เฮ้ กู้หลานอันที่ไม่ได้ยินความในใจที่แสนเย็นชาของเขา ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า ยอดเยี่ยมเลย
เจาเยี่ยไม่ได้พูดอะไร มุมปากยกสูงเป็นเส้นโค้งเล็กน้อยแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้ตัวเลย แล้วก็ดื่มเหล้าอยู่กับตัวเอง โดยไม่ได้สนใจการมีอยู่ของกู้หลานอันเลยแม้แต่น้อย เจาเยี่ยไม่พูดอะไร กู้หลานอันเองก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไร เจาเยี่ยชอบความเงียบ หลานอันรู้ และจะทำแบบนั้นเพื่อเขา ยืนจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของเขาด้วยรอยยิ้มอยู่ตรงนั้น หัวใจพองโตด้วยความสุข สามารถอยู่กับคนที่ตัวเองรักได้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไรเลย มันก็เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ได้จริงๆ
เด็กโง่ ทำไมไม่เริ่มพูดอะไรก่อน หรือไม่ก็รุกหน่อย กระโจนเข้าไปเลยให้ตายสิ ไม่มีความหวังเลย ผู้ติดตามความเคลื่อนไหวชิดขอบสนามอย่างอันนาเห็นแล้วรู้สึกร้อนรน อดที่จะส่งเสียงแนะนำออกมาไม่ได้
เอ๊ะ? คุณน้าพูดว่าอะไรนะคะ? คุณหนูที่กำลังสนทนาด้วยได้ยินไม่ชัด มองอันนาที่ท่าทางร้อนรนแล้วถาม
ไม่ได้พูดอะไร อันนาที่ถูกถามก็ได้สติขึ้นมา พลางยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วพูดว่า น้ากำลังชมว่ากระโปรงตัวนี้ของหนูสวยจังเลย
จริงเหรอคะ? นี่เป็นการออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสชื่อดัง คุณอีริค ถ้าคุณน้าชอบเดี๋ยววันหลังหนูจะให้เขามาวัดตัวตัดให้คุณน้าตัวหนึ่งค่ะ คุณหนูปลาบปลื้มใบหน้าแดงก่ำ
ขอบใจสำหรับความตั้งใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก น้าแก่แล้วใส่กระโปรงแบบนี้ก็ไม่เหมาะ มันเหมาะกับสาวๆแบบหนูนั่นแหละ อันนาหัวเราะ พลางมองไปยังกู้หลานอันที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆแล้วกัดฟันแน่น
แก่ที่ไหนกันคะ คุณน้าเหมือนอายุ 18 อยู่เลยค่ะ คุณหนูกล่าวชม
ฮ่าฮ่า? จริงหรือ? คำพูดพวกนี้ดึงความสนใจทั้งหมดของอันนากลับมา เธอจับใบหน้าของตัวเองแล้วพูดว่า น้าดูหน้าเด็กขนาดนั้นเลยเหรอ?
แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ผิวพรรณของคุณน้า……(คำพูดประจบสอพลอทั้งหลาย)
อันนาที่ไม่ทันได้สังเกต ทางด้านของกู้หลานอันมีการเคลื่อนไหวแล้ว แต่การเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้มาจากกู้หลานอัน แต่เป็นเจาเยี่ย
นั่งสิ ถูกกู้หลานอันจ้องมองจนอึดอัด เจาเยี่ยขยับร่างกายเพื่อให้เขามีที่นั่ง
ห้ะ? นายเรียกฉันเหรอ? ใบหน้ากู้หลานอันปนไปด้วยความไม่อยากเชื่อและประหลาดใจ
ตรงนี้ยังมีคนอื่นอีกเหรอ? เจาเยี่ยย้อนถาม เริ่มสงสัยในสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับกู้หลานอันในตอนแรก เขาเคยคิดว่าคนคนนี้ฉลาดพอที่จะหาทางลัดเกาะคนรวยดังไปได้อย่างไร เห็นกันอยู่ชัดๆว่าเขาเป็นพวกซื่อบื้อ
กู้หลานอันมองดูแวดล้อมรอบๆ แต่ก็ไม่มีใคร เจาเยี่ยนั่งอยู่ตรงมุมห้อง มีไม้แกะสลัก 2-3 ต้นบังอยู่ และมันก็ห่างไกลจากฝูงชนในงานอยู่พอสมควร ถ้ามีคนอยู่รอบๆตัวจริง เขาจะยืนจ้องเจาเยี่ยอยู่ตรงนี้โดยไม่มีคนรุมล้อมได้อย่างไร เจาเยี่ยจะไม่เริ่มถูกคนห้อมล้อมได้อย่างไร
ไม่มี ตอบกลับคำถามของเจาเยี่ย กู้หลานอันรู้สึกอยากร้องไห้ให้กับความโง่เขลาของตัวเอง ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจ ภาพลักษณ์ที่สวยงามของตัวเองในใจเจาเยี่ยได้มลายหายไปหมดแล้ว (เดิมก็ไม่เคยมี)
สูดจมูกฟุดฟิดเบาๆ กู้หลานอันจัดการปรับอารมณ์ตัวเอง แล้วนั่งลงใกล้ๆเจาเยี่ย มองเห็นเหล้าของเขาหมดขวดแล้ว รีบโบกมือหาพนักงานที่เดินผ่านมา ไปเอาเหล้าแบบที่เตรียมไว้สำหรับโต๊ะนี้มาอีกหนึ่งขวด
เจาเยี่ยกะพริบตาแล้วครุ่นคิดอยู่สักครู่ ว่าจะลองถามดูสักหน่อยเหล้าที่ตัวเองดื่มไปเขาเตรียมไว้รับรองแขกคนอื่นหรือเปล่า ถ้าหากตัวเองดื่มผิดไป จะได้คืนเงิน โต๊ะนี้จองไว้ให้แขกคนอื่นหรือเปล่า?
ไม่ใช่ ก็นายนั่นแหละ กู้หลานอันมองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง คนรักของฉันทำไมยิ่งมองยิ่งงดงามแบบนี้กันนะ ถ้าหากเป็นไปได้อยากจะโอบกอดเขา หรือไม่ก็ถูกเขาโอบกอดเอาไว้
ฉัน? เจาเยี่ยงุงงง งั้นเหล้าขวดนี้ก็เตรียมไว้ให้ฉันเหรอ?
อืม รู้ว่านายชอบ ฉันเลยไปเอาของพ่อมา 2-3 ขวด กู้หลานอันตอบ
นายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบ? เจาเยี่ยงุนงงเข้าไปอีก เพราะว่าปกติเขาไม่ค่อยเข้าร่วมงานเลี้ยง และไม่ค่อยได้พบปะพูดคุยกับผู้คน เพราะฉะนั้นคนที่จะรู้ว่าเขาชอบเหล้าแบบนี้มีแค่หลินเซวียน แต่หลินเซวียนเหมือนไม่ได้รู้จักกู้หลานอันเลย ถึงแม้จะรู้จักกันก็คงไม่พูดคุยเรื่องแบบนี้กันรึเปล่า