เมื่อเย่เชียนเห็นท่าทางที่ดูผิดหวังของฉินหยู เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีจึงต้องตกลงใช้เวลากับเธอในวันเกิดของเธออย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเสียสติไปแล้วหรือเปล่า ? นี่เขาต้องมาทำเรื่องแบบนี้จริง ๆ สินะ เขาคิดว่าตัวเองต้องวางแผนจัดเตรียมงานวันเกิดให้เธอ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปในรูปแบบไหนดี
หลังจากรับกุญแจรถของฉินหยูมาแล้ว เย่เชียนก็รีบออกจากออฟฟิศของเธอและเดินไปที่ลานจอดรถ เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ก็เพียงเพราะว่าเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว เขาไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับหลินโรโร่วเลย แต่เขาก็ไม่อยากทำให้ฉินหยูต้องผิดหวังในวันเกิดของเธอด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นในตอนนี้เขาจึงต้องทุลักทุเลกระวนกระวายพยายามทำทุกอย่างเพื่อเธอทั้งสองคนไปพร้อม ๆ กัน
ในขณะที่เย่เชียนกำลังเดินผ่านสนามบาสเกตบอลนั้น เขาก็เห็นลูกบาสลอยมาทางเขาแต่เขาเอี้ยวตัวหลบได้อย่างรวดเร็ว
เย่เชียนไม่รู้จักกับพวกนักศึกษาที่กำลังเล่นบาสอยู่ในสนาม ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันอาจจะเป็นอุบัติเหตุ เขสจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วเดินต่อไป
ทว่า…
“เฮ้… พวก! โยนลูกบาสกลับมาให้หน่อยเซ่” เด็กหนุ่มในชุดบาสเกตบอลหน้าตาเหมือน ‘รุคาว่า คาเอเดะ ในการ์ตูนสแลมดังก์’ ตะโกนบอกเย่เชียน ถึงแม้ว่าเขาจะเรียกเย่เชียนว่า ‘พวก’ แต่น้ำเสียงของเขาเหมือนตะโกนสั่งอย่างเกรี้ยวกราดมากกว่า
เย่เชียนหยุดและหันหน้าไปมองอย่างงุนงง เด็กนี่วอนเหรอ ?
“เร็วสิวะ! มองอะไรอยู่วะไอ้งั่ง ส่งลูกบาสมาเร็ว ๆ เด่ะ!” เด็กหนุ่มตะโกนด่าเมื่อเห็นเย่เชียนจ้องมองมาอย่างเฉยเมย
คิ้วของเย่เชียนขมวดเล็กน้อยขณะหันกลับมาเพื่อหยิบลูกบาส เขาโยนมันไปมาในมือของเขาเองอยู่สองสามครั้งแล้วพูดขึ้นว่า “แม่แกไม่ได้สั่งสอนให้ทำตัวสุภาพ ๆ เหรอวะ ?”
คำพูดของเย่เชียนทำให้คนรอบข้างเด็กหนุ่มรุคาว่าตกอยู่ในความหวาดกลัวทันที ที่ผ่านมาทั้งมหาวิทยาลัยไม่เคยมีใครกล้าพูดอย่างนั้นกับเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่าเย่เชียนเป็นใครมาจากไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาค่อนข้างจะแน่ใจเป็นอย่างมากก็คือ… เย่เชียนจะต้องจบแบบศพไม่สวยแน่นอน
เด็กหนุ่มรุคาว่าไม่คิดว่าจะมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“เฮ้พวก…! แกกล้าดีนี่ ฉันจะเสนอทางเลือกให้แกสองทางละกัน ทางแรก แกหยิบลูกบาสมานี่และขอโทษฉันซะ! แล้วฉันจะแสร้งทำเป็นว่าสิ่งนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น หรืออีกทาง ให้ฉันไปรับมันมาด้วยตัวเอง แต่แกก็จะได้ลงไปนอนกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเป็นไง!”
ที่รั้วข้าง ๆ สนามบาสเกตบอล จ้าวหยากำลังเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น เธอดูใจจดใจจ่อมากเพราะเธอรู้ว่าปีศาจในคราบของนักบาสคนนี้ไม่เคยกลัวสิ่งใดนอกจากเจ๊หยูของเธอ ถึงกระนั้น มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับเธอที่ได้มาเห็นเย่เชียนผู้น่าสงสารต้องเผชิญหน้ากับปีศาจตัวน้อยในคราบนักบาสคนนี้ เธอคาดหวังเอาไว้ว่าเย่เชียนคงจะไม่ขี้ขลาดและรีบหนีหัวซุกหัวซุนไปเสียก่อน เพราะนั่นมันจะทำให้เธอไม่สนุก
คนขี้โกงกับปีศาจเผชิญหน้ากัน ไม่ว่าใครจะชนะ เธอก็สนุกกับการรับชมติดขอบสนามอย่างเต็มที่แบบนี้อยู่ดี
ในทางกลับกัน เย่เชียนไม่รู้เลยว่าจ้าวหยากำลังเฝ้าดูอยู่ เดิมทีเขาคิดว่าเด็กพวกนี้เป็นเพียงนักศึกษากระจอก ๆ และตัวเขาเองที่เป็นผู้ใหญ่กว่าก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับพวกเด็ก ๆ แต่ใครจะคาดคิดล่ะว่าพวกเขาจะเริ่มหาเรื่องทะเลาะและต้องการยั่วยุให้เกิดการห้ำหั่นกันจริง ๆ
“อยากได้เหรอ… งั้นก็รับไปสิวะ!” เย่เชียนพูดพลางเขวี้ยงลูกบาสในมือไปทางเด็กหนุ่มรุคาว่าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
“เฮ้ย…!” จ้าวหยาอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา เธอคิดว่าในเมื่อเย่เชียนทำแบบนั้นไปแล้ว เขาคงจะต้องพบเจอกับเรื่องที่ยากลำบากอย่างแน่นอน เพราะเมื่อไรก็ตามที่เด็กนักบาสคนนี้มีเรื่องบาดหมางกับใคร เขาจะไม่ปล่อยให้เหยื่อของเขาหลุดมือไปอย่างง่ายดาย
พลั่ก!
ด้วยความประมาท เด็กหนุ่มรุคาว่าจึงถูกลูกบาสที่เย่เชียนเขวี้ยงมากระแทกเข้าไปที่ใบหน้าอย่างรุนแรง เขาหงายหลังล้มตึงลงไปกับพื้นอย่างแรงและมีเลือดไหลออกมาจากจมูก ด้วยเลือดที่ออกจากจมูกและน้ำตาที่ไหลท่วมไม่หยุด เด็กหนุ่มก็ยังพยายามกระเสือกกระสนที่จะลุกขึ้นมา เขาเอามือปิดจมูกของตัวเองไว้และจ้องเย่เชียนเขม็ง
“เฮ้ย! แกเก่งนักเหรอวะ ? มาเจอกันตัวต่อตัวมา!”
เย่เชียนผงะเล็กน้อยเพราะเจ้าหนูคนนี้ดูเกรี้ยวกราดอยู่พอตัว เอาจริง ๆ เด็กนี่ดูใช้ได้เลยทีเดียว มันค่อนข้างแตกต่างจากลูกคุณหนูคนอื่น ๆ ที่เขาเคยพบเจอมา
“แกรู้มั้ยว่าพ่อของฉันเป็นใคร ? ฉันจะฆ่าแก!!!” เด็กหนุ่มยังคงตะโกนต่อไปไม่หยุด
เย่เชียนเอือมระอามากเพราะตอนนี้เขากำลังรีบ เขาไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้เพราะต้องรีบไปเตรียมตัวสำหรับวันเกิดของฉินหยู เขาจึงมองไปที่เด็กหนุ่มรุคาว่าแล้วพูดว่า “ฉันเย่เชียน อยู่สาขาภาษาฝรั่งเศส อาจารย์ที่ปรึกษาฉินหยู ไว้ค่อยมาหาฉันตอนไหนก็ได้… แต่ตอนนี้ฉันต้องไปก่อนละ” พูดจบเย่เชียนก็รีบเดินไปที่ลานจอดรถ
“สาขาภาษาฝรั่งเศสเหรอวะ…? อาจารย์ฉินหยู… เฮ้ย!” เด็กหนุ่มรุคาว่ายืนเกาหัวอย่างหมดหนทาง เพราะเรื่องนี้อาจจะจัดการได้ค่อนข้างยากนิดหน่อย
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เชียนก็ขับแลมโบกีนี่ของฉินหยูผ่านสนามบาสเกตบอลแล้วออกจากมหาวิทยาลัยไป เด็กหนุ่มรุคาว่ารู้สึกงุนงงเมื่อเห็นเย่เชียนขับรถของฉินหยู เขามองตามด้วยความประหลาดใจและพูดไม่ออกไปชั่วขณะ สมองของเขาในตอนนี้ไม่สามารถทำงานได้อีกแล้ว เพราะมัวแต่สงสัยอย่างหนักหน่วงว่าทำไมเย่เชียนถึงได้ขับรถของฉินหยู นอกจากเขาจะปวดหัวตุ้บ ๆ แล้ว เขาก็ยังเจ็บ ‘ตูด’ จากการล้มกระแทกพื้นเมื่อครู่นี้อีก
เย่เชียนขับรถผ่านถนนสายหลักที่มีผู้คนสัญจรไปมามากมาย และคนพวกนั้นก็แทบจะมองไม่เห็นรถกันเลย เย่เชียนขับเร็วเสียจนพวกเขาเห็นเพียงแค่แสงสีดำที่ทะยานผ่านสายตาของพวกเขาไปและมันก็หายวับไปกับตา มันทำให้ผู้คนจำนวนมากที่ได้เห็นภาพเบลอ ๆ ผ่านตาไปนั้นคิดว่าตัวเองเห็นผีในตอนกลางวันแสก ๆ
เย่เชียนใช้บัตรเอทีเอ็มที่ได้มาจากแจ็คในการไปจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่างเมามัน ไม่นานภายในรถก็อัดแน่นไปด้วยสิ่งของต่าง ๆ มากมาย
ถ้าจะให้พูดถึงความมั่งคั่งในกลุ่มเขี้ยวหมาป่าแล้วล่ะก็ แจ็คคือคนที่มีเงินมากมายมหาศาล แจ็คใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของเขาครอบคลุมระบบเครือข่ายของธนาคารในประเทศจีนทั้งหมด เขาสามารถเข้าถึงบัญชีของลูกค้าทุกคนและโอนเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปยังบัญชีลับของเขาได้ ซึ่งมันไม่มีใครเลยที่จะแปลกใจและสงสัยกับตัวเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แจ็คเอาไป แต่เมื่อนำเงินพวกนั้นมารวมกัน มันกลายเป็นเงินก้อนใหญ่เท่าภูเขาเลยทีเดียว
หลังจากที่เย่เชียนซื้อของเสร็จ เขาก็มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของฉินหยูและเริ่มตกแต่งจัดเตรียมงานวันเกิดให้เธอ เขาฮัมเพลงไปด้วยเบา ๆ อย่างมีความสุขในขณะที่จัดของอยู่
เวลาผ่านพ้นไปจนถึงห้าโมงเย็น การเตรียมการก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เมื่อมองไปที่ผลงานของตัวเอง เย่เชียนรู้สึกพอใจกับผลงานอันน่าภาคภูมิใจ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองมีพรสวรรค์ในด้านนี้กับเขาด้วย โอ้… ฉันนี่ช่างอัจฉริยะจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ”
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เย่เชียนก็ขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลเหรินเหมินทันที เมื่อเขาไปถึงทางเข้าของโรงพยาบาลก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาหลินโรโร่ว เธอคงเพิ่งจะเลิกงาน ดังนั้นเย่เชียนจึงรอเธอที่รถ
การรอคนที่รักเลิกงานมันเป็นเรื่องสนุกมาก หรืออย่างน้อยเย่เชียนก็คิดเช่นนั้น เมื่อคว้าดอกกุหลาบที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ออกมาดู เย่เชียนก็ยิ้มแย้มอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า
หลังจากนั้นไม่นาน หลินโรโร่วก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล เย่เชียนรีบเปิดประตูรถให้เธอและยื่นดอกกุหลาบให้
“อ๊ะ! โอ… ขอบคุณนะ” หลินโรโร่วตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็รับดอกกุหลาบไปอย่างสุขใจแล้วยังจูบแก้มของเย่เชียนเบา ๆ
“กลับบ้านกันเถอะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาโอบร่างหลินโรโร่วเข้ามาใกล้
เมื่อหลินโรโร่วมองไปที่รถแลมโบกีนี่มูร์เซียลาโกสีดำทมิฬ เธอก็ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “เย่เชียน… นี่คือรถของคุณเหรอ ?”