหางแบบนี้
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “ครั้งนี้ที่ฉันนัดเขากินข้าว ก็เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องเธอกับแฟนของเธอ เดี๋ยวตอนเย็นไปกับฉันสิ ตอนกินข้าวจะได้แนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน เธอดื่มเหล้าให้เขา เรื่องนี้ก็จะได้ผ่านไปเสียที ส่วนเด็กแซ่หลิ่วนั่นก็จะไม่กล้าหาเรื่องเธออีก”
ฉินหงเหยียนไม่สงสัยในอิทธิพลของสวี่ฉู่หมิงแม้แต่น้อย หล่อนอยู่กับเขา 3 ปี จึงรู้ดีแก่ใจอย่างยิ่งว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบคุยโวโอ้อวด
มีผู้บริหารจำนวนมากชอบคุยโว ยกตัวเอง โม้เรื่องเส้นสายของตนอง โอ้อวดเรื่องความสามารถของตนเอง
พูดว่าไม่ว่าอะไรแค่เพียงคำพูดเดียวของเขาก็จัดการได้ แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
ต่างจากสวี่ฉู่หมิงเขาบอกว่าเรื่องนี้แค่ดื่มเหล้าขอโทษก็จะถือว่าเป็นโมฆะไป เรื่องนี้แค่ดื่มเหล้าขอโทษก็เรียบร้อยแล้ว
แต่ว่าฉินหงเหยียนลังเลว่าควรจะไปกินข้าวกับเขาหรือไม่
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “เธอไม่คิดเผื่อตัวเองเลย ก็น่าจะคิดเผื่อแฟนของเธอสิ? ตระกูลหลิ่วทรงอิทธิพลให้เมืองเทียนไห่ขนาดนี้ เธอไม่กลัวแฟนเธอวันไหนไปประสบอุบัติเหตุตอนไปส่งของขึ้นมาหรือไง?”
คำพูดนี้ของสวี่ฉู่หมิงทำให้ฉินหงเยียนเป็นกังวลใจ
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะมีความสามารถในวิชาป้องกันตัว คนสองสามคนทำอะไรเขาไม่ได้
แต่ถ้าจะให้ป้องกันตัวจากคนที่ลอบทำร้ายล่ะก็ ถ้าหากว่าตระกูลหลิ่วเกิดอยากเล่นลูกไม้สกปรกขึ้นมา เย่เฉินคงต้องลำบากมากแน่
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะไป กี่โมง ที่ไหน?” ฉินหงเหยียนถาม
“หนึ่งทุ่ม ที่วิลล่าจิ่วเจียนถังหมายเลข 51 ที่ก่อนนี้ฉันเคยพาเธอไป ตอนที่ทำ สัญญาซื้อขายสินค้าอ้างอิง” สวี่ฉู่หมิงเตือน
ฉินหงเหยียนย้อนคิด “อ้อ ร้านอาหารส่วนที่ลึกลับมากๆ ร้านนั้นเอง ฉันรู้แล้วค่ะ เดี๋ยวขอกลับบ้านก่อน เดี๋ยวฉันจะไปถึงให้ตรงเวลา”
“ก็ได้” สวี่ฉู่หมิงไม่ได้บังคับหล่อน
ฉินหงเหยียนลงจากรถของเขา แล้วขับรถพอร์ชของตนเองกลับวิลล่าเฝยชุ่ย
หล่อนเข้าไปในครัวทันทีแล้วทำกับข้าวผัด 2 จาน น้ำซุป 1 อย่าง หลังจากทำอาหารเสร็จเหลือบดูนาฬิกาแล้วถอดชุดคลุมกันเปื้อนทิ้ง แล้วส่งข้อความเสียงในวีแชทให้เย่เฉิน
“ที่รักคะ ฉันมีนัดทานข้าวกระทันหัน ไม่ได้อยู่กินข้าวที่บ้านนะ แต่ฉันทำอาหารให้คุณแล้ว เลิกงานก็กลับบ้านมากินข้าวด้วยนะ รักคุณค่ะ!”