แม้ว่าอันนาจะสวย แต่พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นแขกประจำในงานเลี้ยงตระกูลกู้อยู่แล้ว เห็นมายี่สิบกว่าปีเลยชินกับความสวยงามของเธอ แต่กู้หลานอันไม่เหมือนกัน เมื่อโตขึ้นเขาก็อยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกมาเจอผู้คน และไม่เคยมีใครเห็นเขาด้วย เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง แต่หน้าตาสะสวยใช่เรื่อง ถึงแม้จะแต่งตัวสบายๆ ไม่น้อย สีแดงจากเสื้อที่สวมใส่กลับขับผิวของเขาให้ขาวนวลดุจหิมะ เมื่อปรากฏตัว เป็นธรรมดาที่จะสามารถดึงดูดสายตาจากทุกคนได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม สายตาของคนส่วนใหญ่ไปนั้นจับจ้องกันอยู่ที่ใบหน้าของเขา มีแค่เจาเยี่ย ที่กำลังมองเสื้อผ้าของเขาอยู่
หลายปีมาแล้ว เพราะเขายืนหยัดใส่เสื้อลำลองไปงานเลี้ยง เลยต้องถูกพวกบรรดาไฮโซหัวเราะเยาะ กลายเป็นหัวข้อให้พวกเขาคุยกันสนุกปาก โดยไม่มีใครสักคนเดียวที่จะยอมทำเหมือนเขา แม้ว่าคนคนนี้จะเคยทำให้เขาไม่ประทับใจ แต่ ณ เวลานี้เขากลับทำให้ตัวเองรู้สึกอุ่นใจ เจาเยี่ยยิ้มจางๆ แกว่งแก้วไปมาในมือเล็กน้อย ก่อนกระดกจนหมดในอึกเดียว ดื่มด่ำกับรสชาตินี้ พลางหลับตาพริ้ม เหล้าปี 82 ที่เขาชอบที่สุด เซินไห่ ราคานั้นเทียบเท่ากับค่าตัวงานพรีเซนเตอร์งานหนึ่งของเขาเลยทีเดียว เหล้าราคาแพงขนาดนี้แต่เอามาใช้รับรองแขก คนรวยสมัยนี้ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ ทำให้เหล้าระดับนี้ด้อยค่าลง พอคิดอย่างนี้เจาเยี่ยก็หันมองไปรอบๆ แล้วพบว่า มีเพียงโต๊ะเขาเท่านั้นที่มีเหล้าขวดนี้
หรือพวกเขาตั้งใจวางไว้มุมห้องเพื่อเก็บเอาไว้รับรองแขกกิตติมศักดิ์ แล้วเขาเข้าใจผิดดื่มมันไป? เจาเยี่ยใช้มือเคาะแก้วเหล้าในมือด้วยความสับสน
เจาเยี่ยครุ่นคิดอยู่หลายรอบ กู้หลานอันและอันนาเดินไปถึงห้องโถง คนรอบข้างเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง กู้หลานอันได้ยินคนข้างๆ กำลังซุบซิบเรื่องการแต่งตัวและเรื่องอื่นๆ ของเขากับเจาเยี่ย เลยส่งสายตาตักเตือนไปยังพวกเขา ขณะที่พวกคนที่ซุบซิบกำลังก้มหัวขอโทษ หลานอันก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย พลางพูดกับอันนาคนข้างตัวที่สาละวนปิดหน้าอกอยู่ขณะกำลังหยิบแก้วไวน์ขึ้นจากโต๊ะ แม่ครับ ผมเคยพูดกับแม่แล้วนะ มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของลูกชายใส่จัดเต็มขนาดนี้ทำไม? ความรู้สึกเหมือนแม่มางานเลี้ยงเพื่อมาโชว์ความงามยังนั้นแหละ?
ห๊ะ? อันนาตะลึงไปชั่วครู่ เหล่มองกู้หลานอัน ความรู้สึกเหมือนเธอกำลังถูกยืมมือเพื่อช่วยเหลือคนรักของลูกชาย เจ้าลูกคนนี้นี่ ปวดหัวจริงๆ เลย ในใจพร่ำบ่น แต่หน้าอันนาให้ความร่วมมือเต็มที่ ใช่ ลูกพูดได้ถูกต้อง แม่ควรแต่งกายให้เรียบง่ายนี่เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ของครอบครัว ควรสวมอะไรที่สบายๆ แล้วก็ควรทำเป็นแบบอย่างให้คนนอกด้วย
เสียงพูดคุยของกู้หลานอันกับอันนาไม่ดังมากนัก แต่ก็ดังพอให้ทุกคนได้ยิน ในงานมีแต่คนฉลาด เมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้เลยว่าเป็นการตีวัวกระทบคราด นอกจากเขาสองคน กู้ฝูเซิ่งที่กำลังประหลาดใจกับคำพูดของเขาก็หันไปจ้องเจาเยี่ย นอกนั้นทุกคนต่างคนต่างมองหน้ากัน รู้สึกอึดอัดกันไปหมด
แค่กๆ กู้ฝูเซิ่งไอเสียงดังเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ถึงแม้ในใจจะยอมรับว่าสิ่งที่ภรรยาและลูกชายพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ก็เดินไปยังเบื้องหน้ากู้หลานอันเพื่อกล่าวโทษ ลูกพูดอะไรน่ะ? มางานเลี้ยงฉลองก็ต้องใส่ที่มันทางการหน่อยถึงจะได้บรรยากาศ ลูกไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงมาก่อน ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดไปเรื่อย
กล่าวโทษเสร็จก็พูดกับแขกเหรื่อในงานด้วยรอยยิ้ม หลานอันลูกชายคนนี้นิสัยตรงไปตรงมา คิดยังไรก็พูดออกมายังนั้น พูดผิด อันนาแม่เขาก็ตามใจอีก ขายหน้าแขกเหรื่อในงานจริงๆ ขออย่าใส่ใจคำพูดของเขาเลย ขอให้ทุกท่านร่วมงานให้สนุกนะครับ
พูดผิดตรงไหน? ลูกพูดได้ถูกต้องแล้ว งานเลี้ยงสังสรรค์ของครอบครัวก็ควรมีลักษณะของงานในครอบครัวสิ ทำไมต้องมีพิธีรีตองมากมาย ตาเฒ่าพูดถึงลูกชาย ทำให้คนเป็นแม่ที่อยากปกป้องลูกรู้สึกไม่พอใจ เลยตอบโต้เขา พร้อมหันไปขยิบตาให้อารองของกู้หลานอัน ใช่รึเปล่า อารอง
ใช่ หลานอันพูดได้ถูกต้อง อารองกลัวความยุ่งยากที่สุดเลย ทุกครั้งที่ต้องวิ่งวุ่นหาชุดสูท กังวลแทบแย่ เดิมทีจะมาร่วมงาน ก็อยากมาด้วยความสบายใจ พานทำให้ต้องอารมณ์เสีย ถ้าหลานอันพูดแบบนี้ ครั้งหน้าอารองจะใส่แค่ชุดนอนมา ทั้งสะดวกและสบาย เล่นจนง่วงแล้วก็สามารถเดินขึ้นตึกไปนอนได้เลย อารองของเขาตอบ พูดทั้งหมดนี้ด้วยน้ำเสียงดุดัน จนทำให้คนในงานโดยรอบหัวเราะลั่นออกมา