“อย่าลืมสิว่าเราจะต้องไปงานราตรีกันคืนนี้… นายคงไม่ปล่อยให้ฉันไปคนเดียวหรอกใช่มั้ย ?” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินหยูก็พูดขึ้นมา
“ไม่หรอกหน่า… ผมกำลังจะโทรหาคุณให้มารับผมอยู่นี่แหละ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจู่ ๆ คุณจะมาโผล่ที่นี่ซะอย่างงั้น ใจเราสองคนนี่มันตรงกันจริง ๆ เลยนะเนี่ย” เย่เชียนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หลังจากพูดจบ เย่เชียนก็หันไปหาเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ และโบกมือพร้อมพูดว่า “ลาก่อนนะทุกคน… ถ้าว่าง ๆ เดี๋ยวผมจะแวะมาอีก ผมยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากเล่าให้ฟัง”
“โธ่เอ๊ย! คุณน่ะเอาแต่พูดเรื่องขี้โม้เกินจริงไปเรื่อย พวกเราจะไม่เชื่อคุณแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปหาฉินหยู เขาวางมือบนไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้ ๆ หูของเธอและกระซิบว่า “กลับบ้านกันเถอะ…”
ความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งคู่นั้นทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกอิจฉาอย่างมาก เย่เชียนเป็นผู้ชายและพวกเขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ทำไมพวกเขาถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ ? เย่เชียนมีเทพธิดาอยู่ข้างกาย แต่พวกเขาทำได้แค่ดูดารา AV และสื่อลามกอนาจารไปวัน ๆ เท่านั้นเอง
ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนอย่างเดือดดาล
“ปล่อยนะ! ไม่งั้นนายอย่ามาโทษฉันสำหรับสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ”
“แหม… คุณไม่ใช่แฟนของผมหรอกเหรอ ? มันไม่แปลกตรงไหนหรอกหน่าที่ผู้ชายจะกอดแฟนตัวเองน่ะ หึ ๆ ๆ” พูดจบ เย่เชียนก็หัวเราะชอบใจ
ฉินหยูพยายามดิ้นรนเล็กน้อยแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เธอจึงไม่มีทางอื่นนอกจากจำใจยอมรับมัน เธอรู้สึกโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจเพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้โกงชอบฉวยโอกาส แต่แล้วเธอก็วางมือของเธอที่เอวของเย่เชียน จากนั้นก็บีบและบิดมันอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!” เย่เชียนร้องอุทานขึ้นด้วยความเจ็บปวด เขามองไปที่ฉินหยูอย่างไม่พอใจและพูดว่า “คราวหน้าคุณช่วยเปลี่ยนที่หน่อยได้มั้ย ? ทำไมทุกครั้งที่หยิก คุณต้องเลือกหยิกที่เดิมด้วยล่ะ ? มันเจ็บนะ”
ฉินหยูจ้องกลับมาที่เย่เชียน แต่เธอก็ไม่อยากที่จะโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป เธอยังคงขับแลมโบกินี่สุดโก้คันเดิม และเมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เห็น พวกเขาต่างก็ประหลาดใจและคิดกันว่าผู้ชายคนนี้โชคดีกับความรักเกินไปแล้ว ไม่เพียงแค่เธอคนนี้เป็นดั่งเทพธิดา แต่เธอยังร่ำรวยมากอีกด้วย
……
“เราจะไปที่ไหนกันน่ะ ?” เย่เชียนถามเมื่อพวกเขาอยู่ในรถ
“โรงแรม” ฉินหยูตอบอย่างเฉยเมย
“หะ… หา ?” เย่เชียนหน้าซีดด้วยความตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบฉินหยูก็ตาม แต่สิ่งต่าง ๆ มันก็ยังเร็วเกินไป เย่เชียนก้มหน้าลงเล็กน้อยและพูดอย่างเหนื่อยล้า
“คุณ… คุณไม่ได้ต้องการจะทำอะไรกับผมใช่ไหม ? ถึงผมจะไม่ใช่ผู้ชายหัวโบราณ แต่เราก็เพิ่งจะรู้จักกันในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเอง เราสองคนค่อย ๆ ดูใจกันไปก่อนดีกว่ามั้ย ?”
เมื่อเห็นเย่เชียนทำตัวเหมือนเด็กไร้เดียงสา ฉินหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอมองเย่เชียนด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“นายคิดอะไรของนายน่ะ ? ฉันเดาว่านายคงไม่ได้อาบน้ำมาตั้งหลายวันแล้ว รู้มั้ยว่าตัวนายน่ะมีแต่กลิ่นเหงื่อเต็มไปหมด”
เย่เชียนดึงเสื้อของเขาขึ้นมาที่จมูกและดมมัน จากนั้นก็พูดว่า “ผมเป็นผู้ชายนะ… นี่มันเป็นกลิ่นของผู้ชาย คุณไม่รู้เหรอ ?”
“ผู้ชาย…? ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีกลิ่นแบบนี้” ฉินหยูตอบและพูดต่อ “เอาเถอะ… ก่อนที่เราจะไปที่โรงแรมกัน ฉันจะพานายไปที่อื่นก่อน”
“ไปที่ไหน ?” เย่เชียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฉินหยูพูดขณะมองเขา “นี่นายวางแผนที่จะไปงานราตรีทั้ง ๆ แบบนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ ? อย่าคิดนะว่าฉันจะปล่อยให้นายไปแบบนั้น ก่อนอื่นเลย… เราต้องไปหาซื้อเสื้อผ้า เสร็จแล้วเราค่อยไปที่โรงแรมเพื่ออาบน้ำแต่งตัว”
เย่เชียนก้มมองไปที่เสื้อผ้าของเขาก่อนจะตระหนักได้ในที่สุดว่าชุดที่เขาใส่อยู่นี้มันคงไม่เหมาะกับการใส่ไปงานราตรีกับฉินหยูอย่างแน่นอน
“แต่ผมไม่มีเงินเลย… แล้วผมจะไปซื้อเสื้อผ้ากับคุณได้ยังไง ?” เย่เชียนถามอย่างหดหู่ใจ
“ในเมื่อนายสัญญาที่จะเป็นบอดี้การ์ดของฉันแล้ว ฉันก็แค่จ่ายให้นายไปก่อนแล้วค่อยไปหักจากค่าจ้างของนายเอาทีหลัง” ฉินหยูตอบอย่างเฉยเมยและพูดต่ออีกว่า “ผู้ชายจะไม่ใส่สูทหล่อ ๆ เนี้ยบ ๆ ได้ยังไง ? ถ้าใครเขาเห็นเข้า พวกเขาอาจคิดว่าฉันกำลังเหยียดหยามบอดี้การ์ดของตัวเองก็ได้”
“หน้าขาว ๆ เรียว ๆ หล่อ ๆ แบบผมเนี่ยนะ ? ใครจะกล้ามาเหยียดหยาม ?!” เย่เชียนพูดอย่างขุ่นเคือง
“นายเนี่ยนะ ? ขอโทษย่ะ ตอนนี้นายดูเหมือนก้อนถ่านหินดำ ๆ มากกว่าผู้ชายที่หน้าขาวเรียวหล่ออย่างที่นายว่า” ฉินหยูตอบไปด้วยอมยิ้มไปด้วย
เย่เชียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ผิวของเขาดูคล้ำแค่เพียงนิดเดียว แต่นั่นมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นลูกผู้ชาย เธอจะมาเปรียบเทียบเขากับถ่านหินได้อย่างไร ? นี่มันเป็นการเหยียดสีผิวกันชัด ๆ
เย่เชียนเบะปากเล็กน้อยอย่างขุ่นเคือง แต่จากนั้นเขาก็ลดระดับเบาะลงและเอนตัวลงนอนหลับตาทำทีเป็นไม่สนใจผู้หญิงคนนี้อีก
ฉินหยูเหลือบมองไปที่เย่เชียนและไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เธอก็แอบคิดอยู่ในใจว่าเธอพูดแรงเกินไปหรือเปล่า เธอทำร้ายความรู้สึกของเขาไปแล้วจริง ๆ งั้นหรือ ? เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาคงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่ใจในคุณค่าและรูปลักษณ์ของตัวเอง แล้วเธอดันไปพูดว่าเขาดำเหมือนถ่านหิน
ฉินหยูที่กำลังรู้สึกผิดอยู่ในใจนั้น หารู้ไม่ว่าในเวลานี้เย่เชียน ผู้ชายที่ขี้โกงคนนี้กำลังนอนอยู่บนเบาะอย่างสบาย ๆ โดยคิดเรื่องหยาบโลนอยู่ในหัวโดยไม่ได้รู้สึกเศร้ากับเรื่องเมื่อกี๊นี้เลย เขามองไปที่ผิวอันขาวเนียนของเธอ ตั้งแต่แขนเสื้อไปจนถึงกระโปรงสั้น ๆ และต้นขาอันขาวจั๊วะ เขากำลังจินตนาการว่าถ้าเขาได้มีอะไรกันบนรถกับเธอ มันคงจะยอดเยี่ยมมาก
ไม่นานนักฉินหยูก็ขับรถมาจอดในชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าสุดหรู เธอหันไปหาเย่เชียนที่ผล็อยหลับไประหว่างทางและจ้องมองใบหน้าเขาด้วยความงุนงง เธอไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน บางสิ่งบางอย่างดลใจให้เธอขยับเข้าไปมองหน้าเขาใกล้ ๆ เธออดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ช่างหล่อเหลาเอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลเป็นบนใบหน้าของเขานั้น มันยิ่งทำให้เขาดูน่าลุ่มหลงอย่างช่วยไม่ได้
ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังมีความฝันแบบไหนอยู่ในตอนนี้ ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยขณะที่กำลังหลับราวกับว่าเขากำลังยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มเสียทีเดียว
ฉินหยูไม่สามารถละสายตาไปจากเย่เชียนได้เลย จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ พุ่งพรวดเข้ามาในหัวของเธอ และแล้ว… เธอก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไป…
วินาทีนี้ฉินหยูไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่ความต้องการที่จะประทับจูบลงบนริมฝีปากของเย่เชียนให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นว่าเปลือกตาของเขาเปิดขึ้นและมีประกายวาววับในดวงตา
ฉินหยูผงะถอยหลังด้วยความตกใจพลันคิด ‘บ้าจริง! พอเห็นแววตาเขา ฉันก็แน่ใจขึ้นมาเลยว่าเขาตื่นอยู่ตลอดเวลาและเสแสร้งแกล้งทำเป็นหลับ’
เนื่องจากฉินหยูใช้เวลานานมาก แต่ก็ยังไม่จูบสักที เย่เชียนจึงอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาและส่งรอยยิ้มจาง ๆ ให้เธอ จากนั้นก็พูดอย่างแผ่วเบา
“หยูหยู่… ดูเหมือนคุณจะห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วสินะ ?”
ฉินหยูรู้สึกโกรธระคนอับอาย เธอบีบเอวของเขาอย่างรุนแรงไปอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็รีบออกจากรถและสาวเท้าไปที่ลิฟต์ทันที
“ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย…? ทำไมฉันถึงทำแบบนั้น…” ฉินหยูพึมพำกับตัวเองอย่างเขินอาย “ไอ้คนบ้า… นายกล้าหลอกฉันงั้นเหรอ ? ฮึ่ม!”
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และวิ่งตามเธอไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ฉุนเฉียวของเธอ เขาก็ตกใจและกลืนคำพูดหยอกล้อที่เขากำลังคิดจะพูดลงไป เขารู้สึกผิดอยู่ในใจจึงไม่อยากจะยั่วยุผู้หญิงคนนี้อีกในเวลานี้
เขาสงบปากสงบคำพลางมองหน้าเธอ เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ขาวใสและงดงามของฉินหยูใกล้ ๆ ไหนจะขนตางอนยาวและดวงตากลมโตที่เป็นประกายซึ่งกำลังสั่นไหวอยู่เล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่หัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง…
เนื่องจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ฉินหยูจึงรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดคุยกับเขาได้ ใบหน้าของเธอหวนกลับไปสู่ความเย็นชาเหมือนเคย แต่ในหัวใจเธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์ในรถ
“อย่าลืมสิว่าเราจะต้องไปงานราตรีกันคืนนี้… นายคงไม่ปล่อยให้ฉันไปคนเดียวหรอกใช่มั้ย ?” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินหยูก็พูดขึ้นมา
“ไม่หรอกหน่า… ผมกำลังจะโทรหาคุณให้มารับผมอยู่นี่แหละ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจู่ ๆ คุณจะมาโผล่ที่นี่ซะอย่างงั้น ใจเราสองคนนี่มันตรงกันจริง ๆ เลยนะเนี่ย” เย่เชียนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
หลังจากพูดจบ เย่เชียนก็หันไปหาเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ และโบกมือพร้อมพูดว่า “ลาก่อนนะทุกคน… ถ้าว่าง ๆ เดี๋ยวผมจะแวะมาอีก ผมยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากเล่าให้ฟัง”
“โธ่เอ๊ย! คุณน่ะเอาแต่พูดเรื่องขี้โม้เกินจริงไปเรื่อย พวกเราจะไม่เชื่อคุณแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปหาฉินหยู เขาวางมือบนไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้ ๆ หูของเธอและกระซิบว่า “กลับบ้านกันเถอะ…”
ความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งคู่นั้นทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกอิจฉาอย่างมาก เย่เชียนเป็นผู้ชายและพวกเขาเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ทำไมพวกเขาถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ ? เย่เชียนมีเทพธิดาอยู่ข้างกาย แต่พวกเขาทำได้แค่ดูดารา AV และสื่อลามกอนาจารไปวัน ๆ เท่านั้นเอง
ฉินหยูจ้องมองเย่เชียนอย่างเดือดดาล
“ปล่อยนะ! ไม่งั้นนายอย่ามาโทษฉันสำหรับสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ”
“แหม… คุณไม่ใช่แฟนของผมหรอกเหรอ ? มันไม่แปลกตรงไหนหรอกหน่าที่ผู้ชายจะกอดแฟนตัวเองน่ะ หึ ๆ ๆ” พูดจบ เย่เชียนก็หัวเราะชอบใจ
ฉินหยูพยายามดิ้นรนเล็กน้อยแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เธอจึงไม่มีทางอื่นนอกจากจำใจยอมรับมัน เธอรู้สึกโกรธเกรี้ยวอยู่ในใจเพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนขี้โกงชอบฉวยโอกาส แต่แล้วเธอก็วางมือของเธอที่เอวของเย่เชียน จากนั้นก็บีบและบิดมันอย่างรุนแรง
“โอ๊ย!” เย่เชียนร้องอุทานขึ้นด้วยความเจ็บปวด เขามองไปที่ฉินหยูอย่างไม่พอใจและพูดว่า “คราวหน้าคุณช่วยเปลี่ยนที่หน่อยได้มั้ย ? ทำไมทุกครั้งที่หยิก คุณต้องเลือกหยิกที่เดิมด้วยล่ะ ? มันเจ็บนะ”
ฉินหยูจ้องกลับมาที่เย่เชียน แต่เธอก็ไม่อยากที่จะโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป เธอยังคงขับแลมโบกินี่สุดโก้คันเดิม และเมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เห็น พวกเขาต่างก็ประหลาดใจและคิดกันว่าผู้ชายคนนี้โชคดีกับความรักเกินไปแล้ว ไม่เพียงแค่เธอคนนี้เป็นดั่งเทพธิดา แต่เธอยังร่ำรวยมากอีกด้วย
……
“เราจะไปที่ไหนกันน่ะ ?” เย่เชียนถามเมื่อพวกเขาอยู่ในรถ
“โรงแรม” ฉินหยูตอบอย่างเฉยเมย
“หะ… หา ?” เย่เชียนหน้าซีดด้วยความตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบฉินหยูก็ตาม แต่สิ่งต่าง ๆ มันก็ยังเร็วเกินไป เย่เชียนก้มหน้าลงเล็กน้อยและพูดอย่างเหนื่อยล้า
“คุณ… คุณไม่ได้ต้องการจะทำอะไรกับผมใช่ไหม ? ถึงผมจะไม่ใช่ผู้ชายหัวโบราณ แต่เราก็เพิ่งจะรู้จักกันในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเอง เราสองคนค่อย ๆ ดูใจกันไปก่อนดีกว่ามั้ย ?”
เมื่อเห็นเย่เชียนทำตัวเหมือนเด็กไร้เดียงสา ฉินหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอมองเย่เชียนด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“นายคิดอะไรของนายน่ะ ? ฉันเดาว่านายคงไม่ได้อาบน้ำมาตั้งหลายวันแล้ว รู้มั้ยว่าตัวนายน่ะมีแต่กลิ่นเหงื่อเต็มไปหมด”
เย่เชียนดึงเสื้อของเขาขึ้นมาที่จมูกและดมมัน จากนั้นก็พูดว่า “ผมเป็นผู้ชายนะ… นี่มันเป็นกลิ่นของผู้ชาย คุณไม่รู้เหรอ ?”
“ผู้ชาย…? ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายจะมีกลิ่นแบบนี้” ฉินหยูตอบและพูดต่อ “เอาเถอะ… ก่อนที่เราจะไปที่โรงแรมกัน ฉันจะพานายไปที่อื่นก่อน”
“ไปที่ไหน ?” เย่เชียนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฉินหยูพูดขณะมองเขา “นี่นายวางแผนที่จะไปงานราตรีทั้ง ๆ แบบนั้นจริง ๆ น่ะเหรอ ? อย่าคิดนะว่าฉันจะปล่อยให้นายไปแบบนั้น ก่อนอื่นเลย… เราต้องไปหาซื้อเสื้อผ้า เสร็จแล้วเราค่อยไปที่โรงแรมเพื่ออาบน้ำแต่งตัว”
เย่เชียนก้มมองไปที่เสื้อผ้าของเขาก่อนจะตระหนักได้ในที่สุดว่าชุดที่เขาใส่อยู่นี้มันคงไม่เหมาะกับการใส่ไปงานราตรีกับฉินหยูอย่างแน่นอน
“แต่ผมไม่มีเงินเลย… แล้วผมจะไปซื้อเสื้อผ้ากับคุณได้ยังไง ?” เย่เชียนถามอย่างหดหู่ใจ
“ในเมื่อนายสัญญาที่จะเป็นบอดี้การ์ดของฉันแล้ว ฉันก็แค่จ่ายให้นายไปก่อนแล้วค่อยไปหักจากค่าจ้างของนายเอาทีหลัง” ฉินหยูตอบอย่างเฉยเมยและพูดต่ออีกว่า “ผู้ชายจะไม่ใส่สูทหล่อ ๆ เนี้ยบ ๆ ได้ยังไง ? ถ้าใครเขาเห็นเข้า พวกเขาอาจคิดว่าฉันกำลังเหยียดหยามบอดี้การ์ดของตัวเองก็ได้”
“หน้าขาว ๆ เรียว ๆ หล่อ ๆ แบบผมเนี่ยนะ ? ใครจะกล้ามาเหยียดหยาม ?!” เย่เชียนพูดอย่างขุ่นเคือง
“นายเนี่ยนะ ? ขอโทษย่ะ ตอนนี้นายดูเหมือนก้อนถ่านหินดำ ๆ มากกว่าผู้ชายที่หน้าขาวเรียวหล่ออย่างที่นายว่า” ฉินหยูตอบไปด้วยอมยิ้มไปด้วย
เย่เชียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ผิวของเขาดูคล้ำแค่เพียงนิดเดียว แต่นั่นมันแสดงให้เห็นถึงความเป็นลูกผู้ชาย เธอจะมาเปรียบเทียบเขากับถ่านหินได้อย่างไร ? นี่มันเป็นการเหยียดสีผิวกันชัด ๆ
เย่เชียนเบะปากเล็กน้อยอย่างขุ่นเคือง แต่จากนั้นเขาก็ลดระดับเบาะลงและเอนตัวลงนอนหลับตาทำทีเป็นไม่สนใจผู้หญิงคนนี้อีก
ฉินหยูเหลือบมองไปที่เย่เชียนและไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เธอก็แอบคิดอยู่ในใจว่าเธอพูดแรงเกินไปหรือเปล่า เธอทำร้ายความรู้สึกของเขาไปแล้วจริง ๆ งั้นหรือ ? เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาคงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่ใจในคุณค่าและรูปลักษณ์ของตัวเอง แล้วเธอดันไปพูดว่าเขาดำเหมือนถ่านหิน
ฉินหยูที่กำลังรู้สึกผิดอยู่ในใจนั้น หารู้ไม่ว่าในเวลานี้เย่เชียน ผู้ชายที่ขี้โกงคนนี้กำลังนอนอยู่บนเบาะอย่างสบาย ๆ โดยคิดเรื่องหยาบโลนอยู่ในหัวโดยไม่ได้รู้สึกเศร้ากับเรื่องเมื่อกี๊นี้เลย เขามองไปที่ผิวอันขาวเนียนของเธอ ตั้งแต่แขนเสื้อไปจนถึงกระโปรงสั้น ๆ และต้นขาอันขาวจั๊วะ เขากำลังจินตนาการว่าถ้าเขาได้มีอะไรกันบนรถกับเธอ มันคงจะยอดเยี่ยมมาก
ไม่นานนักฉินหยูก็ขับรถมาจอดในชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าสุดหรู เธอหันไปหาเย่เชียนที่ผล็อยหลับไประหว่างทางและจ้องมองใบหน้าเขาด้วยความงุนงง เธอไม่รู้ว่าเขาเผลอหลับไปตอนไหน บางสิ่งบางอย่างดลใจให้เธอขยับเข้าไปมองหน้าเขาใกล้ ๆ เธออดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ช่างหล่อเหลาเอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผลเป็นบนใบหน้าของเขานั้น มันยิ่งทำให้เขาดูน่าลุ่มหลงอย่างช่วยไม่ได้
ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังมีความฝันแบบไหนอยู่ในตอนนี้ ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อยขณะที่กำลังหลับราวกับว่าเขากำลังยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มเสียทีเดียว
ฉินหยูไม่สามารถละสายตาไปจากเย่เชียนได้เลย จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ พุ่งพรวดเข้ามาในหัวของเธอ และแล้ว… เธอก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไป…
วินาทีนี้ฉินหยูไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่ความต้องการที่จะประทับจูบลงบนริมฝีปากของเย่เชียนให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ทันใดนั้น เธอก็สังเกตเห็นว่าเปลือกตาของเขาเปิดขึ้นและมีประกายวาววับในดวงตา
ฉินหยูผงะถอยหลังด้วยความตกใจพลันคิด ‘บ้าจริง! พอเห็นแววตาเขา ฉันก็แน่ใจขึ้นมาเลยว่าเขาตื่นอยู่ตลอดเวลาและเสแสร้งแกล้งทำเป็นหลับ’
เนื่องจากฉินหยูใช้เวลานานมาก แต่ก็ยังไม่จูบสักที เย่เชียนจึงอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาและส่งรอยยิ้มจาง ๆ ให้เธอ จากนั้นก็พูดอย่างแผ่วเบา
“หยูหยู่… ดูเหมือนคุณจะห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วสินะ ?”
ฉินหยูรู้สึกโกรธระคนอับอาย เธอบีบเอวของเขาอย่างรุนแรงไปอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็รีบออกจากรถและสาวเท้าไปที่ลิฟต์ทันที
“ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย…? ทำไมฉันถึงทำแบบนั้น…” ฉินหยูพึมพำกับตัวเองอย่างเขินอาย “ไอ้คนบ้า… นายกล้าหลอกฉันงั้นเหรอ ? ฮึ่ม!”
เย่เชียนหัวเราะเบา ๆ และวิ่งตามเธอไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ฉุนเฉียวของเธอ เขาก็ตกใจและกลืนคำพูดหยอกล้อที่เขากำลังคิดจะพูดลงไป เขารู้สึกผิดอยู่ในใจจึงไม่อยากจะยั่วยุผู้หญิงคนนี้อีกในเวลานี้
เขาสงบปากสงบคำพลางมองหน้าเธอ เมื่อได้เห็นใบหน้าที่ขาวใสและงดงามของฉินหยูใกล้ ๆ ไหนจะขนตางอนยาวและดวงตากลมโตที่เป็นประกายซึ่งกำลังสั่นไหวอยู่เล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่หัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง…
เนื่องจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ฉินหยูจึงรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดคุยกับเขาได้ ใบหน้าของเธอหวนกลับไปสู่ความเย็นชาเหมือนเคย แต่ในหัวใจเธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเหตุการณ์ในรถ