ปฏิญญาค่าแค้น – ตอนที่ 7 สถานการณ์ที่ผิดปกติ

ตอนที่ 7 สถานการณ์ที่ผิดปกติ

เมื่อหลินหลันกลับมาถึงหมู่บ้านเจี้ยนซีก็มืดค่ำเสีย นางนำเงินค่าขายไข่เป็ดไปให้ท่านป้าจินที่บ้านเป่าจู้ ท่านป้าจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ  เป่าจู้ไม่ได้กลับมาด้วยกันกับเจ้าหรอกหรือ 

หลินหลันตกตะลึง  พี่เป่าจู้ยังไม่กลับมาอีกงั้นหรือ 

ป้าจินเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล  ยังเลย! ข้ายังคิดว่าพวกเจ้าจะกลับมาพร้อมกันเสียอีก! 

หลินหลันได้แต่ครุ่นคิดในใจ จินเป่าจู้ตานี่ไปตายที่ไหนเสียแล้ว? ไม่ใช่ว่าบอกให้เขากลับบ้านมาช่วยงานท่านป้าจินหรือหรอกหรือ ช่างขยันทำให้คนอื่นเขาเป็นกังวลเสียจริงนะ

เพื่อทำให้ท่านป้าจินวางใจขึ้นมาบ้าง หลินหลันจึงจงใจเอ่ยออกไปว่า  อ่อ! หลักจากพวกเราขายไข่เป็ดหมดก็ต่างพากันแยกย้ายแล้ว พี่เป่าจู้บอกว่าเขายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกหน่อย ข้ายังคิดว่าฝีเท้าของเขาว่องไวและสามารถกลับมาถึงก่อนข้าเสียอีก! 

เมื่อเอ่ยเช่นนี้ป้าจินจึงมีท่าทีที่วางใจขึ้น ต้องการรั้งให้หลินหลันอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน หลินหลันรีบเอ่ยขึ้นทันทีว่าคนที่บ้านก็กำลังรอนางกลับไปกินข้าวด้วยกันอยู่เช่นกัน จึงบอกปฏิเสธความหวังดีของท่านป้าจิน หลินหลันเอ่ยล่ำลาป้าจิน เมื่อเดินพ้นประตูออกไปก็เห็นเงาดำตะคุ่มซ่อนตัวอยู่หลังต้นหม่อน

หลินหลันเอ่ยเสียงต่ำ  ออกมา 

เจ้าของเงาดำนั่นก็ค่อยๆ คืบคลานออกมา เป็นจินเป่าจู้นั่นเอง

 พี่หายหัวไปไหนมา? 

 ข้า…ข้าไม่ได้หายหัวไปไหนหนิ  เป่าจู้เอ่ยอย่างลังเล

หลินหลันไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย  ไม่ได้หายหัวไปไหน? ท่านป้าบอกข้าว่าทั้งวันพี่ไม่ได้อยู่ที่บ้าน 

 ข้า…ข้า…  เป่าจู้ถึงกับแถไปต่อไม่ได้

หลินหลันหรี่ตามอง  พี่ตามข้ากลับมา?  นางเพิ่งมาถึงแท้ๆ เป่าจู้เองก็ตามมาถึงติดๆ คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอก

 เปล่า เปล่านี่ ข้า…ข้า…  เป่าจู้ก้มหน้าลงราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดมา เอ่ยออกมาอย่างกล้ากล้ากลัวกลัว  ระยะหลังมานี้แถวชีหลี่ถิงนั่นมีพวกขอทานมาอยู่อาศัย ข้าเกรงว่าเจ้ากลับมาโดยลำพังมืดค่ำจะเป็นอันตราย… 

เป่าจู้ร้อนรนอธิบาย  ข้าก็แค่รออยู่ที่แถวๆ ชีหลี่ถิงนั่น ไม่ได้ตามเจ้าเข้าไปในเมือง จริงๆ นะ 

ในส่วนความหวังดีจากใจนี้ของเป่าจู้ หลินหลันเองก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี ได้แต่ถอนหายใจออกมา  รีบกลับบ้านเถอะ อย่าทำให้ท่านแม่ของพี่เป็นกังวล 

เป่าจู้ อ่อ ขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง แล้วกลับบ้านไป

หลินหลันกลับมาถึงบ้าน เห็นหลินเฟิงผู้เป็นพี่ชายซึ่งในมือกำลังถือผ้าขี้ริ้วเช็ดเก็บเตาปรุงอาหาร เกี่ยวกับสิ่งนี้ หลินหลันรู้สึกเคยชินกับการเห็นภาพเช่นนี้ไปเสียแล้ว ตราบใดก็ตามที่นางไม่อยู่บ้าน งานบ้านทั้งหมดจะตกอยู่กับพี่ชายของนาง พี่สะใภ้จอมขี้เกียจผู้นั้นหากช่วยเบาแรงได้แม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็คงจะดี

 เกอ ไว้นั่นล่ะให้ข้าจัดการเอง!  หลินหลันวางตะกร้าไม้ไผ่ลง แล้วรีบเข้าไปช่วย

 เหม่ยจื่อ กลับมาแล้วรึ! เร็วเข้า ในหม้อยังมีน้ำแกงไก่เหลืออยู่  หลินเฟิงยิ้มหน้าบานพลางเปิดฝาหม้อขึ้น ทันใดนั้นเองกลิ่นหอมยั่วยวนก็ปะทะเข้าจมูก

หลินหลานเริ่มหิวขึ้นมาทันทีเมื่อได้กลิ่นน้ำแกงไก่หอมๆ อดไม่ได้อยากจะลิ้มลองเต็มทน และเอ่ยขึ้นอย่างดีอกดีใจ  เกอ พี่จับไก่ฟ้ามาได้หรือ 

หลินเฟิงเลิกคิ้วขึ้น แสดงสีหน้าภูมิใจ  วันนี้ได้กำไรมาไม่น้อย จับห่านได้สองตัว ไก่ป่าหนึ่งตัว แล้วก็ยังมีหมูป่าอีกหนึ่ง ห่านป่านั่นช่วยจับแทนผู้เฒ่าหัวหงอก ส่วนหมูป่าหัวหน้าหมู่บ้านก็ซื้อมันไปแล้ว พอดีที่บ้านเขามีการฉลองวันเกิดให้กับพ่อเฒ่า และไก่ฟ้านั่นก็เอามาตุ๋นไว้สำหรับพวกเรากินกัน 

หลินหลันรู้สึกเกินความคาดหมายที่พบว่าในน้ำแกงไก่มีน่องไก่อยู่หนึ่งน่อง นี่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วหรือไงกัน เหยาจินฮวาถึงได้เหลือชิ้นเนื้อเอาไว้ให้? แถมยังเป็นน่องไก่ฟ้ากลิ่นหอมฉุยเช่นนี้อีก

 เหม่ยจื่อ รีบกินตอนยังร้อนๆ เถอะ  หลินเฟิงคะยั้นคะยอ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ในแบบที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย

 เกอ…หรือว่าเจ้าน่องไก่นี่พี่เป็นคนแอบเอาไว้ใช่ไหม  หลินหลันยังคงไม่กล้ากัดมันเข้าปาก หากพรุ่งนี้เหยาจินฮวาเกิดถามถึงน่องไก่ของนาง นางเองก็คงอาเจียนออกมาคืนให้ไม่ได้แล้วล่ะ

หลินเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง  ใช่ที่ไหนกันล่ะ นี่เป็นส่วนที่พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งใจกำชับข้าให้เหลือไว้ให้เจ้าต่างหาก  พอพูดออกมาเช่นนี้ หลินเฟิงก็รู้สึกสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ในที่สุดจินฮวาก็รู้จักเป็นห่วงเป็นในน้องสาวของเขาเสียที

หลินหลันถึงกับตกตะลึง และยิ่งไม่กล้ากินเข้าไปอีก เหตุไฉนเหยาจินฮวาจู่ๆ ถึงได้ดีต่อนางเช่นนี้ คนอย่างนางซึ่งทำอะไรไม่ปกติเช่นนี้คงต้องมีความคิดอะไรแอบแฝงเป็นแน่ เหยาจินฮวาคงไม่ได้แอบทิ้งน้ำลายไว้บนน่องไก่นี่หรอกใช่ไหม เรื่องเช่นนี้เป็นอะไรที่เหยาจินฮวาไม่เคยทำมาก่อน ยังโชคดีที่นางยังรู้เสียก่อนว่าเป็นคำพูดของเหยาจินฮวาที่กำชับไว้ ไม่เช่นนั้นนางคงจะต้องรู้สึกขยะแขยงจนตายเป็นแน่

 กินเถอะ กินเถอะ รีบกินเข้า เหม่ยจื่อเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบกินน้ำแกงไก่นี่บำรุงร่างกายเสียหน่อย  หลินเฟิงเผยรอยยิ้มแล้วหันไปเช็ดเตาปรุงอาหารต่อ

หลินหลันเมื่อคิดว่าบนน่องไก่นี่อาจจะมีน้ำลายของเหยาจินฮวาอยู่ด้วย ความอยากอาหารจึงมลายหายไปโดยปริยาย นางวางตะเกียบลง แล้วเอ่ยออกไปอย่างเสียใจนิดๆ  หากรู้แต่แรกว่าที่บ้านมีของอร่อยเช่นนี้รออยู่ ก็จะไม่กินไข่ต้มของท่านป้าจินจนอิ่มแน่นท้องเสียขนาดนี้ ในท้องไม่สามารถยัดอะไรลงไปได้ไหวแล้ว 

 เจ้ากินมาจากบ้านของท่านป้าจินแล้วรึ  หลินเฟิงเอ่ยถาม

 ใช่น่ะสิ! ข้าช่วยเป่าจู้ขายไข่เป็ดทั้งตะกร้า ท่านป้าจินก็เลยต้องการให้ข้าอยู่กินข้าวที่นั่นเสียก่อน  หลินหลันเอ่ยไปขณะที่ท้องร้องโครกครากเพราะได้กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่ พูดไปก็เสียดายไป ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าภายในใจจะรู้สึกหดหู่มากเพียงใด

 อ่อ…งั้นน้ำแกงไก่นั่นก็เอาเก็บไว้ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้เจ้าค่อยเอามาอุ่นร้อนกิน  หลินเฟิงเอ่ย

หลินหลันคิดไปคิดมา อย่างไงเจ้าน่องไก่นี่นางก็กินไม่ลงอยู่แล้ว จะเททิ้งก็เสียดายน่าดู ไม่สู้…หลินหลันมองไปยังผู้เป็นพี่ชายและเอ่ยขึ้น  เกอ พี่กินเถอะ! อุ่นไปอุ่นมาพาวุ่นวายน่ะ 

 ไม่เอา พี่กินไปแล้ว ส่วนนี้เก็บไว้ให้เจ้า  หลินเฟิงบอกปัด เมื่อพูดถึงเขาขึ้นมา เขาเองในฐานะพี่ชายรู้สึกละอายใจยิ่งนัก ที่ไม่มีความสามารถสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ครอบครัวของเขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้เป็นน้องสาว เขามีครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว ทว่าก็ยังไม่สามารถดูแลน้องสาวของเขาให้ดียิ่งขึ้นได้ แต่ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นน้องสาวที่คอยดูแลเขา

 เกอ พี่กินเถอะ พี่กินเถอะน่า! พี่ต่างหากต้องลำบากขึ้นเขาไปจับหมูทุกวัน! ก็ควรกินให้เยอะๆ หน่อย  หลินหลันทำทีออดอ้อน ไปลากผู้เป็นพี่ชายมานั่งลงแล้วนำน้ำแกงไก่มาวางลงต่อหน้าเขา บังคับให้เขากินน่องไก่ให้หมดไปเสีย

หลินเฟิงไม่อาจขัดใจผู้เป็นน้องสาวได้ จึงทำได้เพียงหยิบเจ้าน่องไก่แล้วกินมันเข้าไปเสีย

มองดูพี่ชายที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย หลินหลันก็ยิ่งรู้สึกหิวขึ้นไปอีก เฮ้อ…ในกระเป๋ายังมีอาหารแห้ง อีกประเดี๋ยวค่อยไปที่ห้องแล้วกินคู่กับชาซักหน่อยแล้วกัน !

 เหม่ยจื่อ เจ้ารู้สึกว่าเป่าจู้ผู้นี้เป็นอย่างไร  หลินเฟิงเอ่ยขึ้นมากะทันหัน

หลินหลันชะงักไปชั่วขณะ ตระหนักเป็นอย่างดีว่าคำถามของพี่ชายนั้นมีอะไรแอบแฝงมากกว่านั้น นางจึงต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตอบกลับไป ไม่เช่นนั้นหากผู้เป็นพี่ชายเข้าใจผิด คงได้วุ่นวายชวนให้ปวดหัวน่าดูเชียว

 อืม…พี่เป่าจู้เขาก็เป็นคนดีมากคนหนึ่งนะ! แต่ว่าพี่อย่าได้คิดไปไกลเชียว ข้าน่ะคิดกับพี่เป่าจู้เพียงพี่ชายผู้หนึ่งเท่านั้น  หลินหลันเอ่ยออกตามตรง เพื่อที่ผู้เป็นพี่ชายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดา

หลินเฟิงยิ้มออกมา เข้าใจความหมายของน้องสาวเป็นอย่างดี ผู้เป็นน้องสาวของเขาไม่ได้ถูกอกถูกใจเป่าจู้ผู้นั้น

การเปลี่ยนแปลงไปของเหยาจินฮวาเริ่มต้นขึ้นด้วยน่องไก่ และยังคงมีเรื่องให้น่าแปลกประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีกรออยู่หลังจากนี้

วันถัดมา หลินหลันยังคงตื่นแต่เช้าตรู่ เริ่มต้นวันด้วยการก่อไฟทำอาหาร มื้อเช้าเพิ่งจะทำเสร็จ เหยาจินฮวาตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับพี่ชายของนางซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

มองดูหลินหลันที่กำลังจะไปซักผ้า เหยาจินฮวาก็ได้เอ่ยประโยคซึ่งนางไม่เคยเอ่ยออกมาก่อน  หลินหลันอ่า! ลำบากเจ้าด้วยนะ สิ่งเหล่านี้เดิมทีล้วนเป็นเรื่องที่ซ่าวจื่อ [1] ควรจะทำมันทั้งนั้น 

หลินหลับกะพริบตาปริบปริบอย่างเหลือเชื่อ นี่ตนเองคงไม่ได้กำลังฝันอยู่หรอกใช่หรือไม่ หรือว่าเมื่อวานนี้ตอนที่นางไม่อยู่บ้าน หัวของเหยาจินฮวาชนเข้ากับบานประตูเข้าให้แล้วหรือไง

และเมื่อมองไปยังรอยยิ้มซื่อๆ ของผู้เป็นพี่ชายซึ่งเต็มไปด้วยความสุขอันหาที่เปรียบไม่ได้ หลินหลันก็สงสัยขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่าหมูป่าตัวนั้นที่พี่ชายจับมาเมื่อวานนี้ทำให้เหยาจินฮวาสมองกลับไปเสียแล้ว?

ได้ยินเพียงคำพูดที่เหยาจินฮวาเอ่ยกับพี่ชายของนาง  วันนี้เจ้าเข้าไปในเมืองเลือกผ้าลายดอกไม้สวยๆ มาสักผืน ข้าจะทำเสื้อผ้าใหม่ให้เหม่ยจื่อ เสื้อผ้าของเหม่ยจื่อล้วนเป็นเสื้อผ้าจากปีที่แล้วทั้งสิ้น เหม่ยจื่อสวมใส่มันจนเกือบจะขาดรุ่ยหมดแล้ว… 

หลินหลันผู้นี้มีทัศนคติและจุดยืนต่อสิ่งที่รักและเกลียดอย่างชัดเจนมาก ตามคติเดิมที่ว่า หากผู้นั้นไม่ได้ทำให้ตนขุ่นเคือง ตนก็จะไม่ทำให้ผู้นั้นขุ่นเคือง และหากผู้นั้นทำให้ตนขุ่นเคือง อีกทั้งยังคอยรุกรานตนไม่เลิกรา หลักการของนางก็คือต้องถอนรากถอนโคนสถานเดียว เหตุผลเดิมทีเป็นเพราะพี่ชาย นางจึงยอมอดทนต่อเหยาจินฮวา พยายามที่จะไม่ต่อปากต่อคำมีปัญหากับนางมาโดยตลอด ทันใดนั้นเอง เหยาจินฮวาที่กำลังหมุนตัวไปรอบๆ ร้อยแปดสิบองศา ก็ทำให้หลินหลันรู้สึกอึดอัดชอบกลเป็นอย่างมาก

 เอ้! ได้เลย ยังต้องซื้ออะไรอีกไหม เจ้าว่ามาเลย ข้าจะจดเอาไว้  หลินเฟิงตอบรับอย่างมีความสุข น้ำเสียงของเขาฟังดูใสกว่าปกติที่เคยเป็น

เมื่อมองไปยังลักษณะท่าทีของพวกเขาสองคนคู่สามีภรรยา ภายในใจของหลินหลันกลับรู้สึกว่ามีเสียงระฆังกำลังดังเตือนกึกก้อง จากเดิมที่คนไม่เคยคิดจะทำอะไรก็ลุกขึ้นมาทำเสียดื้อๆ เหยาจินฮวาจะต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่เป็นแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่าที่แท้จริงแล้วในความคิดของนางกำลังจะทำเรื่องอะไร

ทันใดนั้นเองหลินหลันก็เกิดนึกถึงแม่สื่อหวังขึ้นมา แม่สื่อหวังไม่มีทางมาที่บ้านโดยปราศจากความตั้งใจ จะต้องเป็นเหยาจินฮวาที่เรียกนางมาแน่

——

[1] 嫂子 อ่านว่า ซ่าวจื่อ แปลว่า พี่สะใภ

 

ปฏิญญาค่าแค้น

ปฏิญญาค่าแค้น

Status: Ongoing

คำโปรย

หลินหลัน ทะลุมิติมาเกิดใหม่ในคราบของหญิงสาวชาวบ้านที่แสนลำบากยากจน แต่โชคยังดีที่ความสามารถด้านการแพทย์และประสบการณ์รักษาผู้คนที่สั่งสมมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้นติดตัวมาด้วย อีกทั้งครอบครัวในชาติภพนี้ก็ดีกับนางมิใช่น้อย

กระนั้นเคราะห์ร้ายก็ยังคืบคลานเข้ามา เมื่อพี่ชายผู้เป็นที่พึ่งพาเดียวของนางนั้นใสซื่อจนไม่อาจตามทันเล่ห์กลของพี่สะใภ้ที่แสนโลภมาก สุดท้ายแล้วหลินหลันก็ถูกนางบีบบังคับให้ต้องออกเรือนแต่งงานไปเป็นนางบำเรอจนได้

ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องดึงตัว หลี่ซิ่วฉาย ชายหนุ่มรูปงามผู้มีเบื้องหลังเป็นปริศนาในหมู่บ้านเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ ทั้งสองได้ตกลงทำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ เขาช่วยนางให้หลุดพ้นจากการคลุมถุงชน ส่วนนางจะช่วยเขาแก้แค้นและทวงทุกสิ่งอย่างที่ถูกพรากไปกับคืนมาภายในระยะเวลาสามปี ทว่าแผนการช่วยเหลือเขาให้บรรลุเป้าหมายนั้นกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิดนี่สิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท