เย่เชียนได้ทำการส่งมอบเรื่องของสำนักงานกองกำลังป้องกันตนเองหรือบริษัทรักษาความปลอดภัยเฉพาะกิจให้กับแจ็คทั้งหมด เพราะไอคิวของเจ้าหนูคนนี้นั้นค่อนข้างสูงเลยทีเดียว อีกทั้งเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานทั้งยังขยันมาก นอกจากนี้แล้วเขายังมีหน้าที่ดูแลธุรกิจต่าง ๆ ให้กับเย่เชียนอีกด้วย
หลังจากที่คุยกับแจ็คและหลี่เหว่ยยี่อย่างเต็มอิ่มแล้ว เย่เชียนก็ออกจากสำนักงานชั่วคราวของกลุ่มน่านฟ้าไป หลังจากออกมาแล้วเขาเกิดรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างราบรื่นและเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปบริษัทเทียนหยากรุ๊ปอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้เขาได้มาทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของจ้าวหยาซึ่งเป็นลูกเจ้าของบริษัท ฉะนั้นแล้วหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปก็จะไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
กริ๊ง…! กริ๊ง…!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกความเบื่อหน่ายของเย่เชียน เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูทันทีและเห็นว่าเป็นหลินโรโร่วนั่นเองที่โทรเข้ามา
“เย่เชียน… คืนนี้คุณว่างรึเปล่า ?” เสียงของหลินโรโร่วยังคงอบอุ่นเช่นเคย
ถ้าเย่เชียนจะต้องเลือกใครสักคนมาเป็นภรรยาแล้วล่ะก็ เขาคิดว่าหลินโรโร่วคนนี้แหละดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อเขาหวนคิดถึงวันที่เขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าโดยบังเอิญ เห็นหลินโรโร่วควงแขนชายวัยกลางคนที่ดูสนิทสนมกันอย่างมากเดินผ่านมานั้น มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก น้ำเสียงของเขาเย็นชาในขณะที่ถามเธอ
“คุณมีอะไร ?”
ดูเหมือนว่าหลินโรโร่วจะรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเย่เชียน เธอรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อยจึงรีบพูดว่า “ลุงกับป้าของฉันเพิ่งจะมาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้น่ะ… และพวกเขาก็อยากจะพบกับคุณนะ”
‘พบผู้ใหญ่งั้นเหรอ ?’
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะฟุ้งซ่านในทันที เขาไม่ต้องการพบผู้หลักผู้ใหญ่ในตอนนี้ แต่เนื่องจากพวกเขามาถึงกันแล้ว เย่เชียนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพบกับพวกเขา มิฉะนั้นหลินโรโร่วจะเสียหน้า อันที่จริงเขายังคงอยากถามเธอเกี่ยวกับเรื่องวันนั้นที่ห้าง แต่ก็ต้องดูจังหวะก่อน
“กี่โมง ? ที่ไหน ?” เย่เชียนถามห้วน ๆ อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“วันนี้หกโมงเย็นที่ศาลาเซียงเฟย…” หลินโรโร่วตอบ
“ได้” เย่เชียนตอบตกลงง่าย ๆ
เมื่อได้ยินเย่เชียนตกลงที่จะมาพบลุงกับป้าของเธอ หลินโรโร่วก็มีความสุขมาก เธอยิ้มกับตัวเองแล้วพูดว่า “งั้นเจอกันคืนนี้นะ แต่ว่า… ป้าของฉันอาจจะรับมือได้ยากหน่อย คุณเตรียมตัวให้ดีล่ะ”
เย่เชียนตกตะลึงเล็กน้อยแต่ก็ตอบเธอไปว่า “ไม่ต้องกังวล ต่อให้เป็นถึงราชานรก ผมก็ไม่กลัว”
หลินโรโร่วถอนหายใจและพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ! คืนนี้คุณจะต้องมั่นใจมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ มันอาจจะลำบากสักหน่อย แต่ถ้าคุณข้ามภูเขาลูกนี้ไปได้ ทุกอย่างมันก็จะง่ายสำหรับเราเลยแหละ”
“มั่นใจได้เลย ผมสัญญาว่าผมจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ลุงกับป้าของคุณชื่นชมและยอมรับในตัวผมให้ได้” เย่เชียนปลอบโยนเธอย่างนุ่มนวล
หลังจากวางสายไปแล้ว เย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องไปแต่งตัวเสียใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พบกับครอบครัวของหลินโรโร่ว เขาจึงอยากจะทำให้ทุกอย่างมันออกมาดี เขาไม่เคยต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน มันอดไม่ได้ที่หัวใจของเขาจะกระวนกระวาย
เป็นที่รู้กันดีว่าเย่เชียนมักจะสวมเสื้อผ้าอะไรก็ได้ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจอยู่ตลอด แต่การไปพบกับลุงและป้าของหลินโรโร่วในครั้งนี้นั้น หากเขาต้องการสร้างความประทับใจแรก เขาก็จำเป็นต้องไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะค่อนข้างงุนงงไปกับการเลือกซื้อชุดก็ตาม แต่ในที่สุดเขาก็พบชุดที่ถูกใจเขาเสียที
หกโมงเย็น…
เย่เชียนเดินทางมาถึงศาลาเซียงเฟยตรงเวลา ระหว่างทางที่เขามาที่นี่ เขารู้สึกได้ว่าตนเองคงดูสะดุดตามากเกินไปหน่อย เพราะผู้คนต่างก็จ้องมองและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา
เมื่อหลินโรโร่วเห็นเย่เชียน เธอไล่สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอรู้สึกแปลกใจกับสไตล์นี้ของเขาขณะก้าวไปข้างหน้าแล้วจับมือเขาไว้ “คุณไปเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหนน่ะ ?”
“ผมเพิ่งซื้อมาใหม่… เป็นไง ? หล่อมั้ยล่ะ ?” เย่เชียนพูดอย่างภาคภูมิใจ
หลินโรโร่วมองเย่เชียนอย่างอ่อนโยน “คุณนี่ไม่เหมือนใครจริง ๆ น่ะแหละ ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้จักคุณมาเห็นคุณในชุดนี้ พวกเขาก็คงจะคิดกันว่าคุณกำลังอยู่ในกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์”
การแต่งกายของเย่เชียนดูค่อนข้างเวอร์วังอลังการมากเกินไปจริง ๆ เขาสวมชุดสูทสีดำสนิทพร้อมด้วยแว่นกันแดดสีดำสุดหรู ผมของเขาถูกหวีอย่างเรียบร้อยดูหล่อเนี้ยบราวกับสายลับจากเมืองผู้ดีอังกฤษอย่างไรอย่างนั้น
“มาเถอะ… ลุงกับป้ารออยู่ข้างในแล้ว” หลินโรโร่วพูดพร้อมกับควงเย่เชียนเข้าไปข้างใน
ในขณะที่เดินเข้าไปข้างใน เย่เชียนยังคงประหม่าอยู่เล็กน้อย เขาคิดว่าแม้ลุงกับป้าของหลินโรโร่วจะเป็นนักธุรกิจที่แสวงหาผลกำไร หรือพวกเขาอาจจะต้องการหาคู่ครองที่เหมาะสมให้กับหลินโรโร่วก็ตาม แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาจะสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือการขับไสไล่ส่งเย่เชียนออกไปจากสถานที่แห่งนี้เพียงเท่านั้น เพราะตราบใดที่หลินโรโร่วยังไม่ทิ้งเขาไปล่ะก็ มันก็จะไม่มีใครสามารถมาคั่นกลางระหว่างเขาทั้งสองคนได้
การจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ดูฉูดฉาดหรือหรูหราจนเกินไป เมื่อลุงซูไห่และป้าเฉิงเฟิงเจิ้นของหลินโรโร่วมองมาเห็นเย่เชียน พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม พวกเขาเคยเจอกับผู้คนมาแล้วแทบทุกประเภทจึงไม่ได้ถามอะไรเย่เชียนมากนัก เพียงแค่ยิ้มและจับมือทักทายกับเย่เชียนเท่านั้น
ป้าเฉิงเฟิงเจิ้นดูเหมือนจะไม่ได้มีความวิตกกังวลมากนัก แต่เธอก็คอยสังเกตพฤติกรรมของเย่เชียนอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปข้างในห้องรับประทานอาหารส่วนตัวและนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ป้าเฉิงเฟิงเจิ้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่พบสิ่งใดที่อาจเป็นจุดอ่อนของเย่เชียน
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าเย่เชียนจะยืน เดิน หรือนั่ง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในแบบของลูกผู้ชาย มีเพียงความประหม่าเล็กน้อยเท่านั้นที่ป้าเฉิงเฟิงเจิ้นรู้สึกได้ แต่เธอก็คิดว่าอาจเป็นเพราะเย่เชียนเขินอายเกินไป และนั่นมันส่งผลให้บรรยากาศดูคลุมเครือเล็กน้อย
เมื่อเย่เชียนมองไปที่ลุงซูไห่ ทุกอย่างมันก็ชัดเจนแล้ว สำหรับเย่เชียน เขาตัดสินหลินโรโร่วผิดไปในวันนั้นที่ห้างสรรพสินค้า เพราะคนที่หลินโรโร่วเดินอยู่ด้วยในตอนนั้นก็คือลุงซูไห่นี่เอง
เย่เชียนรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาไม่ควรสงสัยในตัวหลินโรโร่วเลย ในตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่เรื่องมันลงเอยเช่นนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วหลินโรโร่วก็ยังคงเป็นหลินโรโร่วคนเดิมที่เขารู้จัก คนที่ทั้งอ่อนโยน ใจดี และเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น
อาจเป็นเพราะเรื่องที่เย่เชียนกังวลมาหลายวันได้รับการแก้ไขอย่างกระจ่างแจ้ง อารมณ์ของเขาจึงดีขึ้นมากและเขาก็สามารถผ่อนคลายลงได้ในที่สุด ถึงเขาจะไม่ได้เจอกับหลินโรโร่วมานาน แต่ถึงยังไงเธอก็ยังคงเป็นแฟนของเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เย่เชียนรู้สึกว่าตนเองไม่รู้ถึงภูมิหลังครอบครัวของหลินโรโร่วเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ได้พบลุงซูไห่และป้าเฉิงเฟิงเจิ้นแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ ตัวเขาเองมีเพื่อนที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่าง ๆ และเขาก็สัมผัสได้จากลุงซูไห่และป้าเฉิงเฟิงเจิ้นถึงความลึกลับซับซ้อนที่มีอยู่ในหมู่คนเหล่านั้น เขารู้สึกว่าภูมิหลังครอบครัวของหลินโรโร่วคงไม่ได้เรียบง่ายและธรรมดาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก
แต่ไม่ว่าภูมิหลังครอบครัวของหลินโรโร่วจะยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถขวางกั้นการแต่งงานของเย่เชียนกับผู้หญิงคนนี้ได้! เย่เชียนเชื่อมั่นว่าในอนาคตหลินโรโร่วจะต้องเป็นภรรยาที่ดีของเขาได้แน่ ๆ
“อันที่จริง… ที่เรามาเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้เพราะเรื่องธุรกิจ แต่ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว เราก็เลยแวะมาหาหลานโรโร่วด้วยซึ่งเราเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเธอมีแฟนจึงอยากจะเจอพวกเธอทั้งสองพร้อมกัน เธอคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมพ่อหนุ่มเย่เชียน ?” ลุงซูไห่ถาม
เย่เชียนได้ทำการส่งมอบเรื่องของสำนักงานกองกำลังป้องกันตนเองหรือบริษัทรักษาความปลอดภัยเฉพาะกิจให้กับแจ็คทั้งหมด เพราะไอคิวของเจ้าหนูคนนี้นั้นค่อนข้างสูงเลยทีเดียว อีกทั้งเขาก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานทั้งยังขยันมาก นอกจากนี้แล้วเขายังมีหน้าที่ดูแลธุรกิจต่าง ๆ ให้กับเย่เชียนอีกด้วย
หลังจากที่คุยกับแจ็คและหลี่เหว่ยยี่อย่างเต็มอิ่มแล้ว เย่เชียนก็ออกจากสำนักงานชั่วคราวของกลุ่มน่านฟ้าไป หลังจากออกมาแล้วเขาเกิดรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างราบรื่นและเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปบริษัทเทียนหยากรุ๊ปอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้เขาได้มาทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของจ้าวหยาซึ่งเป็นลูกเจ้าของบริษัท ฉะนั้นแล้วหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยากรุ๊ปก็จะไม่กล้าพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
กริ๊ง…! กริ๊ง…!
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกความเบื่อหน่ายของเย่เชียน เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูทันทีและเห็นว่าเป็นหลินโรโร่วนั่นเองที่โทรเข้ามา
“เย่เชียน… คืนนี้คุณว่างรึเปล่า ?” เสียงของหลินโรโร่วยังคงอบอุ่นเช่นเคย
ถ้าเย่เชียนจะต้องเลือกใครสักคนมาเป็นภรรยาแล้วล่ะก็ เขาคิดว่าหลินโรโร่วคนนี้แหละดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อเขาหวนคิดถึงวันที่เขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าโดยบังเอิญ เห็นหลินโรโร่วควงแขนชายวัยกลางคนที่ดูสนิทสนมกันอย่างมากเดินผ่านมานั้น มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก น้ำเสียงของเขาเย็นชาในขณะที่ถามเธอ
“คุณมีอะไร ?”
ดูเหมือนว่าหลินโรโร่วจะรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเย่เชียน เธอรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อยจึงรีบพูดว่า “ลุงกับป้าของฉันเพิ่งจะมาถึงเมืองเซี่ยงไฮ้น่ะ… และพวกเขาก็อยากจะพบกับคุณนะ”
‘พบผู้ใหญ่งั้นเหรอ ?’
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะฟุ้งซ่านในทันที เขาไม่ต้องการพบผู้หลักผู้ใหญ่ในตอนนี้ แต่เนื่องจากพวกเขามาถึงกันแล้ว เย่เชียนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพบกับพวกเขา มิฉะนั้นหลินโรโร่วจะเสียหน้า อันที่จริงเขายังคงอยากถามเธอเกี่ยวกับเรื่องวันนั้นที่ห้าง แต่ก็ต้องดูจังหวะก่อน
“กี่โมง ? ที่ไหน ?” เย่เชียนถามห้วน ๆ อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“วันนี้หกโมงเย็นที่ศาลาเซียงเฟย…” หลินโรโร่วตอบ
“ได้” เย่เชียนตอบตกลงง่าย ๆ
เมื่อได้ยินเย่เชียนตกลงที่จะมาพบลุงกับป้าของเธอ หลินโรโร่วก็มีความสุขมาก เธอยิ้มกับตัวเองแล้วพูดว่า “งั้นเจอกันคืนนี้นะ แต่ว่า… ป้าของฉันอาจจะรับมือได้ยากหน่อย คุณเตรียมตัวให้ดีล่ะ”
เย่เชียนตกตะลึงเล็กน้อยแต่ก็ตอบเธอไปว่า “ไม่ต้องกังวล ต่อให้เป็นถึงราชานรก ผมก็ไม่กลัว”
หลินโรโร่วถอนหายใจและพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ! คืนนี้คุณจะต้องมั่นใจมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ มันอาจจะลำบากสักหน่อย แต่ถ้าคุณข้ามภูเขาลูกนี้ไปได้ ทุกอย่างมันก็จะง่ายสำหรับเราเลยแหละ”
“มั่นใจได้เลย ผมสัญญาว่าผมจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ลุงกับป้าของคุณชื่นชมและยอมรับในตัวผมให้ได้” เย่เชียนปลอบโยนเธอย่างนุ่มนวล
หลังจากวางสายไปแล้ว เย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องไปแต่งตัวเสียใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พบกับครอบครัวของหลินโรโร่ว เขาจึงอยากจะทำให้ทุกอย่างมันออกมาดี เขาไม่เคยต้องอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน มันอดไม่ได้ที่หัวใจของเขาจะกระวนกระวาย
เป็นที่รู้กันดีว่าเย่เชียนมักจะสวมเสื้อผ้าอะไรก็ได้ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจอยู่ตลอด แต่การไปพบกับลุงและป้าของหลินโรโร่วในครั้งนี้นั้น หากเขาต้องการสร้างความประทับใจแรก เขาก็จำเป็นต้องไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะค่อนข้างงุนงงไปกับการเลือกซื้อชุดก็ตาม แต่ในที่สุดเขาก็พบชุดที่ถูกใจเขาเสียที
หกโมงเย็น…
เย่เชียนเดินทางมาถึงศาลาเซียงเฟยตรงเวลา ระหว่างทางที่เขามาที่นี่ เขารู้สึกได้ว่าตนเองคงดูสะดุดตามากเกินไปหน่อย เพราะผู้คนต่างก็จ้องมองและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา
เมื่อหลินโรโร่วเห็นเย่เชียน เธอไล่สายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอรู้สึกแปลกใจกับสไตล์นี้ของเขาขณะก้าวไปข้างหน้าแล้วจับมือเขาไว้ “คุณไปเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาจากไหนน่ะ ?”
“ผมเพิ่งซื้อมาใหม่… เป็นไง ? หล่อมั้ยล่ะ ?” เย่เชียนพูดอย่างภาคภูมิใจ
หลินโรโร่วมองเย่เชียนอย่างอ่อนโยน “คุณนี่ไม่เหมือนใครจริง ๆ น่ะแหละ ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้จักคุณมาเห็นคุณในชุดนี้ พวกเขาก็คงจะคิดกันว่าคุณกำลังอยู่ในกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์”
การแต่งกายของเย่เชียนดูค่อนข้างเวอร์วังอลังการมากเกินไปจริง ๆ เขาสวมชุดสูทสีดำสนิทพร้อมด้วยแว่นกันแดดสีดำสุดหรู ผมของเขาถูกหวีอย่างเรียบร้อยดูหล่อเนี้ยบราวกับสายลับจากเมืองผู้ดีอังกฤษอย่างไรอย่างนั้น
“มาเถอะ… ลุงกับป้ารออยู่ข้างในแล้ว” หลินโรโร่วพูดพร้อมกับควงเย่เชียนเข้าไปข้างใน
ในขณะที่เดินเข้าไปข้างใน เย่เชียนยังคงประหม่าอยู่เล็กน้อย เขาคิดว่าแม้ลุงกับป้าของหลินโรโร่วจะเป็นนักธุรกิจที่แสวงหาผลกำไร หรือพวกเขาอาจจะต้องการหาคู่ครองที่เหมาะสมให้กับหลินโรโร่วก็ตาม แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาจะสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือการขับไสไล่ส่งเย่เชียนออกไปจากสถานที่แห่งนี้เพียงเท่านั้น เพราะตราบใดที่หลินโรโร่วยังไม่ทิ้งเขาไปล่ะก็ มันก็จะไม่มีใครสามารถมาคั่นกลางระหว่างเขาทั้งสองคนได้
การจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ดูฉูดฉาดหรือหรูหราจนเกินไป เมื่อลุงซูไห่และป้าเฉิงเฟิงเจิ้นของหลินโรโร่วมองมาเห็นเย่เชียน พวกเขาต่างก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองมาที่เขาอย่างว่างเปล่า อย่างไรก็ตาม พวกเขาเคยเจอกับผู้คนมาแล้วแทบทุกประเภทจึงไม่ได้ถามอะไรเย่เชียนมากนัก เพียงแค่ยิ้มและจับมือทักทายกับเย่เชียนเท่านั้น
ป้าเฉิงเฟิงเจิ้นดูเหมือนจะไม่ได้มีความวิตกกังวลมากนัก แต่เธอก็คอยสังเกตพฤติกรรมของเย่เชียนอย่างละเอียดถี่ถ้วน แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปข้างในห้องรับประทานอาหารส่วนตัวและนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ป้าเฉิงเฟิงเจิ้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่พบสิ่งใดที่อาจเป็นจุดอ่อนของเย่เชียน
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าเย่เชียนจะยืน เดิน หรือนั่ง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังในแบบของลูกผู้ชาย มีเพียงความประหม่าเล็กน้อยเท่านั้นที่ป้าเฉิงเฟิงเจิ้นรู้สึกได้ แต่เธอก็คิดว่าอาจเป็นเพราะเย่เชียนเขินอายเกินไป และนั่นมันส่งผลให้บรรยากาศดูคลุมเครือเล็กน้อย
เมื่อเย่เชียนมองไปที่ลุงซูไห่ ทุกอย่างมันก็ชัดเจนแล้ว สำหรับเย่เชียน เขาตัดสินหลินโรโร่วผิดไปในวันนั้นที่ห้างสรรพสินค้า เพราะคนที่หลินโรโร่วเดินอยู่ด้วยในตอนนั้นก็คือลุงซูไห่นี่เอง
เย่เชียนรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาไม่ควรสงสัยในตัวหลินโรโร่วเลย ในตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่เรื่องมันลงเอยเช่นนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วหลินโรโร่วก็ยังคงเป็นหลินโรโร่วคนเดิมที่เขารู้จัก คนที่ทั้งอ่อนโยน ใจดี และเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น
อาจเป็นเพราะเรื่องที่เย่เชียนกังวลมาหลายวันได้รับการแก้ไขอย่างกระจ่างแจ้ง อารมณ์ของเขาจึงดีขึ้นมากและเขาก็สามารถผ่อนคลายลงได้ในที่สุด ถึงเขาจะไม่ได้เจอกับหลินโรโร่วมานาน แต่ถึงยังไงเธอก็ยังคงเป็นแฟนของเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เย่เชียนรู้สึกว่าตนเองไม่รู้ถึงภูมิหลังครอบครัวของหลินโรโร่วเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ได้พบลุงซูไห่และป้าเฉิงเฟิงเจิ้นแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ ตัวเขาเองมีเพื่อนที่เป็นมหาเศรษฐีมากมาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่าง ๆ และเขาก็สัมผัสได้จากลุงซูไห่และป้าเฉิงเฟิงเจิ้นถึงความลึกลับซับซ้อนที่มีอยู่ในหมู่คนเหล่านั้น เขารู้สึกว่าภูมิหลังครอบครัวของหลินโรโร่วคงไม่ได้เรียบง่ายและธรรมดาอย่างที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก
แต่ไม่ว่าภูมิหลังครอบครัวของหลินโรโร่วจะยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถขวางกั้นการแต่งงานของเย่เชียนกับผู้หญิงคนนี้ได้! เย่เชียนเชื่อมั่นว่าในอนาคตหลินโรโร่วจะต้องเป็นภรรยาที่ดีของเขาได้แน่ ๆ
“อันที่จริง… ที่เรามาเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้เพราะเรื่องธุรกิจ แต่ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว เราก็เลยแวะมาหาหลานโรโร่วด้วยซึ่งเราเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเธอมีแฟนจึงอยากจะเจอพวกเธอทั้งสองพร้อมกัน เธอคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมพ่อหนุ่มเย่เชียน ?” ลุงซูไห่ถาม