ตอนที่ 286 คนรักเมื่อชาติก่อน!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูมู่ชิงก็นิ่งไป ใบหน้าของหล่อนออกแววเก้อเขิน
ค้างคืน?
หลายปีมานี้ซูมู่ชิงอยู่กับลูกสาวแค่เพียงสองคนแม่ลูก
เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของซูมู่ชิง เย่เฉินก็อธิบายพร้อมระบายยิ้ม “คุณอย่าเข้าใจผิด ผมแค่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนซือซือ”
ลูกสาวในสายเลือดแท้ๆ แต่สามปีมานี้ก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน วันนี้ได้เจอกันจะให้ใช้เวลาด้วยกันแค่เดี๋ยวๆ แล้วแยกย้ายได้ยังไง?
เย่เฉินอยากจะอยู่กับหล่อน 24 ชั่วโมงใจจะขาด
มือนุ่มนิ่มของซือซือคว้าแขนหนาของเขาแล้วกล่าว “คืนนี้หนูอยากให้พ่อกอดหนูนอนหลับ”
ซูมู่ชิงพูดไม่ออก แล้วจึงสั่งสอนซือซือต่อ “ซือซืออย่าเหลวไหล พูดแบบนี้ไม่อายเหรอ”
ซือซือกลับทำท่าทีไม่พอใจ เด็กหญิงแก้ตัว “ก็พูดกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าลูกสาวคือคนรักเมื่อชาติก่อนของคนเป็นพ่อ? แล้วที่แม่ไม่เห็นด้วยที่หนูจะนอนกับพ่อเพราะแม่จะแย่งพ่อกับหนูเหรอคะ? งั้นหนูยอมให้ทั้งสองคนมานอนเป็นเพื่อนหนูก็ได้นะคะ”
คำพูดนี้ของซือซือทำให้เย่เฉินขบขัน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
เด็กหญิงอายุไม่ถึงสี่ขวบ มีอะไรในหัวบ้างเนี่ย คิดอะไรตลกๆ เกินไปแล้วล่ะมั้ง?
ซูมู่ชิงเองก็เก้อเขินไปเพราะคำพูดของลูกสาว จนไม่กล้าสบตามองเย่เฉินตรงๆ
อะไรที่เรียกว่าแย่งเย่เฉินกับลูกสาว?
ทำเอาเหมือนซูมู่ชิงไม่ยอมให้ซือซือนอนกับเย่เฉิน เพื่อหล่อนจะได้นอนกับเย่เฉินแทนอย่างนั้น…
เพราะซือซือกล่าวถึง ‘คนรักในชาติก่อน’ เองก่อน คำพูดนี้ทำให้เย่เฉินนึกถึงบทเพลงบทหนึ่ง
‘คนรักในชาติก่อน’ ของท่านประธานโจว[1]
บทเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อลูกสาวของเขา ทั้งบทเพลงเต็มไปด้วยความรักใคร่และสับสนของคนเป็นพ่อที่มีต่อคนเป็นลูกสาว
เย่เฉินชอบเพลงนี้มาก หลังจากที่หวังเจียเหยาตั้งท้อง แค่นึกถึงว่าตนเองอาจจะมีโอกาสได้มีลูกสาวก็ฝึกซ้อมบทเพลงนี้อยู่หลายครั้ง
เดิมอยากจะรอให้ลูกสาวลืมตาดูโลกแล้วจะได้เล่นให้แม่หนูตัวน้อยฟัง เสียดายที่ลูกสาวไม่ใช่สายเลือดเขา
เย่เฉินยังคิดไปว่าตนเองคงฝึกบทเพลงนี้เสียเปล่าแล้ว
แต่ตอนนี้ซือซือก็ปรากฏตัวขึ้น!
“ซือซือ พ่อเล่นเพลง ‘คนรักในชาติก่อน’ ให้หนูฟังดีไหม?” เย่เฉินกล่าวพลางมองซือซือแล้วส่งยิ้ม
ซือซือเบิกตากว้าง “เอ๋? คนรักเมื่อชาติก่อน ไม่ใช่พวกเราหรอคะ? ซือซืออยากฟังค่ะ!”
เย่เฉินลูบหัวซือซือจากนั้นก็บรรเลงบทเพลงนี้อย่างรวดเร็ว
แต่การแสดงในครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าจะดึงดูดสาวใช้ของเรือนสี่ประสานมา ดูแล้วสาวใช้เองก็คงจะเป็นแฟนเพลงของท่านประธานโจวชื่อดัง ทันทีที่ได้ยินเสียงอินโทรที่คุ้นเคยก็วิ่งมา
เมื่อบรรเลงอินโทรเสร็จแล้วเย่เฉินก็ร้องไปพร้อมๆ กับบรรเลงไปด้วย
“กระรอกกับวอลนัทเล่นซ่อนแอบในบ้าน”
“องุ่นหลบอยู่ในถังไม้เพื่อรอช่วงเวลาที่งดงาม”
เย่เฉินร้องส่วน RAP ซือซือเองเพิ่งเคยฟังเพลงแนวนี้เป็นครั้งแรก มีท่าทีตื่นเต้นแล้วหัวเราะคิกคัก เด็กหญิงที่ไม่รู้ประสาคิดไปว่าบิดาของตนเองพูดจจารวดเร็ว จนฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไร
แล้วเย่เฉินก็ร้องถึงท่อนฮุคอย่ารวดเร็ว
“รักอะไร ไม่พูดถึง ก็มีอยู่”
“รักอะไร แค่มอง ก็เข้าใจ”
สองประโยคนี้ของท่อนฮุคเป็นท่อนที่เย่เฉินชอบที่สุด ท่วงทำนองงดงาม อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเสียงหลบที่ไพเราะที่สุดของท่านประธานโจว
ทว่าในตอนที่กำลังจะร้องสองประโยคนี้เย่เฉินก็ตื่นเต้น
เพราะช่วงนี้เขามีเรื่องกวนใจมากมายจนทำให้เขาสูบบุหรี่มากมาย พอสูบบุหรี่เยอะๆ เข้าแล้วไม่ได้วอร์มเสียงก่อน ก็อาจจะร้องเสียงหลบไม่ได้!
แต่ดีที่เย่เฉินเรียนการร้องเพลงกับอาจารย์มาก่อน เขาเลยค่อยๆ ขับร้องท่อนที่ไพเราะแบบนี้ออกมาได้
“เธอยิ้ม เพียงนิดๆ หน่อยๆ ก็หายไป”
“ใช้คำพูดคำเดียวอธิบายไม่ได้”
“เป็นทะเลดาว”
“ว้าว เจ๋งจังค่ะๆ!” ซือซือปรบมืออย่างดีใจ
ส่วนซูมู่ชิงและสาวใช้ตัวน้อยของหล่อนก็ยืนฟังบทเพลงอย่างตกตะลึงที่ริมประตู
เย่เฉินขับร้องไปพร้อมกับบรรเลงเปียโนไปด้วย เขาเล่นเปียโนโดยไม่ต้องมอง เพราะเขากำลังใช้แววตาที่เต็มไปด้วยความรักของคนเป็นพ่อมองซือซือ
มองเด็กน้อยหน้าตาน่ารักอย่างซือซือ เย่เฉินก็อดคิดไม่ได้ว่าในอีกยี่สิบปีข้างหน้าเด็กหญิงเติบโตขึ้นจะมีหน้าตาเป็นยังไง
แล้วท่อนท้ายๆ ของเพลง ‘คนรักในชาติก่อน’ ก็สามารถบรรยายความรู้สึกของเย่เฉินในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี
“ต่อไปให้อนาคตฉันจะอยู่ในโบสถ์สีขาว”
“ส่งมือที่เคยกอบกุมมานานไปให้เขาอีกคน”
“น้ำตาหยดลงทีละหยดช้าๆ”
“ความซาบซึ้งใจจะยังอยู่”
“มองดูพวกเธอมีความสุขอยู่ไกลๆ”
“เหมือนชาติก่อนที่พวกเราเคยมีความสุขกัน!”
เมื่อเพลงจบลง ซือซือก็ปรบมืออย่างตื่นเต้น “เพราะจังเลยค่ะ หนูอยากเรียนเพลงนี้!”
เย่เฉินยิ้มขณะกล่าวกับซือซือ “เพลงนี้อาจจะยากเกินไปสำหรับลูก พวกเราจะต้องปูพื้นฐานให้ดีแล้วถึงจะบรรเลงเพลงได้นะ”
“งั้นคุณพ่อสอนพื้นฐานหนูหน่อย หนูอยากเรียนขั้นพื้นฐานค่ะ” ซือซือกล่าว
“ได้สิ”
ในตอนที่เย่เฉินกำลังจะสอนซือซือเล่นเปียโนนั้นเอง จู่ๆ เขาก็พบว่าซูมู่ชิงและสาวใช้ของหล่อนกำลังยืนอยู่ที่ประตู
เมื่อครู่ซูมู่ชิงจะออกจากห้องรับแขกเพื่อไปทำอาหารในครัว เย่เฉินก็คิดว่าหล่อนไปตั้งนานแล้ว
เพลงนี้ยาวเกือบสี่นาที หรือว่าซูมู่ชิงเอาแต่ยืนฟังเขาอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นเหรอ?
“คุณยังไม่ไปทำอาหารอีกเหรออ?” เย่เฉินมองอีกฝ่าย
“อ้อ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ จะไปแล้ว”
ซูมู่ชิงลนลานเดินออกไป
สาวใช้เดินตามมาติดๆ แล้วกล่าวกับนายสาวอย่างตื่นเต้น “คุณหนูคะ คุณหนู ผู้ชายคนนี้คือพ่อของซือซือเหรอคะ? สวรรค์ หน้าตาก็หล่อแถมเล่นเปียโนเก่ง ร้องเพลงเพราะ มิน่าคุณหนูถึงไม่เหลือบแลผู้ชายคนไหน ที่แท้ก็รอเขานี่เอง”
ซูมู่ชิงแหวใส่สาวใช้ “อย่าพูดจาเหลวไหล เขามีแฟนแล้ว”
“ฮะ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้สาวใช้ก็เกิดรู้สึกเสียดาย “คุณหนูคะ แต่ถ้าเป็นแค่แฟนแต่ยังไม่ได้แต่งงานล่ะก็ คุณหนูก็น่าจะแย่งเขากลับมาสิคะ! ผู้ชายที่คุณหนูของเราชอบจะปล่อยให้โดนผู้หญิงคนอื่นแย่งไปไม่ได้นะคะ!”
ซูมู่ชิงเคาะหน้าผากสาวใช้เบาๆ “เธอนี่นะ เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว ฉันกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกัน รีบไปล้างผักเลย ฉันจะทำอาหาร”
สาวใช้กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก “ยังจะพูดอีกว่าไม่ได้มีอะไรกัน ปกตินายท่านมา คุณหนูยังไม่ยอมเข้าครัวเลย วันนี้ถึงกับลงมือทำอาหารเอง ฮี่ๆ”
ซูมู่ชิงถลึงตาใส่อีกฝ่าย ทำให้หล่อนไม่กล้าพูดเหลวไหลอีก หล่อนเดินไปหยิบวัตถุดิบอย่างว่าง่าย จัดแจงล้างทุกอย่างในอ่าง
ตอนนี้เย่เฉินกำลังสอนลูกสาวของเขาเล่นเปียโน เขาพบว่าซือซือเรียนวิธีการบรรเลงอย่างถูกต้อง แล้วเด้กหญิงก็มีความเข้าใจในตัวโน้ตง่ายๆ ได้แล้ว แสดงให้เห็นว่าเด็กหญิงน่าจะเรียนได้พักใหญ่แล้ว
เย่เฉินรู้สึกขอบคุณซูมู่ชิงที่ให้ลูกสาวเรียนเปียโน เพราะความตั้งใจของเขาก็คือลูกสาวจะต้องเรียนเปียโน
“ซือซือ คุณครูสอนคอร์ดหนูหรือยัง?” เย่เฉินถาม
ซือซือส่ายหน้า
เย่เฉินกล่าว “งั้นพ่อจะสอนหนูคอร์ดหนึ่งดีไหม?”
ซือซือพยักหน้ารับ
เย่เฉินกุมมือบุตรสาวแล้วกล่าวต่อ “สอนคอร์ด C ง่ายๆ ให้หนูดีไหม”
ซือซือกลับปฏิเสธ “หนูไม่อยากเรียนง่ายๆ หนูอยากเรียนอะไรที่พิเศษที่สุด!”
แม่หนูได้กรรมพันธุ์มาจากเขาจริงๆ เย่เฉินเป็นพวกที่ชอบแต่ของที่พิเศษบนโลกใบนี้
เขาครุ่นคิด ว่าคอร์ดอะไรจะพิเศษกับซือซือนะ?
เลขพ้องเสียงกับชื่อของซือซือคือเลข 4 ตัวอักษรแรกของเลข 4 ในภาษอังกฤษคือ F งั้นก็คอร์ด F ก็แล้วกัน
แล้ว 4 เองยังถือว่าเป็นคอร์ดที่ 4 ของคีย์ C ก็จะเท่ากับคอร์ด F
เย่เฉินรู้แล้วว่าจะสอนคอร์ดอะไรให้บุตรสาวดี
[1] ท่านประธานโจว หรือภาษาจีนคือโจวต่ง (周董) ในที่นี้หมายถึง โจวเจี๋ยหลุน หรือ เจย์โชว (JAY CHOU)