บรรยากาศกลับมาคึกคักเหมือนเดิม อันนาเลิกคิ้วมองสามีของเธอ แล้วเงยหน้าขึ้นมองกู้หลานอัน ที่เหมือนกำลังชื่นชมเธอ
แม่สุดยอด ครบเครื่องทั้งความฉลาดและความงดงาม ดั่งภาพวาดของเทพแห่งวีรสตรี กู้หลานอันกล่าวชื่นชมสรรเสริญเธอดั่งที่เธอปรารถนา แล้วหันกลับไปจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง เขาถือแก้วเหล้ามุ่งหน้าไปทักทายอาใหญ่อารองของเขา พร้อมค้นหาเงาของเจาเยี่ยไปด้วย
หลังจากจ้องกู้หลานอันมาสักพัก เจาเยี่ยเก็บซ่อนความประหลาดใจไว้ภายใต้ดวงตา เขาวางแก้วที่ถืออยู่ในมือลง ก้มศีรษะแล้วจ้องยังขอบโต๊ะที่ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรลวดลายพระอาทิตย์ตกยามเย็น จมดิ่งสู่อารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เมื่อสักครู่กู้หลานอันทำให้เขาเห็นตัวเองเมื่อก่อนอีกครั้ง ตอนที่ตัวเองไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดตอนนั้นก็ใส่ชุดลำลองสบายๆ ไปร่วมงาน ภายใต้คำถามของพ่อแม่ เขาพูดเหมือนที่กู้หลานอันพูดเลยว่านี่เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของครอบครัวต้องใส่อะไรที่เรียบง่ายสบายๆ ถึงจะมีความรู้สึกเหมือนเป็นการรวมตัวกันในครอบครัว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ กู้หลานอันพูดคำพวกนี้แล้วได้รับการยอมรับและเห็นด้วยจากแม่ของเขา แต่เขาต้องทนรับการกล่าวโทษจากแม่ บอกว่าเขาไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่มีคุณสมบัติของผู้ดีสักนิดและสั่งให้เขาไปเปลี่ยนชุด หลังจากงานเลี้ยงจบลง พ่อก็ทุบตีเขาเพราะทำให้เขาขายหน้า ทำให้แขกเหล่านั้นไม่พอใจ แต่เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าเขาทำอะไรผิด? ตลอดเวลาเขาไม่เคยได้รับความอบอุ่นเลย เขาจึงต้องปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำของเขาด้วยวิธีการหลอกลวงตัวเองแบบนี้
เจาเยี่ยยิ้มเยาะ เทเหล้าให้ตัวเองเต็มแก้ว แล้วดื่มรวดเดียวจนหมด กู้หลานอัน ฉันรู้สึกอิจฉานายขึ้นมาซะแล้วสิ
หามานานยังหาเจาเยี่ยไม่พบ กู้หลานอันจดจ้องไปที่หลินเซวียนคนที่กำลังหัวเราะและสนทนากับคนอื่นๆอยู่อย่างไม่เต็มใจสุดๆ แต่เขาคิดว่าอาจจะพบเจาเยี่ยก็ได้ถ้าเฝ้ามองเขาไว้ ตามที่คาดการณ์ ในช่วงการติดตามที่ไม่ได้ตั้งใจนี้ สายตาพลันเหลือบไปเห็นเจาเยี่ยนั่งอยู่ตรงมุมห้องกำลังดื่มเหล้าอยู่
จริงๆ เลย กระเพาะไม่ดีทำไมยังดื่มเหล้าอีก กู้หลานอันพึมพำอยู่ในใจ ดึงมือออกจากอันนาที่จูงมือเขาอยู่ แล้วพูดกับอารองคนที่แม่เขาสนทนาด้วยว่า อาครับ ผมมีธุระ ขอตัวสักครู่นะครับ อาคุยกับคุณแม่ไปก่อนนะครับ แล้วก็ก้าวเท้ายาวออกไปทางด้านเจาเยี่ย
อันนาจ้องกู้หลานอัน เห็นจุดประสงค์ของเขา ดวงตาก็เป็นประกาย แก้วเหล้าที่ถืออยู่ในมือยื่นให้พี่รอง แล้วก็พูดว่า พี่สอง ฉันมีธุระนิดหน่อย ขอตัวสักครู่ พี่ดื่มเหล้าไปก่อนนะ หรือไม่ก็ไปคุยกับคนอื่นๆก่อน แล้วก็ตามขึ้นไป (อารอง : แล้วฉันไม่ใช่ธุระของพวกเธอหรือ? 눈_눈)
เมื่อเห็นกู้หลานอันหยุดอยู่ตรงหน้าเจาเยี่ย อันนาจึงจำต้องหยุดอยู่ห่างๆ พลางคุยกับคนที่เดินผ่านมาพอดีซึ่งจำไม่ได้ว่าเป็นคุณหนูบริษัทเครือไหน พลางเฝ้าสังเกตอีกฟากด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ตอนที่ยังมาไม่ถึงตรงหน้าเจาเยี่ย กู้หลานอันคิดว่าขึ้นมาถึงก็จะรีบแย่งเหล้าในมือของเขาออก แต่พออยู่ตรงหน้า เห็นเขาดื่มเหล้าด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ กู้หลานอันใจอ่อนทันที เขากำลังไม่สบายใจ แปลกจังเลย
มีอะไรเหรอ? เงยหน้าขึ้นดื่ม แล้วเห็นกู้หลานอันยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองมองเขาด้วยความทุกข์ทรมานใจ เจาเยี่ยตะลึงงันไม่รู้ตัวไปชั่วขณะ ละสายตาออกอย่างอึดอัด กลืนเหล้าลงคอช้าๆ แล้วถามเสียงเย็นชา
กู้หลานอันส่ายหน้า แล้วก็พยักหน้า สายตาสำรวจทุกส่วนของเขาอย่างละเอียด ความคิดถึงพรั่งพรูเข้ามาในหัวใจ ตอบด้วยน้ำเสียงเซื่องซึมเล็กน้อย เจาเยี่ย นายมาแล้วเหรอ?
ไม่เห็นว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้แล้วหรือไง? ชินกับการฟังเสียงการแสดง เจาเยี่ยสามารถจับอารมณ์การพูดของกู้หลานอันได้อย่างง่ายดาย เขาจับแก้วไวน์ไว้แน่น เม้มปากจนเส้นตรง กู้หลานอันคนนี้ ทำไมถึงได้ปฏิบัติกับเขาด้วยอารมณ์แปลกๆ มากมาย เพื่อที่จะได้เขาเป็นของเล่นหรือว่าแค่มาแกล้งยั่วเขา? ไม่เหมือน… รักแรกพบหรือ? จะเป็นไปได้เหรอ? กับคนที่คบหาสมาคมกับเขามา 20 กว่าปีอย่างพ่อแม่เขายังไม่ชอบเขาเลย