ตอนที่ 287 กลับสู่สถานการณ์ปกติ
สองมีด สี่รู!
จิตใจของตู้เหลียงเฉิงแหลกสลายลงเมื่อมองดูเลือดสดๆ ของตัวเองไหลพุ่งออกมาและเขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาได้สูญสิ้นไปแล้ว อดีตที่เคยเป็นดั่งผู้ยิ่งใหญ่แต่บัดนี้ได้เสียศักดิ์ศรีและความหยิ่งผยองและความโออ่าดั่งคำที่ว่าหมาล่าเนื้อต้องตายบนภูเขาและนายพลจะต้องตายก่อนสงครามจบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดูเหมือนว่ามันจะถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าในความมืดแล้วหรือไม่ก็เป็นตู้เหลียงเฉิงเองที่เป็นคนสร้างมันขึ้นมา
อย่างไรก็ตามเรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้วเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ใดๆ ได้อีกต่อไปและมันก็มีแค่ความตายเพียงเท่านั้นที่เฝ้ารอเขาอยู่ บางทีความตายเช่นนี้อาจจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทรมานของเขาได้และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการและถึงแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม แต่ทว่ามันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่แสนโหดร้ายตรงหน้าของเขาได้อีกต่อไปแล้ว
ม่อหลงก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและใช้มีดในมือของเขาเจาะเข้าไปที่คอของตู้เหลียงเฉิงอย่างรุนแรง สามมีดหกรู ไม่มากไม่เกิน!
ม่อหลงเหลือบมองไปที่ร่างของตู้เหลียงเฉิงอย่างเย็นชาจากนั้นก็เดินจากไป
โศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเหว่ยตงเซียงเพราะเขาแก่ชราถึงขนาดนี้แล้วแต่กลับต้องเสียลูกชายไปทั้งๆ ที่ยังหนุ่มยังแน่นอยู่! เหว่ยตงเซียงจ้องมองไปที่ร่างอันไร้วิญญาณของลูกชายของเขาที่ยังเยาว์วัยและจะมีอนาคตที่ดี ถึงแม้ว่าเหว่ยตงเซียงจะเป็นงูพิษและชั่วร้ายอยู่เสมอแต่เขาก็รักลูกชายของเขามาก และตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่เฝ้ามองศพของลูกชายของเขาที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าเขาซึ่งมันเป็นความโศกเศร้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดและไม่อาจบรรยายได้
เหว่ยตงเซียงก็รู้ดีว่าในเมื่อเย่เชียนเริ่มสงครามเช่นนี้แล้วมันก็คงจะไม่ใช่แค่การเคลื่นไหวการกวาดล้างเพียงอย่างเดียว เพราะหลังจากนี้ไปมันจะเป็นการโจมตีที่ไม่มีที่สิ้นสุดและจะไม่ยอมจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสูญสิ้นไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนักโทรศัพท์มือถือของเหว่ยตงเซียงก็แทบจะระเบิดออกเพราะเขาได้รับแจ้งข่าวร้ายมากมายและเรื่องต่างๆ ก็มาถึงหูของเขาแล้ว เรื่องแรกก็คือเรื่องของยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่เขาได้จัดซื้อจัดหาจากโคลอมเบียและสินค้าต่างๆ ของตงเซียงกรุ๊ปก็ถูกโจรสลัดปล้นกลางทะเล และยังมีข่าวของการเสียชีวิตของเหล่าสมาชิกระดับอาวุโสของแก๊งชิงและเครือชิงกรุ๊ปทั้งหมดและสุดท้ายมันก็เป็นข่าวการเสียชีวิตของตู้เหลียงเฉิง..
เหว่ยตงเซียงก็ถึงกับตกตะลึงและกระวนกระวายอย่างมากและแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้อีก การโจมตีของเย่เชียนนั้นถาโถมมาเร็วเกินไปจนไม่มีเวลาแม้แต่จะให้เขาตอบโต้กลับได้เลย ทั้งๆ ที่วันนี้เขาก็เพิ่งจะบรรลุการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับตู้เหลียงเฉิงในช่วงตอนกลางวันแต่ทว่าในช่วงกลางคืนเหล่าสมาชิกอาวุโสของแก๊งชิงกลับถูกเย่เชียนกวาดล้างและสังหารจนหมด และถึงแม้ว่าแก๊งชิงจะยังไม่ล่มสลายไปในทันทีด้วยการแทรงแซงของหงเหมินกรุ๊ปนั้นแต่ทว่าสุดท้ายแล้วแก๊งชิงและเครือชิงกรุ๊ปก็จะค่อยๆ ถูกกลืนกินและจมอยู่ใต้วงล้อแห่งประวัติศาสตร์ในที่สุด
สิ่งที่ทำให้เหว่ยตงเซียงประหลาดใจมากที่สุดก็คือกลุ่มโจรสลัดซาตานที่ปล้นสินค้าของเขาซึ่งเรื่องนี้มันทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเกินที่จะจินตนาการได้ เพราะเขาที่มีข้อตกลงกับกลุ่มโจรสลัดซาตานมาอย่างยาวนานและพวกโจรสลัดเหล่านั้นจะต้องไม่ปล้นเรือบรรทุกสินค้าของตัวเองโดยไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอน หลังจากที่เหว่ยตงเซียงประหลาดใจและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ใช้โทรศัพท์ดาวเทียมติดต่อไปยังอิดาอับส์หัวหน้ากลุ่มโจรสลัดซาตานโดยตรง แต่ทว่าอิดาอับส์กลับหัวเราะอย่างเย้ยหยันและบอกกับตัวเองว่ากลุ่มโจรสลัดซาตานได้เป็นพันธมิตรที่แท้จริงกับเขี้ยวหมาป่าแล้ว
ทันใดนั้นเหว่ยตงเซียงก็รู้สึกสิ้นหวังในทันทีเพราะเขาไม่รู้เคยมาก่อนเลยว่าเมื่อไหร่ที่เย่เชียนไปมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับกลุ่มโจรสลัดซาตานผู้ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเลเช่นนี่ หลังจากที่เงียบไปนานเหว่ยตงเซียงก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและพูดสายว่า คุณหัวหน้า..แผนการโจมตีของเย่เชียนรุนแรงเกินไป..พวกเราไม่สามารถรับมือได้เลย!
ไอ้พวกขยะเอ๊ย! ..ฉันบอกไปแล้วไงว่าคนอย่างเย่เชียนน่ะไม่สามารถกำจัดได้! เสียงที่เดือดดาลและโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
เหว่ยตงเซียงก็อ้าปากของเขาและต้องการที่จะด่ากลับแต่ทว่าในที่สุดเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาและพูดว่า ใช่ๆ ..สิ่งที่คุณหัวหน้าเตือนฉันน่ะตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว..แต่ถ้าคุณหัวหน้าไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยพวกฉันล่ะก็..พวกฉันคงแย่แน่
ฉันรับมือเขาไม่ได้หรอก..และตอนนี้สมาชิกทั้งหมดของดาร์คลิลลี่ก็ไม่ว่างแล้ว..คุณจัดการด้วยตัวของคุณเองซ่ะเถอะ..อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก..ถ้าคุณมารบกวนฉันอีกล่ะก็..ฉันจะส่งคนไปตัดหัวของคุณเอง! ฝ่ายตรงข้ามพูดอย่างเกรี้ยวกราดแล้ววางสายโทรศัพท์ไปอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อได้ยินเสียงตัดสายที่แสบหูจากระบบของโทรศัพท์เช่นนี้เหว่ยตงเซียงก็สาปแช่งด้วยความโกรธเกรี้ยว เพราะถ้าหากว่าเขาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเย่เชียนได้ล่ะก็เขากลัวว่าชีวิตของเขาจะต้องสูญสิ้นตามคนอื่นๆ ไปอย่างแน่นอน และเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายนั้นอีกต่อไปแล้ว หลังจากครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานเหว่ยตงเซียงก็รีบโทรไปหาอู่หยางเฉิงเพราะอู่หยางเทียนหมิงลูกชายของอู่หยางเฉิงก็ตายไปด้วยน้ำมือของเย่เชียน เพราะฉะนั้นอู่หยางเฉิงก็ต้องมีความเคียดแค้นกับเย่เชียนอย่างหาที่สุดมิได้เช่นกัน
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะส่งอู่หยางเฉิงไปยังคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางในครั้งที่แล้วก็ตาม แต่ทว่าอู่หยางเฉิงก็ยังคงมีเครือข่ายและความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ขององค์กรต่างๆ อยู่มากมายเพราะประสบการณ์ในอาชีพการงานอย่างเป็นทางการมาหลายปีในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงนั้นในที่สุดเขาก็สามารถออกมาจากคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย ทว่ายังไงก็ตามอู่หยางเฉิงก็ต้องสูญเสียคุณสมบัติในการเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าการเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ไป
หลังจากอู่หยางเฉิงรับสายของเหว่ยตงเซียงแล้วอารมณ์ที่หดหู่ของเหว่ยตงเซียงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมในทันที เพราะการตอบสนองของอู่หยางเฉิงนั้นทำให้เหว่ยตงเซียงประหลาดใจอย่างมากเพราะอู่หยางเฉิงพูดว่า เลิกแทรกแซงเรื่องต่างๆ ของเมืองเซี่ยงไฮ้ซ่ะ! ..เรื่องของเย่เชียนน่ะเป็นที่รู้กันดีแล้วจากเบื้องบน..ถ้าคุณยังไม่ล้มเลิกแผนการชั่วๆ ของคุณและเจอปัญหาอะไรล่ะก็..ฉันจะไม่ช่วยคุณ!
อู่หยางเฉิงถึงกับตัวสั่นและความคิดที่จะแก้แค้นเย่เชียนของเขาก็ถูกลบล้างไปจนหมดสิ้น เพราะคำพูดข้างต้นนั้นชัดเจนอยู่แล้วและเขาก็รู้ดีเกี่ยวกับการกระทำของเย่เชียนในครั้งนี้และอู่หยางเฉิงเองก็ไม่คิดที่จะเข้าไปแทรกแซงอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นการยอมจำนนโดยปริยายและสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? นั่นก็เพราะด้วยความยากลำบากของอู่หยางเฉิงที่ไต่เต้าในตำแหน่งทางการของรัฐมาเป็นเวลาหลายปีจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะรู้ได้ว่าเย่เชียนนั้นมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังเช่นไรเพราะแม้แต่คนระดับสูงกว่าเขาต่างก็ต้องเกรงกลัวเย่เชียนคนนี้เลย
หลังจากนั้นไม่นานอู่หยางเฉิงก็โทรกลับไปหาเหว่ยตงเซียงและพูดย้ำถึงเรื่องนี้อีกครั้งจนทำให้เหว่ยตงเซียงถึงกับตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์จนเหมือนอยู่ในจุดที่ถูกฟ้าผ่ากลางตัวและเขาก็ถือโทรศัพท์มือถือด้วยความสั่นเทาอย่างมาก
…..
เช้าวันรุ่งขึ้นหวังปิงในฐานะผู้ว่าการเทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ก็ได้สั่งปราบปรามและกวาดล้างโดยตรงด้วยตัวเอง! แต่ไม่ใช่การปราบปรามเย่เชียนแต่อย่างใดเพราะเป็นการกวาดล้างตงเซียงกรุ๊ปอย่างเป็นทางการนั่นเอง ด้วยกองปราบปรามยาเสพติดและหน่วยสืบสวนพิเศษร่วมมือกับแผนกสืบสวนการค้า ฯลฯ ซึ่งหน่วยงานเฉพาะกิจทั้งหมดได้รวมตัวกันปราบปรามตงเซียงกรุ๊ปอย่างสุดกำลัง ซึ่งทำให้เหว่ยตงเซียงรู้สึกสิ้นหวังอย่างมากและแล้วข้อมูลทั้งหมดของบริษัทและเหล่าเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการระดับสูงทุกคนต่างก็ถูกควบคุมตัวไปสืบสวนทั้งหมดและถูกสั่งให้ยุติกิจการและกิจกรรมทั้งหมดและบัญชีของ บริษัทตงเซียงกรุ๊ปก็ถูกระงับเอาไว้อย่างเป็นทางการ
สงครามระหว่างเขี้ยวหมาป่ากับตงเซียงกรุ๊ปก็ได้ยุติลงแล้ว แน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่พลาดโอกาสดีๆ ของรัฐบาลในการปราบปรามและกวาดล้างตงเซียงกรุ๊ปอย่างแน่นอน ส่วนซ่งหลันเองก็ได้เริ่มที่จะกลืนกินอุตสาหกรรมของตงเซียงกรุ๊ปไปทีละนิดอย่างค่อยเป็นค่อยไป และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ก็ตามแต่ซ่งหลันที่มีความชำนาญด้านธุรกิจสูงเธอก็ไม่พลาดโอกาสดีๆ แบบนี้เช่นกัน
สำหรับเหว่ยตงเซียงนั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอนเพราะเย่เชียนจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างๆ อยู่แล้ว แต่ทว่าสิ่งที่เย่เชียนโปรดปรานนั้นก็คือการเอาชนะสุนัขที่ตกน้ำเพราะถึงแม้ว่าเหว่ยตงเซียงจะพ่ายแพ้ในครั้งนี้แต่เหว่ยตงเซียงก็ยังไม่ใช่สุนัขตกน้ำ และยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็ยังต้องการที่จะเห็นว่าหวังปิงนั้นมีจุดประสงค์อย่างไรและมีความมุ่งมั่นเพียงใด ดังนั้นกิจการส่วนใหญ่ของตงเซียงกรุ๊ปจึงปล่อยให้หวังปิงเป็นคนจัดการชั่วคราว และเมื่อฉากสุดท้ายจบลงเขาก็จะทำให้เหว่ยตงเซียงสูญสิ้นตามไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตามซึ่งแน่นอนว่าเย่เชียนก็ยังไม่ให้เหล่าเขี้ยวหมาป่าชะล่าใจเพราะยังต้องเฝ้าระวังกันต่อไป นั่นก็เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วเหว่ยเฉิงหลงยังคงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มยากุซ่ายามากุจิแห่งญี่ปุ่นที่อยู่เบื้องหลังของเขาและอาจจะมีการตอบโต้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เพื่อการทดสอบความมุ่งมั่นและจุดมุ่งหมายของหวังปิงนั้นเย่เชียนจึงต้องเสี่ยงกับสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ากลุ่มยากุซ่ายามากุจิจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะยกทัพเคลื่อนพลเข้าสู่แผ่นดินของประเทศจีนอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน เพราะรัฐบาลจีนจะไม่มีวันเพิกเฉยและหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติจก็ะไม่ปล่อยให้ประเทศญี่ปุ่นทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน
ฉินเทียนเองก็ให้คำมั่นสัญญาในสิ่งที่เขาพูดเอาไว้และส่งมอบทุกอย่างของหงเหมินกรุ๊ปให้แก่เย่เชียน แต่จะต้องใช้เวลาพอสมควรและก็โชคดีที่บุคลากรของหงเหมินกรุ๊ปนั้นเคร่งครัดในกฎระเบียบและไม่มีใครต่อต้านการตัดสินใจของฉินเทียนเลยแม้แต่น้อย แต่แน่นอนว่าการไม่คัดค้านหรือต่อต้านนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีความคิดอื่น ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่กล้าที่จะผ่อนคลายไปกับการควบคุมภายในของหงเหมินกรุ๊ป อย่างไรก็ตามฉินเทียนนั้นก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์อยู่มากมายอย่างเช่นจางเชียงที่คอยติดตามฉินเทียนมาเป็นเวลานานเพื่อร่วมต่อสู้กับโลกของเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลจึงเหลือเพียงแค่เรื่องของกาลเวลาก่อนที่หงเหมินกรุ๊ปจะอยู่ภายใต้การดูแลของเย่เชียน
ในกรณีนี้เย่เชียนให้ม่อหลงดูแลและจัดการเรื่องต่างๆ ของหงเหมินกรุ๊ปโดยมีชิงเฟิงที่รับหน้าที่คอยช่วยเหลือม่อหลง นั่นก็เพราะว่าการทำให้โครงสร้างภายในของหงเหมินกรุ๊ปคงที่ได้โดยเร็วที่สุดถือเป็นเรื่องที่สำคัฐที่สุด ส่วนหลิวเทียนเฉินกับเฟิงหลานก็เดินทางกลับไปยังประเทศเมียนมาร์ เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้ที่แห่งนั้นจะเป็นเพียงปราการเล็กๆ ก็ตาม แต่มันก็จะเป็นฐานที่มั่นสำหรับเขี้ยวหมาป่าในการเข้าสู่เมียนมาร์ในอนาคตนั่นเอง และนอกจากนี้เฟิงหลานและคนอื่นๆ ก็จำเป็นต้องสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่นั่นเพื่ออนาคตเพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นดั่งพื้นฐานในการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
หวันชุนหัวก็ถูกโยกย้ายไปที่เมืองหนานจิงโดยเย่เชียน และถึงแม้ว่าหวันชุนหัวจะไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจก็ตามแต่โดยการสนับสนุนและการช่วยเหลือของเฉิงเหวินและหยูซิงแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจ้าวไถ่จู้นั้นเดิมทีเย่เชียนต้องการย้ายเขาไปที่เมืองหนานจิงเช่นกัน แต่จ้าวไถ่จู้ก็บอกว่าเขาอยากอยู่ใกล้ๆ กับภรรยาและลูกของเขา ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่ลังเลใจหรือคัดค้านใดๆ เพราะอย่างไรก็ตามสมาชิกในครอบครัวนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ในเวลานี้คิ้วของเย่เชียนก็ขมวดขึ้นเพราะดูเหมือนว่าวันเวลาจะผ่านพ้นมานานแล้วที่เขากลับมาเยือนที่ประเทศจีนและมันก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องสักการะหัวหน้าที่แท้จริงของเข้าสักที นั่นก็เพราะว่าเย่เชียนนั้นไม่เคยเห็นเขาเลยตั้งแต่ที่หัวหน้าของเขากลับมาที่ประเทศจีนแห่งนี้
ฟูจุนเฟิงสังกัดอยู่ในบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดเพื่อคอยดูแลจัดการสิ่งต่างๆ และยิ่งไปกว่านั้นภรรยาและลูกๆ ของเขาก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะจากบ้านไปไกลมากเกินไปได้
ส่วนหวงฟู่เส้าเจี๋ยนั้นก็อยู่ที่สำนักงานของไอร่อนบลัดเช่นกันเพื่อรับการฝึกอบรมต่อไป เพราะเนื่องจากเย่เชียนสัญญากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเอาไว้เย่เชียนก็ต้องทำเช่นนั้น และยิ่งไปกว่านั้นการสนทนากับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนครั้งล่าสุดเย่เชียนก็เข้าใจถึงความสำคัญของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนมากยิ่งขึ้นและการเข้าใจถึงจิตใจของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขาและเขี้ยวหมาป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลอันเลือนรางที่เปิดเผยออกมาจากการสนทนาครั้งล่าสุดกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนซึ่งทำให้เย่เชียนถึงกับต้องระมัดระวังขึ้นอย่างมาก ส่วนแจ็คเองก็ถูกส่งไปตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ และเย่เชียนก็จะได้สามารถไว้วางใจหวงฟู่ชิงเตี๋ยนได้อย่างแท้จริงและด้วยความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกันก็อาจจะดีมากขึ้นกว่าเดิมหากได้รู้เรื่องเหล่านั้นอย่างถ่องแท้
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกดำเนินไปและถูกส่งมอบให้แต่บละคนอย่างเหมาะสมและเป็นไปด้วยดี เพราะเย่เชียนนั้นเป็นคนที่รอบคอบและนี่ก็เป็นตัวตนปกติของเขาและเขาก็ไม่เคยสงสัยในตัวพี่น้องของเขาเลย ในความเป็นจริงมันก็ค่อนข้างที่จะน่ากังวลเพราะเย่เชียนนั้นมักจะมอบสิ่งต่างๆ ให้พี่น้องที่เชื่อใจดูแลเช่นเดียวกับซ่งหลันที่คอยดูแลเครือน่านฟ้ากรุ๊ปในเมืองเซี่ยงไฮ้และเช่นเดียวกับเมืองหนานจิงที่มอบทุกอย่างให้เฉิงเหวินคอยดูแลนั่นเอง
เย่เชียนนั้นก็ไม่ลืมสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งซึ่งนั่นก็คือข้อตกลงกับหูวเค่อนั่นเอง เพราะหูวเค่อคงไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ได้เร็วขนาดถึงนี้อย่างแน่นอน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เช่นนั้นเลยเพราะเย่เชียนได้เตรียมการเอาไว้ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในเมืองเซี่ยงไฮ้แล้วและเมื่อเทียบกับเมืองหนานจิงนั้นเขาดำเนินการสิ่งต่างๆ ในเมืองเซี่ยงไฮ้ได้ล่าช้ากว่าเมืองหนานจิงอย่างมาก
หลังจากนั้นเย่เชียนก็โทรไปหาหูวเค่อและถามอย่างตื่นเต้นว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าหูวเค่อนั้นรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้เมื่อคืนนี้และเธอก็รู้ด้วยว่าเย่เชียนเป็นคนคอยควบคุมสถานการณ์ในเมืองเซี่ยงไฮ้เอง ซึ่งใบหน้าของหูวเค่อนั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเธอก็บอกให้เย่เชียนไปที่สโมสรเจิดจรัสเพื่อไปหาเธอและเธอก็จะรอเขาอยู่ที่นั่น
ความสนใจของเย่เชียนเกี่ยวกับตัวตนของหูวเค่อนั้นก็เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ที และเขาก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะได้รู้เกี่ยวกับเธอ ซึ่งหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปแล้วเย่เชียนก็รีบไปหาหูวเค่อในทันที
.
.
.
.
.
.
.