ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 355 การลงทุนทางการเมือง

ตอนที่ 355 การลงทุนทางการเมือง

ตอนที่ 355 การลงทุนทางการเมือง

ตราบใดที่ไม่ใช่เพื่อครอบครัวและเครือญาติหรือพวกพ้องแล้วทุกๆ สิ่งที่เย่เชียนทำนั้นล้วนมีจุดประสงค์หรือผลตอบแทน ซึ่งในแง่ของอู๋จิ่วนั้นเขาไม่ใช่พวกพ้องแต่อย่างใดซึ่งอย่างน้อยๆ ระหว่างเขาก็เป็นเพียงแค่พันธมิตรในการร่วมมือกันและแน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่ได้ต้องการจะช่วยอู๋จิ่วประสบความสำเร็จอย่างไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอนเพราะอันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาพบกันตอนนี้ก็ตามแต่ถึงยังไงเย่เชียนก็จะไปหาเขาด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามคู่ต่อสู้เพียงคนเดียวที่สามารถแข่งขันและเผชิญหน้ากับนายิบได้ก็คืออู๋จิ่วนั่นเอง

ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศเมียนมาร์จะไม่ใหญ่โตมากก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ยังเป็นเศรษฐกิจและประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนาสู่ระดับสากลซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการพัฒนาแล้วผลประโยชน์ที่ได้ก็จะมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน ซึ่งสำหรับเย่เชียนแล้วนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดแต่อย่างใดเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการควบคุมตลาดและเศรษฐกิจภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งทวีปนั่นเอง

เมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดทันใดนั้นอู๋จิ่วก็ไม่สนใจอย่างอื่นอีกต่อไปแล้วและเขาก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณเย่มีวิธีการอะไรหรือ..พูดมาได้เลยฉันอยากฟัง”

เย่เชียนก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาและยื่นให้อู๋จิ่วแต่อู๋จิ่วก็ส่ายหัวปฏิเสธหลังจากนั้นเย่เชียนก็ยื่นให้ต้าเถาซึ่งต้าเถาก็รับเอาไว้และเย่เชียนก็จุดไฟให้ด้วยท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก

“ผมขอถามก่อนว่าอะไรเป็นปัญหาที่รัฐบาลเมียนมาร์กังวลมากที่สุด?” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ

อู๋จิ่วก็ตอบด้วยความประหลาดใจว่า “เรื่องที่รัฐบาลเมียนมาร์กังวลมากที่สุดก็คือเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจน่ะ”

เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ปัญหาการพัฒนาเศรษฐกิจน่ะมีความสำคัญกับทุกประเทศ..แต่ด้วยวิธีการเลือกตั้งน่ะมันไม่ใช่หัวข้อที่เหมาะสมสักเท่าไหร่เพราะปัญหาใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาร์ก็คือกองโจรติดอาวุธเหล่านั้นที่ไม่เพียงแค่คุกคามรัฐบาลเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงผลประโยชน์ของประชาชนอีกด้วย..เพราะงั้นการกวาดล้างกองโจรคือตัวเลือกและวิธีการที่ดีที่สุด!”

อู๋จิ่วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เพราะอันที่จริงแล้วปัญหาของกองโจรติดอาวุธเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศเมียนมาร์มาโดยตลอดแต่ทว่ากองโจรเหล่านั้นก็อยู่ในพื้นที่ยากต่อการปราบปรามอย่างมากและมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะกวาดล้างพวกเขาเหล่านั้น แต่เช่นเดียวกับที่เย่เชียนพูดเพราะการใช้สิ่งนี้เป็นหัวข้อในการเพิ่มคะแนนเสียงความนิยมในการหาเสียงของเขานั้นมันก็จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นเพราะหลังจากเข้ารับตำแหน่งแล้วนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะเป็นข้อโต้แย้งของนักการเมืองในอนาคตอย่างแน่นอน

“วิธีการของคุณเย่ยอดเยี่ยมมาก..แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำเพราะกำลังของกองทัพเมียนมาร์เรามีจำกัดและบางหน่วยก็ไม่ได้มีความพร้อมเท่ากับเหล่ากองโจรและที่สำคัญกว่านั้นก็คือฐานที่มั่นและรังของกองโจรก็มักจะหาได้ยาก..ถ้าเราทำพลาดก็จะต้องมีคำจำนวนมากล้มตายและผลที่ได้ก็จะร้ายแรงยิ่งขึ้น” อู๋จิ๋วเหลือบมองไปที่เย่เชียนและพูดอย่างหมดหนทาง

ในความเป็นจริงแล้วที่อู๋จิ่วพูดแบบนี้นั้นเขาก็แค่พยายามเรียบเรียงสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมาซึ่งในความคิดของเขานั้นตั้งแต่ที่เย่เชียนเสนอแผนนี้ออกมาเขาก็อยากรู้วิธีการของเย่เชียนอย่างมาก

“ผมไม่รู้ว่าคุณอู๋จิ่วเคยอ่านนวนิยายจีนเรื่อง The Water Margin หรือเปล่า?” เย่เชียนถาม

อุ๋จิ่วก็ถึงกับผงะไปเพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เชียนถึงได้ถามคำถามนี้และเขาก็ส่ายหัวและตอบว่า “ไม่ๆ ..ฉันไม่เคย”

“The Water Margin เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับราชสำนักในยุคสมัยนั้นๆ และพวกเขาก็รวมกันเป็นหนึ่งเพื่อต่อสู้กับรัฐบาล..ซึ่งลักษณะของกองโจรเหล่านั้นในนวนิยายมันก็คล้ายกับประเทศเมียนมาร์นั่นแหละ..เพราะต่อมาศาลของจักรวรรดิก็ได้กำหนดกฎพระราชบัญญัติให้กับแผ่นดิน..ซึ่งนั่นก็คือการมอบยศอัศวินให้กับพวกกองโจรเหล่านั้นและให้พวกเขาใช้ชีวิตในนามของอัศของแผ่นดินและในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จอย่างมากและคนที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของพวกเขาก็จะอยู่ในกฎระเบียบและทุกคนก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัศวินเช่นกันและจากนั้นพวกเขาก็กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดินในนามของจักรวรรดิและท้ายที่สุดกองโจรในนามของอัศวินเหล่านั้นก็จะช่วยพวกเรากวาดล้างส่วนที่เหลือเอง” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ “คุณอู๋จิ่วพอเข้าใจสิ่งที่ผมพูดมั้ยครับ?”

“คุณเย่หมายความว่าพวกเราสามารถร่วมมือกับกองโจรเหล่านั้นได้น่ะหรือ? ..แล้วก็แต่งตั้งพวกเขาอย่างเป็นทางการแบบนั้นใช่มั้ย?” อู๋จิ่วพูด

เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่..นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว..เพราะรัฐบาลเมียนมาร์ก็หวั่นเกรงกับกองโจรอยู่..และกองโจรเองก็กังวลเสมอว่าเมื่อไหร่ที่รัฐบาลจะดำเนินการกวาดล้างพวกเขาครั้งใหญ่..เพราะงั้นผมจึงคิดว่าการปรองดองของกองโจรกับรัฐบาลนั่นดีที่สุดแล้ว..เพราะงั้นทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยกองโจรอย่างสันติและมอบเกียรติให้แก่พวกเขาไปเลยล่ะ..แน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน!”

“อันที่จริงฉันเองก็เคยคิดแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน..แต่ฉันไม่เคยมีโอกาสที่เหมาะสมในการจัดการเรื่องนี้อย่างสันติได้เลย..เพราะงั้นฉันก็อยากจะถามคุณเย่ว่าถ้าฉันไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ฉันควรจะยังไงดีล่ะ? ..จะโจมตีด้วยกองทัพและทำให้พวกเขายอมแพ้งั้นหรือ?” อู๋จิ่วพูดด้วยความกังวล

“ไม่ๆ ..ฉันไม่เห็นด้วยกับการโจมตีทางกองทัพอย่างเด็ดขาด..เพราะตอนนี้กองกำลังของพวกเรามีอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ด้อยคุณภาพและล้าสมัยเกินไป..และอีกอย่างทหารของพวกเราเองก็ไม่มีความสามารถในการทำสงครามขนาดใหญ่กับกองโจรเหล่านั้น..เพราะงั้นในแง่ของจำนวนเราอาจจะมีข้อได้เปรียบมากก็จริงและเราก็อาจจะชนะในท้ายที่สุดอย่างแน่นอน..แต่! ..สิ่งที่พวกเราต้องจ่ายและเสียไปมันก็มากเกินกว่าที่พวกเราจะยอมแลกได้อยู่ดี” ต้าเถาพูดอย่างหนักแน่น

เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ผมสามารถช่วยพวกคุณเจรจากับกองโจรได้นะ..และในส่วนของอาวุธและยุทโธปกรณ์น่ะเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของผมก็สามารถจัดหาให้พวกคุณได้..เพราะไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือยานรบรุ่นใหม่เราก็หาให้ได้ด้วยความสัมพันธไมตรีที่ดีกับผู้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของต่างประเทศ..เพราะงั้นผมก็เชื่อว่าตราบใดที่พวกคุณยินดีที่จะจ่ายมันก็ไม่มีปัญหาในเรื่องอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยอย่างแน่นอน”

“เครือน่านฟ้ากรุ๊ปทำธุรกิจค้าอาวุธด้วยหรือ?” อู๋จิ่วถามด้วยความประหลาดใจ

“จริงๆ มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ..แต่หลังจากหลายปีของการพัฒนาในต่างประเทศผมก็ได้ติดต่อกับพ่อค้าอาวุธเหล่านั้นมาเยอะ..เพราะงั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้ครับ” เย่เชียนพูดต่อ “แต่แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้คุณต้องชนะการเลือกตั้งก่อนถึงจะดำเนินการได้”

“ด้วยความช่วยเหลือของคุณเย่ฉันก็เชื่อว่าฉันสามารถชนะนายิบได้อย่างแน่นอน” อู๋จิ่วพูดอย่างหนักแน่น

“ไม่ต้องใช้ความเชื่อ! ..แต่เราต้องชนะเท่านั้น!” เย่เชียนพูดต่อ “คุณอู๋จิ่วครับ..ถ้าคุณทำตามที่ผมบอกผมก็จะไปเกลี้ยกล่อมชาวจีนเหล่านั้นให้สนับสนุนคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้..และผมก็รับรองได้เลยว่าคะแนนเสียงของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมากและจะไม่มีปัญหาอะไรตามมาในภายหลังอย่างแน่นอน”

“แล้วคุณเย่คาดหวังอะไรไว้บ้าง?” อู๋จิ่วถามตรงๆ เพราะมันไม่มีสิ่งใดที่ได้มาฟรีๆ ในโลกใบนี้อย่างแน่นอน ซึ่งการที่เย่เชียนโยนผลประโยชน์อันมหาศาลเหล่านั้นมาให้กับเขาเพราะงั้นเขาก็ต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อตอบแทนอย่างแน่นอน ซึ่งอู๋จิ่วเองก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นเพราะไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะนั่งเป็นประธานหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยและลงสมัครนายกรัฐมนตรีของประเทศเมียนมาร์ได้อย่างไร?

“ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก..ผมก็แค่หวังว่าคุณอู๋จิ่วจะช่วยสนับสนุนเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเราหลังจากที่คุณได้ครองตำแหน่ง!” เย่เชียนพูดเบาๆ ซึ่งเงื่อนไขที่ดูเหมือนไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้มันบ่งบอกได้ถึงกับดักขนาดใหญ่เพราะการสนับสนุนเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นหมายความว่าอย่างไรได้อีกล่ะ? พูดอีกนัยหนึ่งก็คือถ้าหากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้ทำการลงทุนในประเทศเมียนมาร์ในอนาคตนั้นรัฐบาลเมียนมาร์ก็จะต้องให้การสนับสนุนอย่างยิ่งและทุกอย่างโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ เลยแม้แต่น้อยเช่นนั้น

แน่นอนว่าเย่เชียนก็ไม่ได้กลัวที่อู๋จิ่วจะไม่ทำตามที่เขาปรารถนาหลังจากที่อู๋จิ่วขึ้นสู่อำนาจซึ่งประเทศเมียนมาร์ก็เป็นเพียงแค่ประเทศที่เล็กๆ เพราะงั้นถึงแม้ว่าอู๋จิ่วจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ตามแต่ทว่าเย่เชียนก็สามารถทำให้เขาตกลงมาจากตำแหน่งได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว ซึ่งการจัดการกับเหล่านักการเมืองนั้นเย่เชียนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เช่นกันเพราะในหลายๆ ประเทศที่เขี้ยวหมาป่าไปเยือนต่างก็มีหลายพรรคที่เป็นเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ดังนั้นเย่เชียนก็สามารถที่จะทำให้อู๋จิ่วตกลงมาจากบัลลังก์ของเขาได้ง่ายๆ ทุกเมื่อ

“ถ้างั้นก็เป็นอันตกลง!” อู๋จิ่วพูดด้วยความยินดี

อู๋จิ่ว,ต้าเถาและไท่เหอก็ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ต่อเพราะหลังจากพูดคุยเรื่องนี้กันแล้วพวกเขาก็ทักทายและบอกล่ากันอย่างสุภาพหลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากคฤหาสน์ไป

เย่เชียนนั้นมีแผนจะส่งคนของตัวเองเข้าไปแทรกแซงในรัฐบาลของประเทศเมียนมาร์ในครั้งนี้ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และยิ่งไปกว่านั้นเขาเคยรับปากกับนายพลหวังเต๋อเซินเอาไว้ว่าเขาจะทำให้หวังเต๋อเซินเป็นสมาชิกรัฐสภา อย่างสง่าผ่าเผย ดังนั้นตราบใดที่พรรคประชาธิปไตยได้ขึ้นสู่อำนาจล่ะก็ทุกๆ อย่างก็จะพัฒนาไปในทิศทางที่เย่เชียนกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าอย่างแน่นอน

เมื่ออู๋จิ่วและคนอื่นๆ ออกกันไปหมดแล้วเย่เชียนก็เหลือบมองไปที่เฟิงหลานและถามว่า “วันนี้มีพี่น้องของเราได้รับบาดเจ็บจากการจลาจลบ้างมั้ย?”

“ไม่ครับบอส!” เฟิงหลานพูดต่อ “คนพวกนั้นกล้าสร้างปัญหาก็จริง..แต่พอถูกปืนจ่อหัวเอาไว้ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะไม่กลัวความตาย”

เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “จะยังไงก็เถอะไปบอกพี่น้องของเราด้วยว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งออกไปข้างนอกคนเดียว..อยู่ในฐานของเรากันไปก่อน..ตอนนี้เรื่องข้างนอกมันวุ่ยวายถ้าเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่คุ้มเสียหรอก”

“รับทราบ!” เฟิงหลานตอบ หลังจากเงียบไปชั่วขณะเฟิงหลานก็ถามว่า “บอส..ทำไมเราต้องไปแทรกแซงการเมืองของประเทศเมียนมาร์ด้วยล่ะ..ใครจะชนะการเลือกตั้งถึงยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราไม่ใช่หรอ? ..ต่อให้นายิบจะชนะการเลือกตั้งไปถึงยังไงเขาก็ทำอะไรกับพวกเราไม่ได้อยู่ดี..ตอนนี้เขาก็แค่หาข้ออ้างโง่ๆ ในการโยนประเด็นขับไล่ชาวจีนอย่างเราก็แค่นั้น”

“นี่คือการลงทุนทางการเมือง!” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม

“แล้วทำไมพวกเราไม่สนับสนุนนายิบล่ะ..เพราะเขาก็มีโอกาสมากกว่าในการชนะการเลือกตั้ง..เพราะงั้นเราก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยหนิ” เฟิงหลานถามอย่างสงสัย

“นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกอุ๋จิ่ว..เพราะตอนนี้เขาเสียเปรียบอยู่และถ้าเรามาช่วยเขาให้ชนะการเลือกตั้งล่ะก็มันก็จะสะท้อนความสามารถของเราและความตั้งใจของเราได้ดียิ่งขึ้นไงล่ะ..และนี่ก็เป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็นอีกด้วย..เพราะงั้นเขาจะชนะการเลือกตั้งในอนาคตและเขาก็ไม่กล้าคิดอะไรนอกเหนือจากนั้นอีก..และยิ่งไปกว่านั้นนาจิบก็ยังเจ้าเล่ห์อู๋จิ่วมาก..เพราะงั้นคู่ต่อสู้แบบนี้ก็รับมือได้ไม่ยากเท่าไหร่และการได้รับการสนับสนุนก็จะได้มากกว่าด้วยแต่มันก็ได้เพียงแค่ระยะสั้นๆ เพราะคนเจ้าเล่ห์อย่างนายิบยังไงล่ะ..กลับกันสิ่งที่จะได้รับจากอู๋จิ่วน่ะมันจะเป็นผลกำไรระยะยาวและมั่นคงกว่ามาก”

“แล้วเราจะทำยังไงต่อ?” หลิวเทียนเฉินถาม

“อย่าเพิ่งทำอะไร..เราแค่เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงไปก่อน” เย่เชียนพูดต่อ “รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วผมจะสั่งอีกที..พี่เทียนเฉินพรุ่งนี้พี่ไปที่ฐานของนายพลหวังเต๋อเซินทีและบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่นี่และให้เขาเตรียมตัวให้พร้อม..แล้วก็เตรียมบอกเขาว่าให้รถถังกับเครื่องยิงขีปนาวุธเอาไว้ให้พร้อมด้วย!”

“ห๊ะ! ..บอสจะไปทำอะไร?” หลิวเทียนเฉินถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก

เย่เชียนก็ฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดว่า “แน่นอนว่ามันต้องสุดยอดแน่ๆ ..เดี๋ยวพี่ก็จะรู้ทีหลังเอง..พี่ไปทำตามที่ผมบอกก็พอ”

“รับทราบ! …เดี๋ยวฉันจะไปที่นั่นตอนเช้าของวันพรุ่งนี้” หลิวเทียนเฉินตอบ

“เอ่อบอส! ..ฉันได้ยินมาว่าไอ้เจ้าบ้าชิงเฟิงมันมีแฟนแล้วอย่างงั้นเหรอ? ..แล้วสถานการณ์ที่ไต้หวันเป็นยังไงบ้าง?” เฟิงหลานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

.

.

.

.

.

.

.

ยอดนักรบจอมราชัน

ยอดนักรบจอมราชัน

Status: Ongoing

เขาคือที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้าง เขาคือผู้ที่สามารถสร้างหายะนะจนทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศปวดหัว! เขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเองและหลั่งเลือดเพื่อพวกพ้องและครอบครัวของเขา! เขาคือยอดนักรบจอมราชัน…

超级兵王

Author: 步千帆

Chinese edition copyright © ChineseAll Digital publishing Group Co.,Ltd

ALL RIGHTS RESERVED

เขาคือผู้ปกครองที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษ เขาคือผู้น่าเกรงขามที่สามารถทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศถึงกับสั่นคลอน! เพื่อพวกพ้องของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อครอบครัวของเขา..เขาก็ไม่ลังเลที่จะหลั่งเลือด! เขานั้นดุจดั่งมังกรที่ทยานขึ้นเหนือสรวงสวรรค์.. พลังของเขานั้นทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเสียเปรียบและย่ำแย่เพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ แม้ว่าจะเป็นสายลมหรือผืนน้ำก็ตาม…

————————————–

ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งจุดสูงสุดของเหล่าทหารรับจ้าง..ผู้ที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดเพื่อจะใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา..แต่โชคชะตากลับนำพามาเจอแต่เรื่องวุ่นวาย..ชายที่มีนามว่า ‘เย่เชียน’ ถูกขนานนามว่า ‘ราชันหมาป่า’ แต่กลับต้องมาปลอมตัวใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวจากองกรค์นักฆ่านานาชาติ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท