ฟังสิ
สามีกล่าวปีที่จะถึงนี้
เสื้อเเดงอมยิ้ม
ฉันนั้นเห็นสามี
หญ้าขึ้นที่หน้าหลุมฝังศพ
ดูสิ
สองฝ่ายต่างคิด
ถอนทิ้ง
กลับสู่วัยเยาว์
ยากที่จะเหมือนปีศาจ
ใครยิ้มทั้งน้ำตา……
เพลงร่วมสมัยกึ่งโบราณ แม้ต้นฉบับจะเป็นมุมมองของหญิงสาว เเต่กู้หลานอันก็ยังสามารถร้องออกมาเป็นบทเพลงในฉบับของเขาได้ น้ำเสียงใสสะอาดที่เหมือนผ่านโลกมามากมาย เเฝงไปด้วยกลิ่นอายเเห่งความเก่าเเก่ที่มีความหนักเเน่น เหมือนว่าเขาเองที่เป็นคนที่ได้รับคำสัญญาเเต่ไม่สมหวัง เป็นผู้หญิงคนนั้นที่ร่วมให้คำมั่น แต่กลับมิอาจทำให้สำเร็จ หากก็ยังเชื่อมั่นว่าต้องมีสักวันที่สัญญาจะเป็นจริง
ภายใต้เเสงแห่งชีวิต
สองเสียงร่ำไห้
เวลาเร่งให้คนชรา
สิบปีผ่านไป
ไม่รู้จะรอคอยถึงเมื่อไหร่
ถึงจะเจอกันที่สะพานไน่เหอ[1]เพื่อกลับชาติมาเกิดใหม่
เมื่อร้องจบเพลง กู้หลานอันกลับไม่ลุกขึ้นยืนเพื่อโค้งคำนับ พิธีกรยังคงจมอยู่กับบทเพลงพร้อมเช็ดน้ำตา ไม่ได้เร่งเขาเเต่อย่างใด เขายังคงนั่งอยู่อย่างนั้น กัดมือเอาไว้ ไม่ส่งเสียงใดๆ มีเพียงน้ำตาที่หลั่งริน
ขณะที่ร้องเพลงนี้ เขาได้เปรียบตนเองให้อยู่ในสถานะของเจาเยี่ย นำความรู้สึกของเขามาร้องออกมาผ่านบทเพลง เมื่อเจาเยี่ยเมาเหล้าจะชอบพูดความจริง ชาติที่แล้ว ในขณะที่เขากำลังมึนเมาเพราะเหล้า เขาพูดกับกู้หลานอันว่า กู้หลานอัน ก่อนหน้าที่เจอนาย ฉันไม่เคยชอบใครเลย นายเป็นคนคนเดียวที่ฉันรัก เพราะฉะนั้นนายอย่าจากฉันไปไหนเลยนะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะต้องโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิตเเน่นอน ตอนนั้นเขารับปาก เเต่ก็คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาก็จากมา
เมื่อหลุดพ้นจากอารมณ์ความรู้สึกที่ถ่ายทอดจากเพลงนั้น เจาเยี่ยมองคนที่อยู่บนเวที ที่ร้องไห้ไม่หยุดโดยไม่สนภาพลักษณ์แล้วขมวดคิ้ว คนที่อายุน้อยขนาดนี้ ทำไมถึงได้มีความรู้สึกซับซ้อนขนาดนี้ ทำไมถึงได้ร้องไห้เพราะเพลงๆหนึ่งได้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ทำไมถึงหักห้ามใจไว้ไม่อยู่ พูดเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า การเเสดงจบเเล้ว นายลุกขึ้นเถอะ
ได้ยินเสียงของเจาเยี่ย กู้หลานอันเงยหน้าขึ้นอย่างงงงวย สติคืนกลับมา รีบลุกขึ้น โค้งคำนับ ก่อนจะเช็ดน้ำตาพลางขอโทษ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เมื่อกี้เข้าถึงอารมณ์มากเกินไปหน่อย
เสียงของเจาเยี่ยที่พูดดังไปพร้อมๆกับเสียงด้านล่างเวทีที่มีเสียงปรบมือกึกก้อง มองเเขกผู้มีเกียรติเเถวหน้าสุดที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และสายตาชื่นชมของกรรมการ กู้หลานอันรู้ในทันทีว่า เขาทำสำเร็จเเล้ว พิธีกรเดินขึ้นเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือ อีกทั้งยังเป็นตัวแทนเหล่าผู้ชมร่วมปรบมือให้กับเขา ดำดิ่งในเพลงเป็นเรื่องที่ดี มันบอกได้ว่าเขาใช้ใจร้องเพลงจริงๆ
พูดจบก็หัวเราะ ในเมื่อผู้เข้าเเข่งขันทุ่มเทขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็ให้คะเเนนกับเขาดีๆเเล้วกันนะคะ นับถอยหลัง 5 วินาทีต่อจากนี้ จะเริ่มการให้คะแนนค่ะ
5,4,3,2,1……เริ่ม
การให้คะเเนนจบเเล้ว กู้หลานอันไปยังสถานที่รับรางวัล ฟู่ซีตามมาทีหลัง พวกเขาอยู่กันคนละที่ กู้หลานอันไม่สามารถเห็นว่าเขาเป็นอย่างไร เเต่คิดดูแล้วคงไม่ดีเท่าไหร่ จะว่าไปเเล้วเขาในตอนนี้ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าฟู่ซีจะมีท่าทีอย่างไร คนที่เขาสนใจมีเพียงเจาเยี่ย เมื่อผ่านบทเพลงเมื่อซักครู่มา ได้ยินเสียงเตือนของเขา ตอนนี้คิดเเค่อยากไปใกล้ชิดกับเขาไวๆ อยู่กันอย่างมีความสุข อยู่เคียงข้างเขาเพื่อก้าวผ่านช่วงเวลาที่จิตใจของเขาบอบช้ำในช่วงนี้ไปด้วยกัน
เมื่อการเเสดงของฟู่ซีจบลง จึงได้มายืนอยู่ข้างๆกู้หลานอัน ทว่าไม่ได้สนใจเขาเลย กลับหันไปพูดคุยกับคนข้างๆ กู้หลานอันหลุดขำออกมา ชาติที่เเล้วกู้หลานอันทำเรื่องน่าขันไว้ ฟู่ซีก็เอาเเต่คุยโวว่าตอนที่เขาร้องเพลงนั้นรู้สึกตื่นเต้นเพียงใด แต่ตอนนี้ที่หลานอันประสบความสำเร็จแล้ว ท่าทีของฟู่ซีกลับกลายเป็นเเบบนี้ เขานี่มันวัชพืชชัดๆ
ขี้เกียจเสียอารมณ์กับวัชพืชต้นนี้แล้ว กู้หลานวางสายตาไว้ที่เจาเยี่ยที่อยู่ตรงข้าม รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เดี๋ยวก่อน หากได้เป็นเเชมป์ เจาเยี่ยเป็นคนมอบรางวัลใช่ไหม ดีจริงๆ
จากนั้นมีการเเสดงของอีก 3 คน เมื่อการเเสดงจบลง ระบบคำนวนคะแนน คะเเนนสูงสุดก็คือเเชมป์ ที่เหลือคืออันดับถัดๆไป เป็นไปตามที่คนส่วนใหญ่คาดไว้ และไม่เป็นที่น่าเเปลกใจเลยที่กู้หลานอันจะได้เป็นเเชมป์ ฟู่ซีที่สอง เว่ยจ๋ออันดับสาม
———————————————————————————-
[1] สะพานไน่เหอ หมายถึง สถานที่ที่คนต้องผ่านเพื่อการกลับชาติมาเกิดในตำนานพื้นบ้านของจีน