ตอนที่ 318 ความจริงที่ฉินหงเหยียนแต่งงาน!
“สวี่ฉู่หมิงไอ้คนสารเลว! กล้าขอจูบฉินหงเหยียนเชียว พ่ออยากจะซัดให้ฟันร่วงหมดปาก!”
เย่เฉินที่อยู่ในชั้นบนสุดของโรงแรมโกรธจนผุดลุกยืนขึ้น
โชคดีที่เขาแอบหย่อนเครื่องดักฟังใส่เข้าไป ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าเคยมีเรื่องพวกนี้เคยเกิดขึ้นด้วย!
แต่ว่าพอฉุกคิดขึ้นมา สวี่ฉู่หมิงกำหนดวันแต่งงานของพวกเขาสองคนแล้ว แต่แค่อยากจูบว่าที่เจ้าสาวยังต้องขออนุญาตอีกฝ่าย
นี่แปลว่าก่อนนี้สวี่ฉู่หมิงไม่เคยจุมพิตหญิงสาวมาก่อน
พอคิดแบบนี้เย่เฉินก็รู้สึกดีขึ้นมา
ใจของเย่เฉินเต้นระรัว เขาอยากจะได้ยินคำตอบของฉินหงเหยียนแต่ก็กลัวด้วย!
เย่เฉินอ่านสีหน้าอารมณ์ของคนออกแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ว่าตอนนี้เขาได้ยินแต่เสียง ไม่เห็นสีหน้าของหญิงสาว ดังนั้นจึงร้อนใจอย่างยิ่ง!
แล้วเขาจึงได้ยินหญิงสาวกล่าวช้าๆ “ขอโทษด้วย ฉัน…ทำไม่ได้”
เย่เฉินตึงเครียดแล้วก็สบายใจในทันที
และเป็นไปอย่างที่คิดฉินหงเหยียนเองยังเป็นฉินหงเหยียนคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก
สวี่ฉู่หมิงเองก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ฝืนใจหญิงสาว เขาเพียงแต่ผ่อนลมหายใจยาวพลางกล่าว
“เฮ้อ ฉันรู้ว่าเธอน่ะไม่รักฉันแล้ว เธอแต่งงานกับฉันก็แค่เพราะอยากจะบีบให้เย่เฉินยอมตัดใจ”
พอได้ยินแบบนี้เย่เฉินก็แข็งค้างไป
“หงเหยียนแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิงเพื่อบีบให้เรายอมตัดใจ? แต่…ทำไมนะ? ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?”
เครื่องดักฟังชิ้นนี้มีประโยชน์มากอย่างที่คิดเอาไว้ เขาได้รู้สาเหตุที่แท้จริงของการแต่งงานระหว่างทั้งสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว!
ฉินหงเหยียนไม่ชอบสวี่ฉู่หมิงเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวไม่อยากจะแต่งงานกับเขาด้วยซ้ำ
หล่อนยอมแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง เพียงเพื่อเลิกกับเย่เฉิน!
การเลิกกับเย่เฉินต่างหากเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของหญิงสาว!
“เราไปทำเรื่องผิดจนเกินจะให้อภัยอะไร ทำไมหล่อนถึงต้องดึงดันจะเลิกกับเราให้ได้นะ”
เย่เฉินยังคงจับต้นปลายไม่ถูก
ในหูฟังก็ได้ยินเสียงของสวี่ฉู่หมิงอีกครั้ง “แต่ว่านะ หงเหยียน ในเมื่อเธอเลือกจะแต่งงานกับฉัน แต่ไม่ยอมเป็นผู้หญิงของฉัน ทำแบบนี้ออกจะหยามกันเกินไป ไม่ว่าจะผู้ชายคนไหนก็รับไม่ได้กับการเหยียดหยามและดูหมิ่นขนาดนี้ นี่มันไม่ยุติธรรมกับฉันเกินไป”
สวี่ฉู่หมิงเริ่มโอดครวญ
เย่เฉิยเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
เขาแต่งงานกับหวังเจียเหยามาสามปี หญิงสาวไม่ยอมให้เขาแตะต้องหล่อน เขารู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้มันผ่านพ้นไปอย่างยากลำบากแค่ไหน
แต่ตอนนี้เย่เฉินกลับไม่สามารถเห็นใจสวี่ฉู่หมิงด้วยซ้ำ
。”
แต่ใครจะคิดหญิงสาวกลับเปิดปากเอ่ย “ฉู่หมิง คุณช่วยฉันมาตั้งมากมาย ฉันซาบซึ้งใจอย่างมาก รอเราแต่งงานกันเสร็จ หลังจากที่ฉันกลายเป็นภรรยาที่แท้จริงของคุณแล้ว ฉันจะ…ไม่ปฏิเสธคุณอีก”
สีหน้าสวี่ฉู่หมิงฉายแววปีติยินดี “จริงเหรอ? ก็ดี งั้นฉันจะรออีกสามวัน สามวันหลังจากนี้เราก็จะแต่งงานกัน ฉันก็จะได้ครอบครองเธออีกครั้ง!”
ฉินหงเหยียนกัดริมฝีปากน้อยๆ ไม่พูดอะไร
“หงเหยียน งั้นฉันจะไม่รบกวนเธอแล้ว ไปก่อนล่ะ”
สวี่ฉู่หมิงหันหลังเดินออกไป
และในเวลานี้เองเย่เฉินก็ร้อนรนเมื่อได้ยินคำตอบของฉินหงเหยียน
ถึงฉินหงเหยียนในตอนนี้จะปฏิเสธอีกฝ่าย แต่หลังจากกลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ก็จะไม่ปฏิเสธเขาอีก!
“ไม่ จะปล่อยให้สองคนนั้นแต่งงานกันไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมปล่อยให้ทั้งสองคนแต่งงานกัน!”
เย่เฉินกำหมัดแน่นแล้วลอบสาบานกับตนเองในใจ
ทว่าภารกิจหลักในตอนนี้ก็คือต้องสืบให้ได้ก่อนว่าทำไมฉินหงเหยียนถึงต้องเลิกกับตนเองให้ได้
เย่เฉินครุ่นคิดทั้งคืนแต่ก็คิดไม่ออก
เขานั่งบนโซฟาในห้องพัก แล้วผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่อาจรู้
แล้วจำได้เพียงแต่ว่า 8 โมงเช้าของอีกวัน เขาเดินเท้าเปล่าไปริมหน้าต่าง แล้วพบว่ามีฝนตกมาไม่น้อย
เปาะ แปะ เปาะ แปะ…
เย่เฉินแหงนมองฝนด้านนอกหน้าต่าง เหม่อลอย ขณะยังคงครุ่นคิดแต่เรื่องของฉินหงเหยียน
“ไม่รู้ว่าวันนี้สวี่ฉู่หมิงจะยังสวมสูทตัวเดิมหรือเปล่า”
เครื่องดักฟังถูกซ่อนเอาไว้ในเสื้อสูทของสวี่ฉู่หมิง ถ้าหากวันนี้เขาเปลี่ยนเสื้อละก็เกรงว่าคงจะไม่สามารถดักฟังต่อได้แล้ว
เย่เฉินครุ่นคิดแล้วก็เดินกลับไปเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อค้นดูตำแหน่งของสวี่ฉู่หมิง
เย่เฉินพบว่าจุดแดงๆ กำลังเคลื่อนที่อยู่ นั่นก็แปลว่าเขากำลังเคลื่อนไหว เท่ากับว่าวันนี้เขาไม่ได้เปลี่ยนสูท ยังคงใส่เสื้อตัวเดิมกับเมื่อวาน !
“ดีมาก เขาควรจะไปหาฉินหงเหยียนอีก สวี่ฉู่หมิงคุยกับฉินหงเหยียนเยอะๆ เถอะ ให้ได้รู้ความจริงเร็วๆ ทีเถอะ!”
ตอนประมาณ 8 โมงครึ่ง สวี่ฉู่หมิงก็มาถึงวิลล่าอ้ายฉินไห่ซานจวง
ทันทีที่เข้าไปด้านใน สวี่ฉู่หมิงก็สบถออกมาทันที “ไอ้เปรตเย่เฉิน เมื่อวานทุบกระจกวิลล่าฉันพังหมดเลย หงเหยียนเมื่อวานนอนหลับหนาวแย่เลยล่ะสิ? เฮ้อ รู้แบบนี้พาเธอกลับไปนอนที่วิลล่าฉันในเมืองดีกว่า”
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า “ไม่หนาว หน้าต่างชั้นล่างไม่แตก ฉันก็เลยนอนชั้นหนึ่ง จริงสิ คุณมาทำไมตั้งแต่เช้า?”
สวี่ฉู่หมิงกล่าว “อ้อ ฉันตั้งใจจะเอาเยลลี่เต้าหู้ที่เธอชอบกินตอนเด็กๆ มาให้ นี่เป็นร้านที่เคยเปิดแถวบ้านเธอตอนนั้น ลองชมดูหน่อยสิว่ารสชาติยังเหมือนเดิมหรือเปล่า ”
เยลลี่เต้าหู้จานเด็ดนี้เป็นอาหารเช้าที่ฉินหงเหยียนชอบกินมากตอนเด็กๆ หล่อนไม่ได้กินมานานแล้ว
“ขอบคุณ”
ฉินหงเหยียนชิมแล้วกล่าว “รสชาติเหมือนเดิมเลยค่ะ”
บนใบหน้าสวี่ฉู่หมิงเผยรอยยิ้มออกมา “นอกจากเอาอาหารเช้ามาให้เธอ ก็มีอีกเรื่อง เมื่อก่อนฉันเคยพูดถึงตระกูลซูให้เธอฟัง ตระกูลซูจากเมืองหลวงเคยช่วยฉันเอาไว้ไม่น้อยเมื่อหลายปีก่อน ตระกูลของพวกเขาเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในประเทศนี้
ฉันส่งบัตรเชิญไปที่ตระกูลซู เมื่อกี้เพิ่งมีคนโทรมาบอกฉันว่าวันนี้คนรุ่นที่สามของตระกูลซู ทั้งซูมู่ชิงและซูมู่หลินมาถึงเมืองเสินเฉิงแล้ว แล้วชวนเราไปกินข้าวเที่ยงด้วย”
ซูมู่ชิง!
พอได้ยินชื่อซูมู่ชิง เย่เฉินและฉินหงเหยียนก็ตัวแข็งค้างไป
เย่เฉินเคยบอกฉินหงเหยียน ว่าแม่ของเด็กหญิงวัยสามขวบที่เป็นลูกสาวคนใหม่ของเขาชื่อซูมู่ชิง!
“เป็นอะไรไป หงเหยียน เธอรู้จักพวกเขาเหรอ?” สวี่ฉู่หมิงเห็นสีหน้าตกใจของฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนส่ายหน้า“ไม่รู้จักหรอก แต่เคยได้ยินเย่เฉินพูดว่าแม่ของเด็กหญิงอายุ 3 ขวบคนนั้นชื่อซูมู่ชิง ช่วงก่อนเขาอยู่กับสองคนแม่ลูกนั่นตลอด”
สวี่ฉู่หมิงเข้าใจทุกอย่างทันที “ฉันก็ว่าทำไมเด็กสองคนนั้นถึงได้มาที่เมืองเสินเฉิงก่อนงานเริ่ม แถมยังระบุเจาะจงเชิญเราสองคนไปกินข้าว ตระกูลซูเป็นตระกูลใหญ่โต มีหน้ามีตา ตอนแรกคิดว่าพวกเขาน่าจะส่งคนรุ่นหลานมาสักคนเดินๆ ในงานเรา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาก่อนวันงานเสียอีก”
หงเหยียน ดูท่าแล้วอาหารมื้อนี้ไม่ได้อยากจะเจอฉันหรอก แต่มาเพื่อเจอหน้าเธอ เอายังไง อยากเจอซูมู่ชิงไหม?”
ทันใดนั้นเองฉินหงเหยียนก็นึกถึงคำพูดในตอนนั้นที่เย่เฉินเคยพูดตอนที่ขอโทษขอโพยตนเอง “ถึงแม้ว่าซูมู่ชิงจะดีทุกอย่าง…”
ฉินหงเหยียนก็รับปากทันที “ได้ ฉันจะไปพบหล่อน!”
ลมเพชรหึงพุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ ฉินหงเหยียนต้องการจะเห็นกับตาตนเองว่าซูมู่ชิงคนนี้ดีเลิศประเสริฐศรีขนาดไหน!