ดาวตกดวงหนึ่งพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าในยามค่ำคืนอันแสนมืดมิด… และหนึ่งวีรบุรุษได้ล่วงลับไป!
เฉินฟู่เฉิงจากไปอย่างสงบ เมื่อฉินเทียน เย่เชียนและหลัวจ้านเดินมาถึงห้องผู้ป่วย พวกเขาก็พบว่าร่างของเฉินฟู่เฉิงนั้นถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาวเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องโศกเศร้า ทว่ากลับไม่มีใครร้องไห้ออกมาสักคนเดียว
ฉินเทียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะในความคิดของเขานั้น ชีวิตของเฉินฟู่เฉิงต้องพบเจอกับความลำบากมามากพอแล้ว เขาทำเพื่อคนอื่นมาโดยตลอดและเป็นอีกหนึ่งวีรบุรุษที่มีจิตใจดีงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ นั้นมันเต็มไปด้วยผู้ที่อ่อนแอและผู้ที่แข็งแกร่ง การจากไปของเฉินฟู่เฉิงอาจจะเป็นเรื่องที่โล่งใจสำหรับเขา ผู้ที่เป็นดั่งน้องชายและสหายที่แท้จริง
เย่เชียนค่อย ๆ ยกผ้าสีขาวขึ้นและมองไปที่ใบหน้าของเฉินฟู่เฉิงด้วยความงุนงง ถึงแม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับชีวิตและความตายมามากมายก็ตาม ทว่าครั้งนี้เย่เชียนกลับรู้สึกถึงความเปราะบางของตัวเองอย่างน่าประหลาด แม้เฉินฟู่เฉิงจะเป็นดั่งจักรพรรดิ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปเหมือนกันกับคนอื่น ๆ เหลือไว้เพียงแต่เจตนารมณ์อันแรงกล้าที่เขาได้ทำการฝากฝังไว้กับเย่เชียนก่อนตาย
ฉินเทียนออกจากโรงพยาบาลและกลับไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้
ส่วนเฉินฟู่เฉิงผู้ล่วงลับก็ถูกฝังอยู่ใต้ผืนแผ่นดิน!
ไม่มีงานศพที่หรูหราหรือพิธีรำลึกที่ยิ่งใหญ่ใด ๆ ขี้เถ้าของเฉินฟู่เฉิงนั้นถูกเหล่าชาวบ้านนำกลับไปที่บ้านเกิดของเขาและฝังไว้บนเนินเขาตรงทางเข้าหมู่บ้านเพื่อคอยปกปักรักษาหมู่บ้านที่เขาเกิดและเติบโตมา
เกิดความโกลาหลอย่างใหญ่หลวงขึ้นในเมืองหนานจิงแห่งนี้ กองกำลังทหารทั้งหมดเริ่มเคลื่อนพลไปรอบ ๆ เมืองและจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในเมืองหนานจิง ทุกคนต่างให้ความสนใจและตั้งหน้าตั้งตาคอยดูว่าใครกันที่จะมาเป็นผู้สืบทอดของเฉินฟู่เฉิง พวกเขาคาดเดาว่าน่าจะเป็นหลัวจ้านคนสนิท หรือไม่ก็เฉิงเหวินเลขาของเฉินฟู่เฉิง
ทว่า… หลัวจ้านนั้นได้จากไปแล้ว!
เดาไม่ถูกเลยว่าการปรากฏตัวของเย่เชียนในฐานะของผู้สืบทอดต่อจากเฉินฟู่เฉิงนั้นจะสร้างความฮือฮามากขนาดไหน เพราะไม่มีใครในดินแดนนี้รู้จักชื่อของเขามาก่อน
ที่จริงเย่เชียนนั้นต้องการรักษาหลัวจ้านเอาไว้ เพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้คนคิดว่าเขานั้นไล่กำจัดผู้ที่คัดค้านเขาการขึ้นสู่อำนาจสูงสุดของตัวเอง แต่หลัวจ้านยิ้มอย่างยินดีและบอกกับเย่เชียนว่า ฉันน่ะอยู่กับเจ้านายมาหลายสิบปีแล้ว ฉันคอยสนับสนุนเขาทั้งทางเหนือและทางใต้ ฉันเชื่อมั่นในตัวนายในฐานะที่นายเป็นผู้ถูกเลือก ในเมื่อเจ้านายตัดสินใจอย่างนี้แล้วนั่นก็หมายความว่า นายต้องมีความสามารถในการดูแลธุรกิจของเจ้านายได้ทั้งหมด ฉันเชื่อว่านายจะไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังแน่นอน สำหรับตัวฉันเอง ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วตอนนี้ ฉันแค่อยากหาที่ที่ไม่มีใครรู้จักฉันและพักผ่อนอยู่อย่างเงียบ ๆ กับชีวิตที่เหลืออยู่ของฉัน… ฉันหวังว่านายคงจะเข้าใจนะ
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่เต็มใจและไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งก็ตาม แต่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของหลัวจ้าน
แต่นายไม่ต้องกังวล… เพราะถ้านายมีปัญหาอะไร นายมาปรึกษาฉันได้เสมอ ฉันเต็มใจช่วย หลัวจ้านพูดด้วยความจริงใจ
เย่เชียนพยักหน้าและเข้าไปกอดหลัวจ้าน ถึงแม้ว่าเขาเพิ่งจะเคยพบกับหลัวจ้านก็ตาม แต่เย่เชียนก็มองว่าหลัวจ้านนั้นเป็นพี่ชายที่ควรค่าแก่การเคารพยิ่ง
เย่เชียนรู้ดีว่าในช่วงเวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้ กองกำลังและฝ่ายต่าง ๆ ในเมืองหนานจิงจะต้องเตรียมความพร้อมในต่อสู้กันเพื่อแย่งผลประโยชน์สูงสุดของพวกเขาแต่ละฝ่ายอย่างแน่นอน การทำให้สถานการณ์นี้คงที่ก่อนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เย่เชียนจะต้องทำเป็นอย่างแรก ซึ่งในช่วงเวลาที่ขัดแย้งกันเหล่านี้ เย่เชียนนั้นแตกต่างจากเฉินฟู่เฉิงผู้ใจดี เพราะเขาไม่มีวันใจอ่อนต่อศัตรูของเขาเป็นอันขาด บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเฉินฟู่เฉิงถึงชอบเย่เชียน เพราะคนอย่างเฉินฟู่เฉิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเมืองหนานจิงจะต้องตกอยู่ในความโกลาหลหลังจากการตายของเขา ซึ่งถ้าหากเขาไม่มีผู้สืบทอดที่สามารถยับยั้งเหตุการณ์เหล่านี้ได้ล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาตั้งใจสร้างมาจะต้องพังทลายลงทั้งหมดอย่างแน่นอน
ในวันที่หลัวจ้านจากไป เย่เชียนได้โทรหาอู๋หวนเฟิงและบอกให้เขารีบมาที่เมืองหนานจิงเพื่อช่วยเขาดูแลธุรกิจที่นี่ เย่เชียนไม่รู้เลยว่าใครบ้างที่พร้อมจะสนับสนุนเขา หรือใครที่จ้องจะแทงข้างหลังเขา โชคไม่ดีที่หลัวจ้านนั้นได้เดินทางออกไปแล้วและเวลาก็มีไม่มาก เขาจึงไม่ได้ถามถึงเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าหากไม่มีลูกน้องคนสนิทสักคนสิ่งต่าง ๆ ก็จะยากลำบากขึ้นเป็นเท่าตัว
เหตุผลที่เขาเลือกอู๋หวนเฟิงนั้นก็เพราะว่าเย่เชียนรู้ดีว่าอู๋หวนเฟิงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด เพราะเขาเป็นคนที่ใจเย็นและอ่อนน้อมถ่อมตน อีกทั้งยังสุภาพเสมอและทำงานได้อย่างรอบคอบ ส่วนซ่งหลัน เย่เชียนจะส่งพี่น้องอีกคนไปคอยคุ้มกันเธอ
ในห้องทำงานของเฉินฟู่เฉิง เย่เชียนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เคยมีวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เคยนั่งอยู่ ส่วนอู๋หวนเฟิงนั้นยืนอยู่ข้างหลังเย่เชียนอย่างเงียบ ๆ
บนโต๊ะทำงานมีรูปหญิงสาวคนหนึ่งถูกใส่กรอบเอาไว้ตั้งอยู่ เธอดูอ่อนโยนและงดงาม หรือว่าเธอคนนี้จะเป็นภรรยาของเฉินฟู่เฉิง แต่เมื่อเย่เชียนจ้องมองไปที่ภาพถ่ายเธออยู่สักพัก เขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านี้ราวกับว่าเขาเคยเห็นหน้าเธอมาก่อนที่ไหนสักแห่ง
จู่ ๆ หน้าของจ้าวหยาก็ลอยขึ้นมาในหัวของเย่เชียน ผู้หญิงในภาพนั้นช่างดูคล้ายกับจ้าวหยามากเสียจนไม่น่าเชื่อ ไม่เพียงแค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ท่าทางของเธอในรูปยังดูคล้ายกันอย่างบอกไม่ถูก เย่เชียนรู้ดีว่าผู้หญิงในภาพของเฉินฟู่เฉิงนั้นไม่ใช่จ้าวหยาอย่างแน่นอน แต่เธอคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับจ้าวหยาก็เป็นได้
นอกจากรูปใบนั้นบนโต๊ะทำงานก็มีกองวัสดุหนา ๆ กองหนึ่งตั้งอยู่ด้วย ดูเหมือนมันจะถูกเตรียมเอาไว้อยู่นานแล้ว เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เพราะเฉินฟู่เฉิงคงได้เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ก่อนหน้านี้ เย่เชียนเปิดข้อมูลและอ่านผ่าน ๆ อย่างไม่เป็นทางการมากนัก แต่เขาถึงกับต้องประหลาดใจ เพราะอุตสาหกรรมของเฉินฟู่เฉิงนั้นไม่ได้มีแค่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่มันยังรวมไปถึงการลงทุนด้านหลักทรัพย์ทางการเงินจากกองทุนเพื่อการศึกษาและสโมสรการค้าต่าง ๆ ด้วย ไหนจะการมีส่วนร่วมในการรวมทรัพยากรเหมืองถ่านหินไปจนถึงการแทรกแซงทรัพยากรที่ล้ำค่าต่าง ๆ ในต่างประเทศอีก แล้วการพัฒนาโครงการอีกหลายโครงการที่เขาเริ่มเอาไว้อีกล่ะ ?
เฉิงเหวินยืนอยู่ตรงหน้าของเย่เชียนด้วยความสุภาพ เขาเฝ้าสังเกตเย่เชียนตั้งแต่ที่เย่เชียนมาถึงจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทว่าเขานั้นไม่สามารถเข้าใจเย่เชียนได้เลย ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมายภายใต้ฐานะผู้สืบทอดของท่านประธาน เว้นเพียงแค่รอยแผลเป็นบนใบหน้าที่ทำให้เย่เชียนดูมีอำนาจเหนือกว่าเล็กน้อยเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดา ๆ แต่วิสัยทัศน์ของท่านประธานคงจะไม่ได้มองคนผิดหรอกใช่ไหม ?
เย่เชียนเข้าใจดีว่าการที่จะครอบครองอุตสาหกรรมของเฉินฟู่เฉิงได้อย่างสมบูรณ์นั้น เขาจะทำไม่ได้เลยหากปราศจากความช่วยเหลือจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาผู้นี้ แต่เย่เชียนจะได้รับความไว้วางใจจากเขาได้อย่างไรกันล่ะ ?
คุณผู้จัดการเฉิงครับ… ผมขอรบกวนให้คุณช่วยส่งข้อมูลของอุตสาหกรรมด้านงบทางการเงินของบริษัทให้ผมหน่อย ยิ่งเร็วยิ่งดีและมีรายละเอียดเยอะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นนะครับ ขอบคุณครับ เย่เชียนพูดอย่างหนักแน่น แต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตนในคราวเดียวกัน
เฉิงเหวินรู้สึกยินดีเล็กน้อยที่เย่เชียนเข้าใจธุรกิจของบริษัทตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งเช่นนี้ เพราะหลังจากที่เขาติดตามเฉินฟู่เฉิงต่อสู้มาเป็นเวลานาน เฉิงเหวินนั้นไม่ต้องการให้สิ่งที่เฉินฟู่เฉิงสร้างมาอย่างยากลำบากต้องถูกทำลายลง เฉิงเหวินเริ่มชื่นชมชายหนุ่มคนนี้เล็กน้อย พลางนึกถึงชายชราผู้ล่วงลับที่ยังไม่รู้จักการดำรงอยู่ของชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดีและเขาก็แอบสงสัยและอยากรู้ว่าถ้าหากเฉินฟู่เฉิงยังอยู่ การแสดงออกของเขาที่มีต่อชายหนุ่มคนนี้จะเป็นอย่างไร ?
ท่านประธาน… ผมได้เตรียมข้อมูลเอาไว้หมดแล้ว เดี๋ยวผมจะนำมันมาให้ท่านประธานดูตอนนี้เลยครับ เฉิงเหวินพูด