ตอนที่ 309 ความรักของชิงเฟิง
สำหรับการเผชิญหน้ากับองค์กรดาร์คลิลลี่นั้นไม่เหมือนกับการเผชิญหน้ากับแก๊งชิงหรือตงเซียงกรุ๊ปเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าหากการโจมตีเพียงครั้งเดียวล้มเหลวล่ะก็มันไม่เพียงแค่เปิดเผยตัวตนของนากาจิมะชินนะและทำให้เธอได้รับอันตรายเพียงเท่านั้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการจะหาโอกาสดีๆ ในครั้งอื่นๆ ในการโจมตีองค์กรดาร์คลิลลี่ในอนาคตนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ กระต่ายเจ้าเล่ห์มักจะมีโพรงสามโพรงแล้วใครจะรู้ได้ว่าองค์กรดาร์คลิลลี่นั้นมีฐานที่มั่นลับอื่นๆ อีกหรือไม่และถึงแม้ว่ามันจะไม่มีก็ตามแต่ถึงยังไงหลังจากการโจมตีครั้งนี้ไปแล้วเกรงว่าพวกเธอก็คงจะมีแหล่งกบดานอื่นๆ เป็นแน่เพราะที่แห่งนี้คือประเทศญี่ปุ่นดินแดนของพวกเธอและเขี้ยวหมาป่าเองก็ไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ ทางภูมิศาสตร์เลยแม้แต่น้อย
“องค์กรดาร์คลิลลี่จะมีการจัดประชุมใหญ่ในอีกสามวัน..โดยมีสมาชิกแนวหน้าทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมและรวมไปถึงผู้นำด้วย” นากาจิมะชินนะพูดต่อ “ส่วนสถานที่ของการประชุมลับในครั้งนี้ผู้นำยังไม่ได้ระบุเอาไว้..แต่มันก็น่าจะเป็นสถานที่ที่มีประชากรน้อยๆ และลับตาผู้คน..ถ้าพวกคุณพลาดโอกาสนี้ไปฉันคิดว่ามันน่าจะยากมากที่จะมีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกในอนาคต”
เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “เอาล่ะๆ ..แล้วสามวันต่อจากนี้คุณจะแจ้งข่าวให้เราทราบได้ยังไง”
“ฉันมีวิธีเฉพาะของตัวเอง..ฉันจะทิ้งรหัสและโค้ดลับเอาไว้แล้วคุณเย่ก็ไปที่นั่นเมื่อถึงเวลา” นากาจิมะชินนะพูด
“แล้วถ้าหากพวกเราเริ่มโจมตีกันแล้วแบบนั้นคุณจะไม่เสี่ยงเกินไปหรอ..เท่าที่ผมรู้มาสมาชิกของดาร์คลิลลี่มีไม่ต่ำกว่าร้อยคนและมีอย่างน้อยๆ ห้าสิบคนที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้..แต่ฝ่ายเรามีเพียงพวกเราแค่สามคนและถ้าหากพวกเราโจมตีจากระยะไกลล่ะก็คุณเองก็เสี่ยงมากเช่นกัน” เย่เชียนพูดอย่างกังวล เพราะท้ายที่สุดแล้วนากาจิมะชินนะก็เป็นเหมือนพี่น้องและเพื่อนพ้องของเขาเพราะฉะนั้นเย่เชียนจึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อชีวิตของเธอได้เพียงเพื่อที่จะมุ่งทำลายองค์กรดาร์คลิลลี่เพียงเท่านั้น
“คุณเย่คะ..คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน..ฉันมีวิธีหนีออกมา” นากาจิมะชินนะพูด
“ไม่! ..ฉันไม่เห็นด้วย!” ชิงเฟิงพูดอย่างแน่วแน่ “ถึงเธอจะบอกว่าเธอมีวิธีของเธอก็เถอะ..แต่ถ้ามันไม่เป็นแบบนั้นล่ะ..มันก็เท่ากับว่าฉันฆ่าเธอด้วยตัวเองน่ะสิ..ฉันไม่ยอม!”
เย่เชียนกับม่อหลงถึงกับหันไปมองที่ชิงเฟิงด้วยความประหลาดใจอย่างมากเพราะน้องชายคนนี้ดูตื่นเต้นและออกหน้าออกตามากเกินไป ส่วนนากาจิมะชินนะเองก็รู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยเพราะหลังจากที่เธอเป็นนักฆ่ามานานหลายปีเธอก็แทบจะไม่มีเพื่อนเลยสักคนนอกจากซ่งหลันที่เป็นเหมือนพี่สาวของเธอเพียงเท่านั้น แต่โดยธรรมชาติแล้วซ่งหลันและเธอนั้นก็ไม่สามารถพูดหรือคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ได้เพราะพวกเธอนั้นไม่ใช่คนธรรมดาๆ แต่ถึงยังไงผู้หญิงก็ยังต้องการให้คนอื่นมารักมาสนใจเธอและต้องการให้ผู้ชายมาคอยดูแลเอาใจใส่เธอเหมือนผู้หญิงปกติเช่นกัน และเมื่อมองไปที่ชิงเฟิงแล้วหัวใจของนากาจิมะชินนะก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
อย่างไรก็ตามในฐานะนักฆ่าแล้วเธอก็ไม่รู้เลยว่าจะแสดงความรู้สึกของเธอออกมาอย่างไรเธอเพียงจ้องมองชิงเฟิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “ฉันไม่ได้ถามความคิดเห็นของนายสักหน่อย..ถ้านายไม่เห็นด้วยที่จะทำก็แล้วแต่..เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวและถ้าพลาดครั้งนี้ไปก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องรอไปอีกเมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสดีๆ อีก”
นากาจิมะชินนะหันหน้าไปมองเย่เชียนและพูดอย่างแน่วแน่ว่า “คุณเย่นี่เป็นโอกาสเดียวนะ..ถ้าคุณต้องการกวาดล้างดาร์คลิลลี่จริงๆ ล่ะก็นี่แหละเป็นโอกาสที่ดีที่สุด..ฉันหวังว่าคุณจะไม่พลาดโอกาสนี้ไปนะ..คุณไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงฉันหรอก..ฉันมีวิธีเอาตัวรอด..แต่ถ้าฉันไม่รอดจริงๆ ล่ะก็อย่างน้อยๆ ฉันก็จะได้โล่งใจ” ในขณะที่ธอพูดร่องรอยแห่งความโศกเศร้าก็ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของนากาจิมะชินนะ
“บอส! ..อย่าไปฟังเธอ..ผมไม่เห็นด้วย..ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง!” ชิงเฟิงพูดเสียงแข็งและดุดัน
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เย่เชียนก็พูดว่า “ทำตามแผนเดิมไปก่อนเถอะ..ฉันจะคิดให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง..ว่าแต่คุณนากาจิมะครับ..ถ้าหากดาร์คลิลลี่ถูกทำลายลงแล้วคุณจะทำอะไรต่อไปในอนาคตหรอ?”
แสงแห่งความงุนงงและสับสนอ้างว้างก็สว่างวาบอยู่ภายในดวงตาของนากาจิมะชินนะ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน..อาจจะไปหาที่เงียบๆ ที่ห่างไกลจากสถานที่ที่มีข้อพิพาททางโลก..และใช้ชีวิตที่เหลือของฉัน..”
ชิงเฟิงก็ถึงกับตกตะลึงและกำลังจะอ้าปากเพื่อพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อคำพูดนั้นๆ กำลังจะออกจากปากของเขาแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“เอ่อ..คุณนากาจิมะชินนะ” เย่เชียนกำลังจะพูดแต่ทว่านากาจิมะชินนะก็พูดขัดจังหวะว่า “คุณเย่..คุณเรียกฉันว่าชินนะเถอะค่ะ..อย่าสุภาพกับฉันแบบนี้เลย”
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “เอาล่ะๆ ..ชินนะ..ถ้าเธอไม่รังเกียจเธอก็มาทำงานกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสิ..พี่หลันก็อยู่ที่นั่นด้วย..เธอจะได้ไปอยู่กับพี่สาวของเธอไง”
“ใช่ๆ ..ชินนะ..เธอไปประเทศจีนสิ..ฉันจะได้เจอหน้าเธอทุกๆ วัน” ชิงเฟิงพูดอย่างกระตือรือร้นและถือโอกาสนี้เรียกชื่อเธอเหมือนกันกับที่เย่เชียนเรียก
“ฉันไม่ได้อยากเห็นหน้านายสักหน่อย..ฉันเห็นหน้านายทีไรฉันก็อยากจะฆ่านายทุกที!” นากาจิมะชินนะจ้องเขม็งไปที่ชิงเฟิงและพูด
“เอาเถอะ..ยังไงก็ได้..ตราบใดที่เธอมาประเทศจีนเธอก็มาฆ่าฉันได้เลย..ฉันเต็มใจที่จะตายด้วยน้ำมือของเธอ” ชิงเฟิงฉวยโอกาสอิงไหล่นากาจิมะชินนะและโน้มตัวไปหาเธออย่างทะเล้นและซุกซน
เย่เชียนกับม่อหลงก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและเย่เชียนก็คิดกับตัวเองบางทีนากาจิมะชินนะอาจจะถูกชิงเฟิงไล่ตามจีบไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน เพราะเย่เชียนยังจำคำพูดของหลี่เหว่ยที่พูดเอาไว้ว่าถ้าเราไล่ตามจีบผู้หญิงล่ะก็เราก็ต้องกล้าหาญและไร้ยางอายและหน้าด้านเข้าไว้จนถึงที่สุดและถ้าหากเราทำได้ล่ะก็จะไม่มีผู้หญิงคนใดในโลกใบนี้ที่ไม่พ่ายแพ้และใจอ่อนให้กับเรา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชิงเฟิงที่ไร้ยางอายคนนี้นั้นทำได้ดีมากและชิงเฟิงนั้นก็ช่างน่าหน้าด้านยิงนัก แต่ถึงยังไงเย่เชียนก็ไม่ได้ห้ามหรือเข้าไปแทรกแซงระหว่างพวกเขาทั้งสอง ซึ่งเมื่อครั้งที่พวกเขาไปเยือนประเทศเมียนมาร์ครั้งล่าสุดนั้นน้องชายคนนี้ใช้ความคิดที่น่ารังเกียจเช่นนี้ในการทรมานหลัวโจ่วผู้นำองค์ทหารรับจ้างดอกฝิ่นซึ่งแสดงให้เห็นว่าชิงเฟิงนั้นมีนิสัยที่เหมือนเด็กแหละค่อนข้างที่จะหยาบคายเกินไปหน่อยแต่ถึงยังไงเขาก็อาจจะเชี่ยวชาญในด้านการจีบผู้หญิงไม่น้อยไปกว่าหลี่เหว่ยเป็นแน่
เห็นได้ชัดเลยว่านากาจิมะชินนะนั้นไม่คุ้นเคยกับบทสนทนาและการกระทำที่สนิทสนมใกล้ชิดกันเช่นนี้ เธอจึงหันไปมองชิงเฟิงและพูดว่า “ฉันเตือนนายแล้วนะว่าอย่ามาเข้าใกล้ฉัน..ไม่งั้นฉันจะฆ่านายจริงๆ!”
ชิงเฟิงก็แลบลิ้นใส่และถอยออกมาเพราะเขาก็รู้ดีว่าแค่นี้มันเพียงพอแล้วเพราะเมื่อไล่จีบผู้หญิงเราก็ต้องเข้าใจในระดับหนึ่งและไม่มากเกินไปด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณค่ะคุณเย่..ฉันจะเก็บไปพิจารณาดูนะคะ” นากาจิมะชินนะพูด “คุณเย่..ฉันขอตัวไปก่อนนะคะ..คุณเตรียมพร้อมสำหรับรหัศและโค้ดลับของฉันด้วยนะคะ”
“ชินนะอย่าเพิ่งไป! ..นั่งลงก่อน..ฉันยังมีเรื่องที่จะบอกเธออีกตั้งเยอะ!” ชิงเฟิงลุกขึ้นยืนด้วยความรีบร้อนและพูดอย่างเร่งรีบ
นากาจิมะชินนะเหลือบมองไปที่ชิงเฟิงจากนั้นก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างอย่างน่าหวาดเสียวเพราะนี่คือชั้นแปดถ้าพลาดไปไม่ตายก็พิการ เมื่อเห็นเช่นนั้นชิงเฟิงก็วิ่งไปที่หน้าต่างอย่างเร่งรีบเพียงเพื่อมองนากาจิมะชินนะและชั่วพริบตาเธอก็เข้าไปในท่อระบายน้ำและลงไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยซึ่งทำให้ชิงเฟิงโล่งใจเป็นอย่างมาก
“ชอบเธอหรอ” ม่อหลงยิ้มเล็กยิ้มน้อยและถามขึ้นมา
ชิงเฟิงฉีกยิ้มและพูดว่า “ใช่ๆ ..ผมชอบเธอ” ในขณะที่เขาพูดเขานั่งลงข้างๆ เย่เชียนและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จากนั้นก็พูดว่า “บอสครับ..ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่สวยเท่านี้มาก่อนเลย..บอสต้องช่วยผมนะ..บอสอย่าส่งเธอไปตายนะ”
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มแหยงๆ และพูดว่า “นี่ไอ้หนู! ..นายเห็นฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ”
ชิงเฟิงยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ไม่ๆ ..ไม่แน่นอน..บอสไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว..แต่ว่าบอส! ..ผมอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้..ผมอยากให้เธอเป็นภรรยาของผม!”
“นายไม่กลัวว่าเธอจะฆ่านายตอนที่นายหลับกลางดึกเลยเหรอ” ม่อหลงหยอกล้อ
“โถ่พี่..ผมคิดว่าเธอคงเปลี่ยนใจเมื่อเวลานั้นน่ะ” ชิงเฟิงพูดอย่างมีความสุข
เย่เชียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ และพูดว่า “เห้อ..เออๆ ..ก็ได้ๆ .. หลังจากเรื่องนี้จบฉันจะไปคุยกับพี่หลันให้..เดี๋ยวจะถามให้ว่าจะให้เธอจะช่วยเป็นแม่สื่อให้นายยังไงได้บ้าง”
“ฟื้บ! ..” ชิงเฟิงจูบและหอมแก้มของเย่เชียนอย่างดุเดือดและพูดว่า “เย้..บอสเนี่ยเข้าใจหัวอกของผมที่สุดเลย! ..ผมรักบอสที่สุดเลย..บอสพูดแล้วนะ..บอสอย่าคืนคำล่ะ”
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นและเช็ดน้ำลายของชิงเฟิงบนใบหน้าของเขาออกและพูดว่า “ได้..ฉันสัญญา..ฉันจะไม่คืนคำ..เอาล่ะคุณทุกคนกลับไปทำธุระของตัวเองเถอะ..จะไปทำอะไรก็ได้ภายในสองวันนี้..และก็ชิงเฟิง! ..นายดูแลหวงฟู่ชิงเส้าเจี๋ยดีๆ ล่ะ..จำเอาไว้ด้วยว่าอย่าทำให้ฉันต้องเดือดร้อนในช่วงเวลานี้..นายเข้าใจใช่มั้ย?”
“ไม่มีปัญหาครับบอส! ..ไม่ต้องกังวลไป..ผมสัญญาเลยว่าจะทำตัวดีๆ ..และผมก็จะดูแลรักษาตัวเองเอาไว้เพื่อนากาจิมะชินนะที่น่ารักของผม” ชิงเฟิงพูด
ม่อหลงก็มองชิงเฟิงและยิ้มเล็กยิ้มน้อย ส่วนเย่เชียนก็จ้องเขม็งชิงเฟิงและพูดว่า “ดีๆ ..ฉันล่ะกังวลกับพวกนายจริงๆ ..ดูแลเส้าเจี๋ยด้วยก็แล้วกัน..ไอ้หมอนั่นเขาเหมือนกับนายเลย..อย่าสร้างปัญหากันล่ะ”
“รับทราบ!” ชิงเฟิงยิ้มอย่างมีความสุขและเดินออกไปจากห้องของเย่เชียน ส่วนม่อหลงก็พยักหน้าให้เย่เชียนและลุกขึ้นเดินตามชิงเฟิงออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เย่เชียนนอนหลับเต็มอิ่มอย่างสบายและเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยตงไป่โดยถามว่าเย่เชียนมีเวลาว่างหรือไม่เขาจะพาไปหาเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเย่เชียนเองก็เห็นด้วยโดยธรรมชาติเพราะการมีเพื่อนเพิ่มนั้นก็ดียิ่งกว่าการเพิ่มศัตรูเป็นไหนๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติแล้วที่คนที่เดินบนเส้นทางนี้จะต้องมีมิตรสหายมากมาย
หลังจากอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวแล้วเย่เชียนก็เห็นรถของโย่วซวนจอดอยู่ด้านนอกของโรงแรมและตอนที่เขาลงไปที่ชั้นล่างเย่เชียนก็เห็นโย่วซวนซึ่งยืนรออยู่ และเมื่อโย่วซวนเห็นเย่เชียนลงมาที่ล็อบบี้ของโรงแรมแล้สเขาจึงรีบทักทายว่า “คุณเย่อรุณสวัสดิ์ครับ!”
เย่เชียนก็ยิ้มกว้างๆ และพูดว่า “คุณหัวหน้าอย่าสุภาพกับผมขนาดนี้สิครับ..เรียกผมว่าเย่เชียนก็พอแล้ว”
“นั่นคือความอ่อนน้อมถ่อมตนของคุณเย่ฉันเข้าใจดี..แต่ถึงยังไงโย่วซวนคนนี้ก็ต้องเคารพคนอย่างคุณเย่อย่างสุภาพ” โย่วซวนพูด ชายวัยกลางคนผู้สวมแว่นตาสีทองแต่งตัวเรียบร้อยผู้นี้ดั่งนักวิชาการระดับสูงและสุภาพเรียบร้อยเช่นนี้ซึ่งแตกต่างจากตัวตนของเขาอย่างสิ้นเชิง
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเกรงใจและพูดว่า “ครับๆ ..เราไปกันเถอะ!”
“เชิญครับ!” โย่วซวนก็ยังคงเชิญเย่เชียนขึ้นรถอย่างสุภาพ
รถขับไปตามท้องถนนอย่างช้าๆ ท่ามกลางหิมะจางๆ ที่หยุดตกและหิมะบนถนนก็ถูกกวาดออกไปอยู่ข้างทางโดยมีเหล่าเด็กน้อยหลายคนวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน และเมื่อเห็นฉากนี้แล้วเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงวัยเด็กของเขา แต่น่าเสียดายที่ความทรงจำของเขาในวัยเด็กนั้นเลือนรางไปหมด
“คุณหัวหน้าอยู่ที่แก๊งฝูชิงมากี่ปีแล้วครับ?” เย่เชียนถามขณะจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง
“สามสิบปี..สิบเดือน..กับอีกแปดวัน” โย่วซวนพูด “ตั้งแต่ที่ฉันมาเหยียบประเทศญี่ปุ่นฉันก็ได้พบกับปรมาจารย์เซี่ยโดยบังเอิญ..และต้องขอบคุณความเมตตาของเขาที่ฉันได้มาอยู่กับปรมาจารย์เซี่ยจนถึงทุกวันนี้”
“โห..คุณหัวหน้าจำได้ยังไงเนี่ย..นี่มันตั้ง30ปีมาแล้ว..และในที่สุดหัวหน้าก็บรรลุความสำเร็จของตัวเองสู่ความยิ่งใหญ่ในทุกวันนี้” เย่เชียนพูด
“คุณเย่ก็ยกย่องฉันเกินไป..ทั้งหมดก็มาจากความช่วยเหลือของท่านผู้นำ..ถ้าหากไม่มีท่านผู้นำล่ะก็คงจะไม่มีโย่วซวนคนนี้ในทุกวันนี้หรอก” โย่วซวนพูด
เย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ เพราะคนที่รู้จักความกตัญญูและบุญคุณนั้นก็คือคนที่ควรค่าแก่การเคารพอย่างยิ่งและนี่ก็อาจเป็นองค์ประกอบและผลของความสำเร็จของโย่วซวนเองที่จงรักภักดีมาเสมอ แต่แน่นอนว่าความพยายามและความมุ่งมั่นของโย่วซวนและรวมไปถึงพรสวรรค์ของเขาก็ต้องขาดไม่ได้อีกด้วยในเรื่องนี้ เพราะทั้งหมดทั้งมวลแล้วมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเรื่อง่ายๆ เลยที่คนๆ หนึ่งจะมาถึงจุดนี้ได้
.
.
.
.
.
.
.