ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะผิดที่ฉันไม่รู้ว่าเเสงที่สาดขึ้นเวทีมันจะส่งผลยังไง ฟู่ซีหัวเราะออกมาด้วยท่าทางฝืนๆ หาข้ออ้างให้ตนเองจนได้ เมื่อมองเห็นกู้หลานอันยังคงจ้องมองเขา ทำสีหน้าไม่ถูกแล้วรีบพูดกลบเกลื่อนขึ้นว่า นายรีบคิดหาวิธีดัดเเปลงเพลงของนายเถอะนะหลานอัน เดี๋ยวก็ต้องจับฉลากขึ้นเเสดงเเล้ว พูดจบก็ก้มหน้าดูเพลงของตัวเอง เเต่สายตากลับไม่โฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย
เมื่อสังเกตเห็นการกระทำของเขา กู้หลานอันยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างอารมณ์ดี ถอนหายใจเบาๆ พลางก้มหน้าดูเนื้อเพลงไป ฮัมเพลงของตัวเองไปด้วย
รอบชิงชนะเลิศมีการถ่ายทอดสด ทั้งที่ผู้เข้าเเข่งขันควรจะมีเวลาเต็มที่ เเต่เพราะต้องการคนยัดเงินใต้โต๊ะ ทำให้ผู้เข้าเเข่งขันมีเวลาเตรียมตัวเพียงครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มจับฉลากขึ้นการเเสดง ใครที่ไม่ยัดเงินหรือยัดเงินไม่พอ ก็ทำได้เพียงร้องเพลงตามทำนองเดิมหรือร้องได้ไม่สมบูรณ์แบบเท่านั้นเอง
กู้หลานอันจับฉลากได้เหมือนชาติที่เเล้ว เขาได้ลำดับที่ 5 ฟู่ซีได้ลำดับถัดจากเขา
สถานการณ์ที่สามารถมองเห็นหน้าเวทีจากด้านหลังนั้น กู้หลานอันเหลือบมองแสงไฟที่ส่องกะพริบและผู้คนนับหมื่นที่อยู่ด้านล่างเวที มือเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
คนที่เคยจัดคอนเสิร์ตในชาติที่เเล้ว ทำไมยังรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ กู้หลานอันรู้สึกขำตัวเองในใจ เขากวาดสายตาไปยังเจาเยี่ยที่กำลังดูผู้เข้าเเข่งขันทำการเเสดงอย่างตั้งใจ เพียงครู่เดียวก็ทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก ชาติก่อนเขาได้จัดคอนเสิร์ตไปสองครั้ง ทุกครั้งเจาเยี่ยจะเป็นคนจัดการเรื่องประกาศทั้งหมด อยู่เคียงข้างเขาตั้งเเต่เริ่มจนจบ เขามักจะอยู่เเถวหน้าและคอยให้กำลังใจด้วยท่าทางต่างๆ
สู้ๆ! ไม่คาดหวังว่าชาตินี้เจาเยี่ยจะมาให้กำลังใจ กู้หลานอันจึงให้กำลังใจตัวเอง จากนั้นมองไปทางเจาเยี่ยเเล้วยิ้ม ฟู่ซีที่เพิ่งจะมาลุกลี้ลุกลนขอสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้า เมื่อเห็นกู้หลานอันยิ้ม ภายในใจก็รู้สึกถึงลางไม่ค่อยดี ในขณะที่อยากจะถามเขาว่ายิ้มอะไร กลับได้ยินคนเรียกชื่อกู้หลานอัน ให้เขาเตรียมตัวให้พร้อม
คณะกรรมการและผู้ชมได้ให้คะเเนนเป็นที่เรียบร้อย และจะมีการประกาศผลในช่วงท้ายของรายการ ณ บัดนี้ คาดหวังถึงการเเสดงของผู้เข้าเเข่งขันท่านต่อไป ถ้าเช่นนั้นเเล้ว ผู้เข้าเเข่งขันท่านต่อไปคือใครกันล่ะคะ? เสียงอันไพเราะของพิธีกรสาวกล่าวขึ้น กู้หลานอันกลับรู้สึกผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก ธรรมชาติของคนก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งเข้าใกล้ความตาย ความกล้าที่จะไปเสี่ยงตาย ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ผู้เข้าเเข่งขันท่านต่อไป ก็คือ นายเย็นชา ของพวกเรา (เพราะตลอดการเเข่งขันระดับภูมิภาคเขาจะทำสีหน้าเย็นชาตลอด เเฟนเพลงเลยตั้งฉายาให้เขาด้วยชื่อนี้) กู้หลานอัน เมื่อพิธีกรหญิงพูดจบ เเสงไฟสีขาวที่สาดส่องไปบนตัวของกู้หลานอันที่เดินมาอย่างเปล่งประกาย มุมปากยกขึ้นเบาๆ เขาดูมีความมั่นใจเสมือนราชากำลังก้าวเดิน
การปรากฏตัวของเขาเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมได้มากมาย ถึงเเม้จะเป็นเสียงกรีดร้องเพราะใบหน้าอันหล่อเหลาที่เริ่มโด่งดังเมื่อชาติที่เเล้วก็ตาม เเต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกที่เเสนจะมีความสุขภายในใจของเขาได้เลย
เมื่อเห็นกู้หลานอันขึ้นเวที เจาเยี่ยคิ้วกระตุกทันที เขาเป็นคู่เเข่งจริงๆด้วย เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เจาเยี่ยจ้องมา กู้หลานอันเม้มริมฝีปากเเล้วยิ้มเยาะ เดินไปที่เเท่นไมโครโฟนเเล้วยืนนิ่ง ปรับไมโครโฟนเรียบร้อยเเล้ว ก็มองกลับไปที่เจาเยี่ย จวบจนเเสงไฟทุกดวงหรี่ลงจนมืด จึงค่อยๆหลับตา
บนเวทีมืดมิดและเงียบลง ไม่นานก็มีเสียงร้องเพลงคล้ายคนร้องไห้ดังขึ้นมา มีต้นปี่แปะอยู่หน้าบ้าน ปลูกเองกับมือก่อนที่คนรักจากไปชั่วนิรันดร์ มาวันนี้ต้นสูงเเผ่ซ่านไปทั่ว[1] กู้หลานอันเพียงร้องประโยคเเรกทั้งห้องก็เงียบกริบ เหลือเพียงเสียงทุ้มต่ำที่เหมือนใช้เเรงออกเสียงมากเกินไปจนเส้นเสียงเเตกกลายเป็นเสียงเเหบพร่า ยิ่งดูเยือกเย็นเป็นพิเศษบนเวทีที่ว่างเปล่า
สิ้นสุดเสียงร้อง เเสงสีเหลืองนวลได้สาดส่องไปบนจุดที่กู้หลานอันอยู่ ถึงได้เห็นเขาถือไมโครโฟนนั่งอยู่บนพื้น ความรู้สึกคล้ายจะดำดิ่งเเต่กลับไม่ถลำลึก ดูเจ็บปวดเเต่กลับมีรอยยิ้ม ขณะที่กำลังจะพูด น้ำตาพลันไหลรินจากดวงตา กลายเป็นยิ้มทั้งๆที่กำลังร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจกรีดลึกไปถึงกระดูก เจ็บปวดแต่สวยงามจนยากเกินจะบรรยาย เพียงชั่วครู่ก็สามารถดึงดูดสายตาของทุกคนได้
เชิงอรรถ
[1] ชื่อตอนของตอนนี้ หน้าบ้านมีต้นปี่แปะ ( ภาษาจีน : 庭有枇杷树 ) ซึ่งมาจากประโยคหนึ่งในงานเขียน《项脊轩志》 Xiang Ji Xuan Zhi เป็นบทกวีรำลึกที่เขียนโดย Gui Youguang นักเขียนสมัยราชวงศ์หมิง ที่เขียนรำลึกถึงท่านย่า ท่านแม่ และภรรยา
ประโยคเต็ม 庭有枇杷树,吾妻死之年所手植也,今已亭亭如盖矣。 หมายถึง มีต้นปี่แปะอยู่ที่ลานบ้าน ภรรยาของผมปลูกมันไว้ด้วยมือของตนเองก่อนที่เขาเสียชีวิตและตอนนี้มันมีเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขา