พลั่ก!
จู่ ๆ ฉินหยูก็หยุดเดินอย่างกะทันหันจนเย่เชียนชนเข้ากับเธอโดยไม่ตั้งใจ แต่ส่วนที่น่าอึดอัดใจที่สุดก็คือช่วงล่างของเย่เชียนดันไปชนเข้ากับบั้นท้ายของฉินหยูเข้าพอดี!
เย่เชียนรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่อบอุ่น เขาจึงเผลอใจไปแวบหนึ่งแต่ก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เช่นนั้น ทว่าทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นใบหน้าของฉินหยูที่ขมวดคิ้วอย่างโกรธเคืองจึงรีบก้าวถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
คุณผู้หญิงฉินทำไมถึงหยุดกะทันหันล่ะ ? เย่เชียนพยายามจะบอกฉินหยูว่าเธอจะมาตำหนิเขาไม่ได้ เนื่องจากมันเป็นความผิดของเธอเองที่หยุดเดินอย่างกะทันหันโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า และเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปชนเธอ
ใบหน้าที่ดูเย็นชาของฉินหยูนั้นน่ากลัวมาก สรีระส่วนนั้นของเธอไม่เคยถูกใครสัมผัสมาก่อน แต่ตอนนี้มันกลับถูกสัมผัสโดยผู้ชายที่มีแววตาดุจดั่งอสูรร้ายตนนี้
หน้าด้าน! ไร้ยางอาย!!! ฉินหยูด่าว่าเย่เชียนอย่างโกรธจัดเพราะเมื่อครู่นี้เธอรู้สึกได้ถึงการแข็งตัวจากช่วงล่างของเย่เชียน และมันก็ทำให้เธอคิดในใจว่าทำไมถึงได้มีคนที่หน้าด้านไร้ยางอายขนาดนี้อยู่ที่นี่ในเวลานี้ด้วย
ในอาณาจักรแห่งอสูรร้าย เขานั้นเปรียบได้กับราชาอสูรที่เหี้ยมโหดเลยก็ว่าได้
เย่เชียนได้ยินคำด่าของฉินหยูจึงรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย เขาเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมมาโดยตลอด คำพูดของเธอไม่เท่ากับการใส่ร้ายหรอกหรือ ? เย่เชียนยอมรับว่าเขาอาจทำตัวแย่ในบางครั้ง แต่สำหรับครั้งนี้มันเห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนผิดแต่เธอกลับมาโทษเขาเสียอย่างนั้น เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและพูดว่า
คุณด่าใครน่ะ ? แล้วผมไปทำเรื่องไร้ยางอายกับคุณตอนไหน ?
นาย… นายแค่… ฉินหยูพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะพูดว่า เย่เชียนเพิ่งใช้ ‘อวัยวะ’ อันแข็งแกร่งเลวทรามที่อยู่ส่วนล่างของร่างกายของเขามาสัมผัสกับบั้นท้ายของเธอ
ทำกันขนาดนี้มันจะไม่ไร้ยางอายได้อย่างไร ?!
แต่อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้พูดออกมา เธอเป็นหญิงสาวที่ยังไร้เดียงสา ไม่เหมือนพวกแม่บ้านที่กระหายน้ำ แล้วคำพูดบัดสีเหล่านี้จะออกมาจากปากของเธอได้อย่างไร อีกทั้งถ้าเธอพูดมันออกมาได้จริง ๆ มันก็อาจจะทำให้ผู้อื่นฟังดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นคู่รักหนุ่มสาวที่ทะเลาะกันอยู่
เย่เชียนไม่ใช่คนที่ไม่มีไหวพริบที่ไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร เขารู้ว่าเมื่อใดที่ควรหยุด เนื่องจากฉินหยูไม่ได้พูดอะไรอีก เขาจึงเลือกที่จะไม่โต้แย้งเช่นกัน เขารู้สึกว่ามันแย่เกินไปที่เขาสร้างความประทับใจแรกกับเธออย่างพังไม่เป็นท่า ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็รู้สึกสนใจในตัวของผู้หญิงคนนี้อย่างมาก เพราะหากเขาสัมผัสกับแอปเปิลสุกใหม่ ๆ ที่ยังเคยไม่ถูกหนอนแทะชอนไช มันก็จะเป็นเฉกเช่นนี้แล
ฟังฉันนะ… ฉันเป็นอาจารย์ของนาย ครั้งต่อไปนายต้องเรียกฉันว่าอาจารย์ฉิน… ไม่ใช่มาเรียกคุณผู้หญิงฉินอะไรก็ไม่รู้แบบที่นายเรียกเมื่อกี๊ เข้าใจมั้ย ?! ฉินหยูพูดอย่างโกรธเคือง
ไม่มีปัญหา… แต่ผมรู้สึกว่าการเรียกคุณว่าคุณผู้หญิงมันฟังดูดีมากกว่า แล้วทำไมคุณถึงไม่เรียกผมว่าเย่เชียนล่ะ ? ผมจะได้เรียกคุณว่าฉินหยูหรือไม่ก็หยูหยู่ มันจะดีมาก ๆ เลยแหละ เย่เชียนตอบอย่างจริงจัง
หยูหยู่…
เมื่อฉินหยูได้ยินชื่อนี้เธอก็จ้องมองเด็กไร้ยางอายตรงหน้าเธออย่างโกรธเคือง เขาต้องการที่จะเรียกเธอด้วยชื่อนี้งั้นเหรอ ? เหอะ! ฝันไปเถอะ!
จะให้ฉันบอกนายอย่างตรงไปตรงมาดีมั้ย ? ตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันเจอนาย ฉันก็เกลียดขี้หน้านายแล้ว ถ้าผู้อำนวยการหวางไม่ได้ใส่ชื่อนายไว้ในคลาสเรียนของฉันล่ะก็ ฉันจะไม่เอาขยะอย่างนายมาทิ้งไว้ในห้องของฉันให้มันสกปรกหรอก!
เย่เชียนเพียงแค่ยักไหล่และดูเหมือนจะไม่แยแสกับคำดูถูกเหยียดหยามของฉินหยูเลยสักนิด ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับผู้ชาย คำด่าทอของผู้หญิงมีความหมายสองอย่างคือระหว่างรักกับเกลียด ดังนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเลือกที่จะตีความหมายของมันไปในทิศทางไหน
เย่เชียนมาไกลเกินกว่าที่จะถอนตัว เขาจึงต้องหน้าด้านหน้าทนเข้าไว้ ซึ่งโชคดีที่เขามีคุณสมบัติสำคัญเช่นนี้อยู่แล้ว…
ถ้างั้น… ผมขอบอกคุณอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกัน ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณ ผมก็ชอบคุณมากเลย! แต่ถ้าหากคุณปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามที่ผู้อำนวยการหวางบอกและไม่ให้ผมเข้าเรียน ผมก็คงต้องหาวิธีอื่นเพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณให้ได้ เย่เชียนตอบอย่างเฉียบขาด
นาย…! ฉินหยูโกรธมากจนพูดอะไรไม่ออก เธอตะคอกและหันหลังให้เขาก่อนจะพูดอย่างหงุดหงิดว่า ตามฉันมา! ฉันจะบอกนายให้ว่านายไม่ควรทำผิดอีก ถ้านายต้องการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันจริง ๆ ล่ะก็… นายควรทำตัวดี ๆ ซะ
เย่เชียนยิ้มอย่างมีความสุขและจงใจพูดลากเสียงเพื่อกวนเธอ ไม่มีปัญหาครับโผมมมม… ผมเป็นเด็กดีขนาดนี้จะทำผิดอะไรได้ยังไงล่ะ ? คุณอยู่อย่างสบายใจได้เลยในขณะที่รอให้ผมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ!
เฮ้อ… ฉินหยูถอนหายใจอย่างใจเย็นและไม่ได้พูดอะไรอีก เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยราวกับราชินีน้ำแข็งที่แสนจะเยือกเย็นทว่ามีเสน่ห์อย่างเหลือล้น
ตอนนี้เธอไม่อยากจะชวนเย่เชียนทะเลาะอีกแล้ว ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะปิดปากอย่างคนฉลาด มิเช่นนั้นหากเธอพูดอะไรบางอย่างออกไปก็อาจจะทำให้เย่เชียนได้ใจมากยิ่งขึ้น
……
วิชาเอกภาษาฝรั่งเศสไม่ใช่วิชาที่เป็นที่นิยมในประเทศจีนมากนัก และแม้ว่ามหาวิทยาลัยนานาชาติจะมีหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านก็ตาม ทว่าแต่ละคลาสเรียนก็มีนักศึกษาอยู่เพียงไม่กี่คน
เมื่อพวกเขามาถึงประตูห้องเรียนหมายเลขสาม ฉินหยูก็หันไปเผชิญหน้าเย่เชียนอีกครั้งแล้วพูดว่า เข้ามา! จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปก่อน
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดว่า เชิญครับ คุณผู้หญิง จากนั้นเขาก็ตามเธอเข้าไป
เมื่อเย่เชียนเหยียบเท้าลงบนแท่นโพเดี้ยม ดวงตาของเขาก็กวาดไปทั่วทุกมุมห้องอย่างรวดเร็ว ในห้องเรียนนี้มันเต็มไปด้วยนักศึกษาซึ่งเนืองแน่นเสียจนแทบจะไม่มีพื้นที่เหลือ
ในคลาสเรียนนี้มีผู้หญิงเพียงสิบคนเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกสี่สิบคนเป็นผู้ชายทั้งหมด เขาตกตะลึงไปชั่วครู่และคิดในใจว่าการเรียนภาษาฝรั่งเศสในปัจจุบันนี้มันเรียนง่ายจริง ๆ แล้วเหรอ ทำไมถึงมาเรียนกันมากขนาดนี้ ? และเขาจะรู้ได้อย่างไรว่านักศึกษาที่นั่งอยู่ในห้องตอนนี้เป็นนักศึกษาเอกภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด
การที่พวกนักศึกษาชายเหล่านี้เลือกคลาสเรียนนี้นี่คือไม่มีเหตุผลอื่น ๆ แฝงอยู่จริง ๆ เหรอ ? หรือว่าเลือกเพราะคลาสเรียนห้องสามของวิชาภาษาฝรั่งเศสมีสาวสวยอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีอาจารย์ที่ปรึกษาที่หน้าตาสวยระดับเทพธิดาเป็นอาจารย์ประจำวิชาอีกต่างหาก
หลังจากที่เย่เชียนสอดส่องไปทั่วห้อง เขาก็ไม่พบไดโนเสาร์ในหมู่นักศึกษาหญิงเลยสักคน เขาแปลกใจอย่างมากและคิดกับตัวเองอยู่ในใจว่า ‘หือ ? ที่นี่มันคลาสเรียนของจ้าวหยาไม่ใช่เหรอ ? เลขาหูวเก๋อก็บอกอย่างชัดเจนแล้วหนิว่านี่เป็นคลาสเรียนของเธอ… หรือว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเข้าเรียน ?’
เย่เชียนมองนักศึกษาในห้องและนักศึกษาในห้องก็มองเขากลับมาเช่นกัน โดยเฉพาะพวกผู้หญิงทั้งหลาย วินาทีที่พวกเธอเห็นเย่เชียนเดินเข้ามา สายตาของพวกเธอก็จับจ้องกันตาเป็นมัน ดวงตาของพวกเธอเปล่งประกายด้วยความหลงใหลและตื่นเต้น พวกเธอเคยเห็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาหลายคนในสถาบันแห่งนี้ แต่พวกเธอไม่เคยเห็นใครโดดเด่นเฉกเช่นเย่เชียนมาก่อนเลย เขาดูมีความเป็นลูกผู้ชายตัวจริงจนพวกเธอคิดกับตัวเองในใจ
‘สุดหล่อคนนี้เป็นอาจารย์คนใหม่งั้นเหรอ ? แม้เขาจะดูเป็นผู้ใหญ่แต่เขาหล่อมาก ๆ อะ’
นี่คือเย่เชียน… นักศึกษาแลกเปลี่ยนที่เพิ่งเข้ามาใหม่วันนี้ ฉินหยูแนะนำเย่เชียนแล้วก็ชี้ไปยังที่นั่งที่ว่างซึ่งอยู่ตรงมุมห้องพร้อมพูดว่า นายไปนั่งตรงนั้นก็แล้วกัน
เมื่อเหล่านักศึกษาหญิงได้ยินว่าเย่เชียนเป็นนักศึกษาใหม่ พวกเธอก็เผยรอยยิ้มมีความสุข เพราะถึงแม้ว่าสังคมจะก้าวหน้าไปขนาดไหนแล้วก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับนักศึกษาก็ยังคงไม่เหมาะไม่ควรอยู่ดี แต่ถ้าหากว่าเย่เชียนเป็นนักศึกษาแล้วล่ะก็ ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์แบบตามความปรารถนาของเหล่านักศึกษาหญิง!
ในทางกลับกัน เมื่อนักศึกษาชายเหล่านั้นได้ยินว่าเย่เชียนเป็นนักศึกษา พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขามองเย่เชียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามและพากันคิดในใจว่าถ้าพวกเขาเป็นพ่อของเย่เชียนก็คงไม่กล้าส่งลูกมาเรียนแน่ ๆ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเหล่านั้นคิดว่าเย่เชียนแก่เกินกว่าที่จะมาเรียนมหาวิทยาลัยได้ และเขาคงต้องเป็นผู้ชายที่อนาคตไม่ค่อยดีนักถึงมาเรียนเอาป่านนี้ พวกเขาไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวเย่เชียนเลยสักนิด