ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 237 แบบทดสอบภาคสนาม

ตอนที่ 237 แบบทดสอบภาคสนาม
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนรีบออกจากโรงน้ำชาไปก่อน เพราะเขานั้นยังมีเรื่องให้เป็นกังวลอยู่อีกมาก ทั้งเรื่องของพระบรมสารีริกธาตุที่ยังคงตกอยู่ในกำมือของหมาป่าผีไป๋ฮวย ผู้ซึ่งยากที่จะรับมืออยู่พอสมควร แล้วไหนจะข้อพิพาทกับทางซีไอเออีก และการแก้ปัญหาของเรื่องราวทั้งหมดนี้มีเพียงอย่างเดียวก็คือ การชิงพระบรมสารีริกธาตุกลับคืนมาจากไป๋ฮวยให้ได้
ทว่าทางด้านของเย่เชียนกลับยังนั่งสบาย ๆ อยู่ในโรงน้ำชาเช่นเดิม เขาค่อย ๆ จิบชาอย่างสบายอารมณ์และมองออกไปนอกหน้าต่างบ้างเป็นครั้งคราว ความจริงแล้วเขานั้นรู้สึกพอใจในตัวของหวงฟู่เส้าเจี๋ยอยู่ไม่น้อย เพราะข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือนิสัยที่ชอบหลงตัวเองมากจนเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเห็นอกเห็นใจหวงฟู่เส้าเจี๋ยในระหว่างการฝึก เย่เชียนเชื่อตลอดมาว่าคนเราจะแข็งแกร่งได้ย่อมต้องมาจากการฝึกฝนและความเพียรพยายามอย่างหนัก ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ที่จะได้มาง่าย ๆ และนี่มันก็ไม่เหมือนในหนังในละครที่คนเป็นอาจารย์จะสามารถถ่ายทอดวิชาโดยการส่งต่อพลังลมปราณอะไรแบบนั้น
หลังจากนั้นพักใหญ่ อู๋หวนเฟิงก็เดินกลับเข้ามาหาเย่เชียน “ผมกลับมาแล้วบอส… ดูท่าทางคนที่ชื่อเส้าเจี๋ยนั่นจะมีความพยายามอยู่ไม่เบาเลย แต่ผมว่ามันคงจะถึงขีดจำกัดของร่างกายเขาแล้วล่ะ”
เย่เชียนพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ฟังรายงานจากอู๋หวนเฟิง จากนั้นเขาก็มองลงไปที่ชั้นล่างและเห็นหวงฟู่เส้าเจี๋ยกำลังเดินขึ้นบันไดมาอย่างยากลำบาก ซึ่งบางครั้งเขานั้นเกือบจะตกบันไดลงไปเพราะหัวเข่าของเขาจู่ ๆ ก็ไม่มีแรงพยุงตัวเองขึ้นมา
ในที่สุดหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็เดินโซซัดโซเซขึ้นมาจนถึงที่ที่เย่เชียนนั่งอยู่จนได้ เขาทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับหายใจหอบจนตัวโยน “แฮ่ก ๆ ๆ อาจารย์! ผมซื้อกระติกน้ำร้อนมาใส่เต้าหู้เหม็นของอาจารย์ คราวนี้มันต้องไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วแน่ ๆ อาจารย์รีบกินสิ”
เย่เชียนหยิบเต้าหู้เหม็นขึ้นมาใส่ปากชิ้นหนึ่ง ก่อนที่จะถามหวงฟู่เส้าเจี๋ยว่า “คืนนี้สนใจไปทำงานกับฉันมั้ย ?”
“สนใจ… สนใจสิครับอาจารย์!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยรีบตอบอย่างกระตือรือร้น นี่หมายความว่าเย่เชียนยอมรับเขาเป็นลูกศิษย์อย่างเต็มตัวแล้วอย่างนั้นใช่ไหม ? เขาคิดอยู่ในใจ ทว่าสีหน้าของเขานั้นเปิดเผยความคิดนั้นออกมาให้เห็นจนหมดเปลือก
“งานแรกของผมคืออะไรเหรอครับอาจารย์ ? เราต้องใช้กำลังทหารหรือเปล่า ?” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถามด้วยความเคารพ
“ไม่จำเป็นหรอก” เย่เชียนตอบด้วยท่าทางเฉยเมย
“โอ๊ย… อาจารย์! อาจารย์ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมน่ะตื่นเต้นขนาดไหน! นี่มันบ้ามากเลย เราจะไปกันกี่โมงงั้นเหรอ ? ผมจะได้โทรตามเพื่อน ๆ ให้ไปด้วย” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่ต้อง! เราไปกันแค่นี้ก็พอ จะเอาคนอื่นไปด้วยทำไมเยอะแยะ ?” เย่เชียนพูด
“อาจารย์ว่ายังไง ผมก็ว่าตามกันครับ!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
อู๋หวนเฟิงที่นั่งมองอยู่ทางด้านข้างนั้นอดไม่ได้ที่จะต้องส่ายหัวไปมา เขากำลังคิดว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยคนนี้กับชิงเฟิงนั้นช่างมีนิสัยที่คล้ายกันอย่างมาก เรียกได้ว่าทั้งสองคนอาจจะถูกแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าวันหนึ่งทั้งคู่ได้มาเจอกันตันเป็น ๆ แล้วล่ะก็ คงจะมีอะไรสนุก ๆ และไม่คาดฝันให้ได้ดูชมกันอย่างแน่นอน
……
ซ่งหลันนั้นจัดการกับสงครามในตลาดหุ้นได้ดีเลยทีเดียว เพราะหลังจากที่เธอเข้ามาดูแลเรื่องนี้ซูเจี้ยนจุนและจู้ซานก็สามารถปั่นราคาหุ้นให้ลดลงไปได้อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะเสียท่าให้กับซ่งหลัน
ด้วยการวางแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนบวกกับทักษะในการจัดการคนให้อยู่ภายใต้อำนาจได้อย่างสงบเรียบร้อย ทำให้ซ่งหลันไม่เพียงแค่ทำให้สองคนนั้นพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบเท่านั้น แต่เธอยังสามารถกอบโกยกำไรจากการต่อสู้ได้ครั้งมาได้อีกมากโข เอาเข้าจริงขนาดสงครามทางการเงินในอเมริกาใต้เธอยังเคยเอาชนะมาได้อย่างสวยงาม แล้วนับประสาอะไรกับแค่ซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานนักธุรกิจรายย่อยในเมืองหนานจิงเพียงแค่สองคน ?
ในเมื่อเย่เชียนมีซ่งหลันเข้ามาช่วยเขาในเรื่องของธุรกิจแล้ว เขาจึงค่อนข้างที่จะสบายใจขึ้นและมีโอกาสที่จะไปทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดมากกว่า ซึ่งไม่ใช่อะไรที่ไหน—การต่อสู้แบบลูกผู้ชาย!
……
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่นานหลังจากนั้นถนนหลายเส้นที่เคยจอแจและติดขัดไปด้วยรถมากมายก็เริ่มที่จะบางตาลง ร้ายรวงต่าง ๆ ที่เปิดให้บริการในช่วงเวลากลางวันก็เริ่มปิดลง ในขณะที่สถานบันเทิงผับบาร์เริ่มที่จะเปิดให้บริการแทน มันเป็นช่วงเวลาของเหล่าบรรดาพนักงานออฟฟิศหาเช้ากินค่ำได้ผ่อนคลายหลังจากที่ทนทำงานนั่งหลังขดหลังแข็งมาทั้งวัน คนพวกนี้เวลาที่อยู่ในที่ทำงานมักจะต้องสวมใส่หน้ากากแห่งความเจ้าเล่ห์เพื่อประจบประแจงเจ้านาย แต่พอหลังเลิกงานพวกเขาก็ถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหมาป่าที่พร้อมออกล่าเหยื่อ
แสงไฟสลัว ๆ ในบาร์กับเพลงจังหวะทุ้ม ๆ เร็ว ๆ ทำให้สาว ๆ หลายคนบนฟลอร์กำลังส่ายสะโพกโยกย้ายกันอย่างเมามัน บ้างก็เสยผมไปมาอย่างยั่วยวน บ้างก็แทบจะเลื้อยลงไปเต้นกับพื้น ทุกคนพยายามเต้นให้ดูเซ็กซี่ที่สุดราวกับกำลังพยายามจะร่ายมนตร์เพื่อบอกกับทุกสายตาว่า ‘มองมาที่ฉันสิ… มองมาที่ฉัน’
ในขณะเดียวกันตามมุมมืด ๆ ของบาร์แห่งนั้นก็มีชายหญิงหลายคู่กำลังนั่งนัวเนียพลอดรักกันโดยไม่สนสายตาของคนที่บังเอิญมองไปเห็น
เย่เชียนเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อร้านที่ติดอยู่ทางด้านหน้าและยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินนำอู๋หวนเฟิงกับหวงฟู่เส้าเจี๋ยเข้าไปในบาร์อย่างมั่นอกมั่นใจ
ที่ประตูทางเข้ามีสาวสวยหุ่นดีในชุดกี่เพ้ารัดติ้วและสั้นจุ๊ดจู๋ยืนกันอยู่สองคน ทั้งคู่โค้งให้เย่เชียนกับพวกอย่างสุภาพเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้
“สุดสวย… คืนนี้คุณเลิกงานกี่โมงเหรอ ?” เย่เชียนยิ้มแล้วโน้มตัวเข้าไปกระซิบถามใกล้ ๆ กับหูของผู้หญิงคนหนึ่ง
ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลากับรอยแผลเป็นตื้น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลือดนักสู้สุดเท่ของเย่เชียน มันก็ไม่ยากเลยที่จะทำให้สาว ๆ ต้องเคลิบเคลิ้มไปกับคารมของผู้ชายคนนี้
“ตีสี่จ้ะ… สุดหล่อรอฉันได้รึเปล่าล่ะ ?” สาวสวยคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงและสายตาอันแสนเย้ายวน
ทว่าเย่เชียนนั้นถูกซ่งหลันยั่วมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เขาจึงสามารถรับมือการท่าทางการยั่วยวนของสาว ๆ พวกนี้ได้เป็นอย่างดี จะว่าไปถ้าเทียบซ่งหลับกับสาว ๆ คนอื่นบนโลกใบนี้ มันก็ยากนักที่จะหาใครมาเทียบเทียมความสวยและความมีเสน่ห์ของเธอได้
“ไม่มีปัญหา… ไว้เดี๋ยวผมมารับคุณหลังเลิกงานนะสุดสวย” เย่เชียนไม่พูดเปล่า เขาเอื้อมมือไปหยิบธนบัตร 100 หยวนออกมาจากกระเป๋าตังค์สองใบแล้วพับมันให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนที่จะสอดมันลงไปตรงร่องอกของหญิงสาวคนนั้นอย่างนุ่มนวล ในขณะที่มืออีกข้าวหนึ่งก็กำลังลูบไล้ไปตามส่วนโค้งของบั้นท้ายอันกลมกลึงของเธอ
หวงฟู่เส้าเจี๋ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าเย่เชียนผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขานั้นจะมีนิสัยเจ้าชู้เช่นนี้ด้วย เพราะตั้งแต่ที่เขาเคยเห็นเย่เชียนมา เขาเคยเห็นแต่ด้านที่เยือกเย็นและฝีมือการต่อสู้ที่เหนือคนธรรมดา
บาร์แห่งนี้เป็นอีกธุรกิจหนึ่งของซูเจี้ยนจุนซึ่งถ้าเทียบกันระหว่างบาร์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของหยูซิงกับบาร์ของซูเจี้ยนจุนแล้ว บาร์ของหยูซิงนั้นจะมีความเข้มงวดและระบบรักษาความปลอดภัยที่มากกว่า แม้ว่าทางฝั่งของซูเจี้ยนจุนเองจะมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่อยู่บ้าง เพราะการทำธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับพนัน เซ็กส์และยาเสพติดนั้น หากไม่มีพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยคุ้มกะลาหัวให้ สถานบันเทิงเหล่านี้ก็คงถูกสั่งให้ปิดตัวลงอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าเสียดายที่ซูเจี้ยนจุนนั้นเลือกคู่ต่อสู้ที่ใหญ่เกินกว่าที่ตัวเขาจะสามารถรับมือได้ไหว เพราะนอกจากเย่เชียนจะให้ซ่งหลันจัดการกับเขาในเรื่องของตลาดหุ้นแล้ว เขายังส่งลูกน้องฝีมือดีคนอื่น ๆ เข้าไปสร้างปัญหาให้กับสถานบันเทิงของซูเจี้ยนจุนอีกหลายแห่ง ซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะเย่เชียนมุ่งมั่นว่าจะไม่ปล่อยให้ธุรกิจอสังหาของซูเจี้ยนจุนกับจู้ซานไปได้สวยอย่างแน่นอน
ทันทีที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยก้าวเท้าเข้ามาในบาร์ เขาก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “เฮ้ย! ใครไม่เกี่ยวออกไปให้หมด!”
เย่เชียนตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่ได้คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะบุ่มบ่ามทำอะไรที่มันอุกอาจขนาดนี้ แต่ในเมื่อมันคือจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้อยู่แล้ว วิธีนี้มันก็ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนดีเหมือนกัน
อาจเป็นเพราะเสียงเพลงในบาร์มันดังเกินไป ก็เลยทำให้ไม่ค่อยมีใครได้ยินคำพูดของหวงฟู่เส้าเจี๋ย ทว่าคนที่ได้ยินกลับไม่รู้สึกว่าเขานั้นพูดจาจริงจังไปเสียอย่างนั้น พวกเขาจึงส่งสายตาดูถูกมาให้หวงฟู่เส้าเจี๋ยผู้น่าสงสารแทน พวกเขาส่ายหัวและต่างก็คิดในใจว่า ‘ไอ้เด็กมันเป็นใครมาจากไหน ? ถึงได้กล้ามาทำกร่างในบาร์ที่ซูเจี้ยนจุนเป็นคนดูแลแบบนี้’
“ไม่ไหว ๆ ไหนลองใหม่อีกทีซิ” อู๋หวนเฟิงพูดพลางเหลือบมองไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ย
“เฮ้ย!!! ไอ้พวกเวรนี่!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยตะโกนอย่างเดือดดาลมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เพียงเท่านั้นเขายังก้าวไปข้างหน้าแล้วเตะโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ให้ล้มลงไป “ไม่ได้ยินกันเหรอไงวะ ?! บอกให้ไสหัวไปไง!”
ในที่สุดคนในบาร์ก็เริ่มมีฏิกิริยาตอบสนองต่อหวงฟู่เส้าเจี๋ยแล้ว พวกเขามองไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยเป็นตาเดียว จากนั้นก็กวาดสายตามองไปที่อู๋หวนเฟิงและเย่เชียนที่อยู่ใกล้ ๆ และเมื่อพวกเขาเห็นท่าทีที่จริงจังของทั้งสามคน พวกเขาก็เริ่มพากันวิ่งหนีออกจากบาร์ไปอย่างตื่นตระหนก
เมื่อเหล่าผู้คนที่อยู่ในบาร์วิ่งหนีออกไปจนหมดแล้ว พวกผู้คุมบาร์กับผู้จัดการก็พากันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมองเห็นเย่เชียน อู๋หวนเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยที่ยังคงอยู่ในบาร์ พวกเขาก็เดินเข้าไปหาทันที
ผู้จัดการคนหนึ่งกวาดสายตามองทั้งสามคนเมื่อเดินเข้ามาในระยะประชิด เขาจ้องมองไปที่เย่เชียนเป็นพิเศษเพราะเย่เชียนนั้นเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ในขณะที่ชายอีกสองคนที่เหลือนั้นยืนอยู่ มันจึงเดาได้ไม่ยากว่าเย่เชียนคนนี้คือคนที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสามคน
“นี่น้องชาย! มีอะไรงั้นเหรอ ? พวกน้องไม่พอใจอะไรหรือยังไงถึงได้มาไล่แขกออกไปหมดแบบนี้ ? พวกน้องไม่รู้หรือไงว่าท่านซูเจี้ยนจุนเป็นคนดูแลที่นี่น่ะ ?” ผู้จัดการพูดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาเอ่ยถึงชื่อของซูเจี้ยนจุนเพื่อที่จะกดดันให้พวกเขารู้สึกเกรงกลัว
ทว่าเย่เชียนกลับเอื้อมมือไปหยิบไวน์มาจากโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าแล้วรินมันใส่แก้วอย่างสบายใจเฉิบ ก่อนที่จะพูดอย่างไม่แยแสว่า “คุณมาใส่ร้ายผมได้ยังไง ? ในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เขาคนนั้นต่างหากล่ะที่เป็นคนตะโกนไล่แขกของคุณให้ออกไปน่ะ” พูดจบเย่เชียนก็บุ้ยปากไปทางหวงฟู่เส้าเจี๋ยกับอู๋หวนเฟิง
ผู้จัดการอึ้งไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็มองไปทางหวงฟู่เส้าเจี๋ยกับอู๋หวนเฟิงแทน
แต่แล้วอู๋หวนเฟิงก็รีบทรุดตัวลงนั่งอย่างรวดเร็ว แล้วพูดว่า “ไม่เกี่ยวกับผมนะ ผมแค่มาดื่มไวน์เฉย ๆ ”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยยืนงงเป็นไก่ตาแตก เหลือเขาแค่เพียงคนเดียวแล้วตอนนี้ที่ยังคงยืนเซ่ออยู่ หวงฟู่เส้าเจี๋ยไม่เข้าใจเรื่องราวที่กำลังเดิกขึ้นในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ไหนอาจารย์บอกว่าให้มาสร้างความวุ่นวายและถล่มที่นี่ไง ? แล้วไหงตอนนี้อาจารย์กับอู๋หวนเฟิงถึงปล่อยให้เขารับหน้าอยู่คนเดียวล่ะ ? แต่เมื่อหวงฟู่เส้าเจี๋ยมองไปที่บอดี้การ์ดทั้งห้าคนที่เดินมากับผู้จัดการคนนี้แล้ว เขาก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวมากสักเท่าไหร่ เอาเข้าจริงเขาออกจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาทั้งห้าดูไม่น่าจะมีฝีมือเท่าไหร่
แม้ว่าท้ายที่สุดหวงฟู่เส้าเจี๋ยจะเข้าใจว่านี่คงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่เย่เชียนอยากให้เขาผ่านมันไปให้ได้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบสาปแช่งอาจารย์ของตัวเองอยู่ในใจถึงความเฉยเมยและไม่แยแสของเย่เชียนเช่นนี้ แต่ถึงอย่างไรแล้วในเมื่อมันเป็นบททดสอบอีกบทหนึ่ง เขาก็ต้องพยายามทำมันให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้อาจารย์ต้องผิดหวัง
“คนที่ชื่อซูเจี้ยนจุนน่ะ… จะเป็นใครมาจากไหนฉันไม่รู้หรอกนะ และฉันก็จะไม่สนด้วย!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดเสียงดังด้วยความมั่นใจพร้อมกับจ้องหน้าผู้จัดการคนนั้นอย่างเย้ยหยัน
ยอดนักรบจอมราชัน

ยอดนักรบจอมราชัน

Status: Ongoing

เขาคือที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้าง เขาคือผู้ที่สามารถสร้างหายะนะจนทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศปวดหัว! เขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเองและหลั่งเลือดเพื่อพวกพ้องและครอบครัวของเขา! เขาคือยอดนักรบจอมราชัน…

超级兵王

Author: 步千帆

Chinese edition copyright © ChineseAll Digital publishing Group Co.,Ltd

ALL RIGHTS RESERVED

เขาคือผู้ปกครองที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษ เขาคือผู้น่าเกรงขามที่สามารถทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศถึงกับสั่นคลอน! เพื่อพวกพ้องของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อครอบครัวของเขา..เขาก็ไม่ลังเลที่จะหลั่งเลือด! เขานั้นดุจดั่งมังกรที่ทยานขึ้นเหนือสรวงสวรรค์.. พลังของเขานั้นทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเสียเปรียบและย่ำแย่เพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ แม้ว่าจะเป็นสายลมหรือผืนน้ำก็ตาม…

————————————–

ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งจุดสูงสุดของเหล่าทหารรับจ้าง..ผู้ที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดเพื่อจะใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา..แต่โชคชะตากลับนำพามาเจอแต่เรื่องวุ่นวาย..ชายที่มีนามว่า ‘เย่เชียน’ ถูกขนานนามว่า ‘ราชันหมาป่า’ แต่กลับต้องมาปลอมตัวใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวจากองกรค์นักฆ่านานาชาติ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท