ตอนที่ 302 ไถเงินเย่เฉิน!
ในเวลานี้ มียามอีกคนเดินมาที่ประตูแล้วชี้รถ Bently ของเย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนพลางกล่าว “ถูกต้อง รถคันนี้เขาต้องเช่ามาแน่ๆ! ฉันเคยเห็นรถคันนี้ พวกเขาไม่ใช่เจ้าของรถ!”
ยามคนเมื่อครู่หัวเราะคิกคัก “อ้อ ที่แท้ยืมรถมาวางท่าเป็นคนรวยมาที่วิลล่าของเรา งั้นพวกเรายิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกคุณเข้ามาแล้วล่ะ””
หลิวเจิ้งคุนหัวเสีย “พวกแกพูดจาไร้สาระ!”
Bently ป้ายเมืองเสินเฉิงคันนี้ ไม่ใช่ของหลิวเจิ้งคุนจริงๆ แต่เป็นเพื่อนในท้องที่ที่เขารู้จัก
เพราะเขาและเย่เฉินนั่งเครื่องบินส่วนตัวเดินทางมาที่นี่ พวกเขาจึงไม่มีรถใช้ หลิวเจิ้งคุนย่อมต้องไหว้วานเพื่อนของเขาให้ส่งรถที่พอจะมีระดับให้เขา
แต่คิดไม่ถึงว่ายามเฝ้าประตูจะจำได้ แถมยังเยาะเย้ยพวกเขาว่ารวยปลอมอีกต่างหาก
ยามเฝ้าประตูหัวเราะคิกคัก “ไม่มีเงินซื้อวิลล่าก็ไปเถอะ อย่ามาขวางหน้าประตูวิลล่าเลย อีกเดี๋ยวเจ้าบ้านคนอื่นในหมู่บ้านน่าจะมาแล้ว”
หลิวเจิ้งคุนหัวเสียเขาเดินกลับมาที่รถแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “คุณชายเย่ ผมขอยืมตุ้มหูเพชรของคุณชายหน่อยได้ไหมครับ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ หลิวเจิ้งคุนก็หยิบตุ้มหูเพชรนั้นขึ้นมาแล้วเดินไปหายามที่หน้าประตู “แหกตาของพวกแกดูให้ดีๆ นี่คือตุ้มหูเพชรราคาเจ็ดร้อยล้าน! แค่ตุ้มหูสองคู่นี้ก็มากเพียงพอจะซื้อวิลล่าเน่าๆ ของพวกแกได้หลายสิบหลังแล้ว”
เมื่อคุณอูที่อยู่ข้างๆ มองเห็นเข้า ตาก็เป็นประกายวิบวับ “สวรรค์ พี่คุน ตุ้มหูคู่นี้ใช่ Apollo กับ Artemis ที่เขาลือๆ กันหรือเปล่า? สมบัติที่ใครๆ ก็ลือถึงทำไมถึงอยู่ในมือคนในประเทศเราได้ล่ะ? พี่คุน ท่านที่นั่งคือใครเหรอครับ พี่คุนพอจะแนะนำให้ผมรู้จักได้ไหมครับ!”
คนทั่วไปที่พอจะมีความรู้อยู่บ้างเห็นตุ้มหูราคาเจ็ดร้อยล้านคู่นี้ คงจะลงไปกราบนานแล้ว
ทว่ายามกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “นี่หลอกกันใช่ไหม แค่ตุ้มหูเน่าๆ เท่านั้นเอง คุยโวว่าราคาเจ็ดร้อยล้านอะไรกัน ฮ่าๆ เห็นว่าพวกฉันไม่มีความรู้หรือไง?”
จริงด้วย ตุ้มหูคู่นี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นของปลอม ราคาอย่างมากก็น่าจะแค่ 30 หยวน” ยามอีกคนกล่าว
หลิวเจิ้งคุนหงุดหงิดจนไม่รู้จะทำอย่างไร ให้พวกเขาดูของราคาแพงขนาดนี้ แต่เหมือนสีซอให้ควายฟัง!
หลิวเจิ้งคุนคืนตุ้มหูกลับไปแล้วตะคอกใส่ยาม “จะปล่อยให้พวกเราเข้าไปไหม ถ้าไม่ปล่อยให้เข้าไป ฉันจะซ้อมพวกแกแล้วนะ!”
“จะลงไม้ลงมือทำร้ายกันใช่ไหม? รีบแจ้งตำรวจเร็ว!” ยามยังไม่ยอดลดละ
และในเวลานี้เย่เฉินก็เดินลงมาจากรถ
บุคลิกภาพของเย่เฉิน ต่อให้เป็นช่วงกลางคืนคนก็ยังเห็นบุตลิกที่ไม่ธรรมดาของเขา!
“อาคุน ไม่จำเป็นต้องไปมีเรื่องกับพวกยามที่เฝ้าประตูหรอกนะ”
เย่เฉินขวางหลิวเจิ้งคุนเอาไว้
ในเมื่อต้องคุยกับพวกคนระดับล่างแล้วเหมือนคุยกับนกกับกา ก็หาตัวหัวหน้าพวกเขาก็พอ
“ลองไปสืบมาหน่อยว่าเจ้าของโครงการอ้ายฉินไห่ซานจวงคือใคร หาตัวหัวหน้าพวกเขาให้หน่อย” เย่เฉินสั่ง
“ครับ!”
หลิวเจิ้งคุนโทรไหว้วานเพื่อนทันทีหลังจากโทรติดแล้ว หลิวเจิ้งคุนก็รายงานกับเย่เฉินทันที “คุณเย่ครับ เจ้าของอ้ายฉิงไห่ซานจวงชือว่านเจิ้งหาว เป็นเถ้าแก่ในสายงานอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงมากทีเดียวที่นี่ ผมเพิ่งบอกชื่อคุณเย่ไป เขากำลังรีบมา”
“อืม”
เมื่อว่านเจิ้งหาวคนนี้รู้กิตติศัพท์ของเย่เฉินและเย่เฉินกรุ๊ป ก็น่าจะง่ายแล้ว
หลิวเจิ้งคุนกล่าวกับยามสองคน “อีกเดี๋ยวเจ้านายพวกแกจะมา ฉันจะให้พวกแกก้มหัวขอโทษฉันต่อหน้าเจ้านาย!”
แต่ยามยังคงไม่มีท่าทีหวาดกลัว “เป็นกฎที่เบื้องบนกำหนดเอาไว้เอง พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องขอโทษพวกนายด้วย?”
เย่เฉินเห็นท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองของยามทั้งสองคน เหมือนว่าไม่กังวลใจเลยว่าจะตกงาน ก็แอบรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
อีกทั้งถ้าหากมีแค่เจ้าของบ้านที่เข้าได้ แล้วทำไมเมื่อครู่ฉินเสี่ยวตั่วถึงเข้าไปได้ล่ะ?
ฉินเสี่ยวตั่วไม่ใช่เจ้าของบ้านเสียหน่อย เจ้าของบ้านที่นี่น่าจะมีแค่สวี่ฉู่หมิงคนเดียว
“หรือว่าจงใจหาเรื่องฉัน?” เย่เฉินครุ่นคิด
ผ่านไปไม่นานก็มีรถ Bently อีกคันขับเข้ามาจอดที่วิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง
ชายวันกลางอายุประมาณ 40 กว่าปี สูงประมาณ 160-170 ซม. ก้าวลงมาจากนั่งด้านหลัง
คนผู้นี้ก็คือว่านเจิ้งหาว เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้
ว่านเจิ้งหาวเห็นเย่เฉินก็รีบส่งยิ้ม “อ้าว นี่ใช่คุณเย่จากเฉินเย่กรุ๊ปไหมครับเนี่ย? ยินดีที่ได้พบนะครับ!”
เมื่อเห็นว่านเจิ้งหาวเป็นฝ่ายทักทายเย่เฉินก่อน แถมยังมีท่าทางเกรงใจ หลิวเจิ้งคุนก็รู้เลยว่าเรื่องนี้น่าจะจบได้แล้ว
ปกติแล้วเย่เฉินไม่ชอบจะทักทายหรือคบค้าสมาคมกับเจ้าของบริษัทอสังหาหรือว่าบริษัทไหนๆ
แต่วันนี้เขาอยู่ในพื้นที่ของอีกฝ่าย มีเรื่องต้องขอให้เขาช่วย เย่เฉินเองก็จำเป็นต้องเกรงใจอีกฝ่าย
เย่เฉินกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ “สวัสดีครับคุณว่าน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ว่านเจิ้งหาวกล่าว “คุณเย่ครับ ตอนนี้คุณเป็นถึงลูกพี่ใหญ่ในวงการเอ็กซ์เพรสกับเดลิเวอรี่เลยนะครับ ผมอยากจะลองทำธุรกิจในวงการเดลิเวอรี่บ้าง รอจะเรียนรู้จากคุณอยู่เลยครับ!”
เย่เฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณว่านเกรงใจกันเกินไปแล้วครับ อนาคตเราร่วมมือกันได้ครับ”
“รับปากกันแล้วนะครับผม วันนี้คุณเย่มาที่วิลล่าผมทำไมเหรอครับ คุณอยากจะซื้อวิลล่าในหมู่บ้านของผมเหรอครับ?” ว่านเจิ้งหาวกล่าวถาม
ที่จริงแล้วเย่เฉินแค่อยากจะเจอฉินหงเหยียนเท่านั้น ไม่เคยอยากซื้อวิลล่าในนี้มาก่อน
แต่ว่าคิดไม่ถึงเลยว่ายามที่นี่จะจัดการได้ยากเย็นขนาดนี้ สุดท้ายยังต้องลากว่านเจิ้งหาวที่เป็นถึงเจ้าของมาที่นี่ด้วย
ในเมื่อเจ้าของมาแล้ว เย่เฉินจะไม่ซื้อวิลล่าก็เกรงใจ
อีกทั้งฉินหงเหยียนเลือกจะอยู่ที่นี่ต้องเป็นเพราะชอบสภาพแวดล้อมที่นี่
ในเมื่อหล่อนชอบอยู่ที่นี่ งั้นเย่เฉินก็จะซื้อวิลล่าที่นี่ให้หญิงสาว เพื่อที่อนาคตหญิงสาวจะได้อยู่ในวิลล่าที่เขาซื้อ ไม่ใช่วิลล่าของสวี่ฉู่หมิง
เย่เฉินจึงกล่าว “ถูกต้อง ผมกะจะซื้อวิลล่าที่นี่สักหลัง แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องด่วนต้องเข้าไปพบคนด้านใน คุณให้ผมเข้าไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ผมจะให้คนมาจัดการซื้อ”
เย่เฉินเป็นถึงเจ้าของบริษัทแสนล้านที่โด่งดัง วิลล่าราคาแค่ไม่กี่ล้านเขาย่อมซื้อได้สบายๆ
ตามหลักแล้วว่านเจิ้งหาวไม่มีเหตุผลที่ไม่ที่จะไม่เชื่อเย่เฉิน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไว้หน้าเขา
แต่ว่านเจิ้งหาวกลับหัวเราะเจ้าเล่ห์ “คุณเย่ คุณต้องซื้อก่อนนะครับถึงจะเข้าไปด้านในได้”
เย่เฉินและหลิวเจิ้งคุนชะงักไปทันที
หลิวเจิ้งคุนตะคอก “ว่านเจิ้งหาวแกหมายความว่ายังไง? หรือว่าแกสงสัยว่าคุณเย่จะไม่มีปัญญาซื้อวิลล่าที่นี่เหรอ? เชื่อไหมว่าฉันเบิกเงินสดห้าล้านออกมาโยนใส่หน้าแกได้เดี๋ยวนี้เลย!”
“อาคุน ห้ามเสียมารยาท” เย่เฉินตำหนิหลิวเจิ้งคุน
ความจริงแล้วเย่เฉินเองก็รู้สึกไม่พอใจในตัวว่านเจิ้งหาวเช่นกัน
เป็นคนรวยๆ เหมือนกัน วันนี้ว่านเจิ้งหาวมีโอกาสได้รู้จักกับเย่เฉิน อย่าว่าแต่เย่เฉินจะซื้อพรุ่งนี้เลย ต่อให้เย่เฉินจะไม่ซื้อ แต่เขาก็ควรจะพยายามทำให้เย่เฉินพอใจ
อย่างไรเสียในวงการธุรกิจนั้นมีเพื่อนเพิ่มมาหนึ่งคนก็ถือว่ามีหนทางให้เดินเพิ่มขึ้น
ว่านเจิ้งหาวหัวเราะคิกคัก “เชื่อสิครับ ผมเชื่ออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าซื้อวิลล่าเพียงหลังเดียวคุณก็ยังเข้าไปไม่ได้”
“หมายความว่ายังไง?” เย่เฉินมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
ว่านเจิ้งหาวกล่าว “ผมรู้ว่าคุณเย่มีเงิน คุณหม่าบอกแล้วว่าคุณเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศนี้ บวกกับผมอยากจะก้าวเข้าในวงการเดลิเวิรี่และขนส่ง เอาแบบนี้แล้วกัน คุณซื้อวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวงของผมก็ได้ แต่ผมไม่เอาเงิน ขอเป็นหุ้น 30% ของเฉินเย่กรุ๊ปแทนได้ไหม?”