ไม่ปล่อย ทำไมต้องปล่อยด้วย กว่าจะได้กอดนายแบบนี้รู้ไหมมันยากแค่ไหน เจาเยี่ย คืนนี้ฉันจะนอนกอดนาย กู้หลานอันซุกอยู่ภายในอ้อมอกเขาพลางส่ายหัว มุดเข้าไปในอ้อมกอดไม่หยุด เหมือนอยากจะจมเข้าไปในอ้อมกอดนั้น
นอนกอดอะไร นายเป็นลูกผู้ชายนะน่าจะรู้จักคำว่าอับอายบ้าง? ต่อให้เป็นเจาเยี่ย การต้องเผชิญหน้ากับคนไร้ยางอายแบบนี้ สุดท้ายก็ทำให้เขาหลุดสบถออกมาจนได้
ใครไม่รู้จักความอับอาย ฉันก็ทำแบบนี้เฉพาะกับนาย กู้หลานอันโต้ตอบ
เอ่อ เจาเยี่ยพูดไม่ออกไปสักพัก ก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น กู้หลานอัน ฉันขอเตือนนาย ปล่อยมือ ถ้ายังไม่ปล่อยฉันจะใช้เหล้าปลุกนายแล้วคราวนี้
ไม่ปล่อย เดี๋ยวนายทำใจไม่ได้ กู้หลานอันเงยหน้าขึ้นและทำหน้ามุ่ย ทำท่าทางแข็งกร้าว ราวกับเขาแน่ใจว่าเจาเยี่ยจะไม่กล้าลงมือทำอะไรเขา
จริงเหรอ? นายมองตัวเองสูงส่งเกินไปแล้ว เจาเยี่ยหัวเราะเสียงเย็น เอื้อมมือออกไปกำลังจะรินเหล้า กู้หลานอันก็รีบคว้าแขนเขาไว้ ยิ้มให้เขาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรัก เลียริมฝีปากที่แห้งผากของเขา พูดด้วยความยั่วยวนสุดๆ ว่า เจาเยี่ย วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 18 ปีของฉัน ฉันอยากจะขอของขวัญจากนายสักชิ้น พูดแล้วเขาก็ยื่นศีรษะประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากเขา คำพูดที่ยังพูดไม่จบเขาได้พูดมันต่อโดยที่ริมฝีปากยังติดอยู่กับปากของเจาเยี่ย ฉันอยากได้จูบจากนาย
เจาเยี่ยตะลึงงันมองเขาที่ปรากฏอยู่ใกล้แค่เอื้อม ริมฝีปากรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลและแรงปรารถนาที่ส่งผ่านมาจากริมฝีปากของหลานอัน ในหัวสมองตอนนี้ว่างเปล่า ดวงตาเบิกกว้างเพราะความตกตะลึง
เขาถูกจูบแล้ว?! นานแค่ไหนแล้วนะ ถึงแม้จะเป็นคำขอของผู้กำกับ ถึงแม้จะมีการใช้สแตนด์อินแสดงแทน เขาก็ไม่เคยให้ใครจูบมาก่อน และไม่เคยจูบใครมาก่อนด้วย แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกจูบในวันนี้ หลังจากตะลึงงันไปครู่หนึ่ง เจาเยี่ยก็กลับมามีสติอีกครั้งและกำลังจะโยนกู้หลานอันออกไป แต่จู่ๆ กู้หลานอันก็ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรงและล้มลงที่พื้น
นายกำลังทำอะไรน่ะ? หลินเซวียนถามกู้หลานอันด้วยเสียงที่พ่วงมากับความเกรี้ยวกราด เจาเยี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ยืนนิ่งใช้นิ้วเช็ดริมฝีปาก กำลังจะพูดแต่ก็ถูกกู้หลานอันแย่งพูดก่อน ถามฉัน? แล้วนายล่ะกำลังทำอะไร? รบกวนความรักอันดูดดื่มของคนอื่น จะอยู่เป็นโสดจนแก่เฒ่ารู้รึเปล่า?
ลำพังตอนแรกที่หลินเซวียนอาละวาด ก็ดึงดูดความสนใจได้มากมายแล้ว บวกกับการตอบกลับของกู้หลานอันอีก ผู้คนรอบข้างก็เริ่มพูดคุยกันทันที อันนาเห็นมีคนรังแกลูกชายสุดที่รักของตัวเอง หันไปชักสีหน้าให้กู้ฝูเซิ่งแล้วก็รีบไปเข้าร่วมวง
ความรัก ความรักกับผีน่ะสิ หลินเซวียนมองดูรอบๆ ไม่อยากเกรี้ยวกราด ด่าเขาด้วยเสียงต่ำ เดินไปข้างกายเจาเยี่ยจัดเสื้อเขาพลางมองดูปากบวมแดงเลือดฝาดของเขา ถามด้วยน้ำเสียงเสียใจเล็กน้อยว่า เจาเยี่ยนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
ไม่เป็นอะไร เจาเยี่ยตอบ
นายปล่อยเขานะ กู้หลานอันที่เซไปเซมาอยู่นานในที่สุดก็ลุกขึ้นมาได้ มองเห็นหลินเซวียนกำลังจูงมือของเจาเยี่ย[1] เขาโมโหจนก้าวเท้าไปดึงมือหลินเซวียนออกอย่างแรง มองอย่างตำหนิไปที่เจาเยี่ยที่มีท่าทีไม่แยแสอะไร มือช่วยปัดเสื้อผ้าของเขา ภายใต้ใบหน้าอันน่ากลัวนั้น กู้หลานอันทำหน้ามุ่ยและมองไปที่หลินเซวียนด้วยใบหน้าเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัวว่า มือของคนรักของฉันให้นายจับได้เหรอ
หลินเซวียนที่รับมือไม่ทันโซซัดโซเซไปหลายก้าวกว่าจะยืนได้มั่นคงอีกครั้ง เมื่อได้ยินเช่นนี้ทำให้เขาโมโหจนกำลังจะพูดสิ่งที่อยากจะพูดก่อนหน้า แต่ถูกมือใครคนหนึ่งจับไหล่เขาไว้ เขาหันไปมอง เป็นกู้ฝูเซิ่ง
เป็นฉากที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันและกัน เมื่อเห็นดังนั้น อันนารีบอ้อมไปตรงหน้ากู้หลานอัน รับบทเป็นผู้สร้างสันติ ประธานหลิน หลานอันเมาแล้วเลยพูดแต่เรื่องไร้สาระ ถ้าสิ่งที่เขาพูดหรือว่าสิ่งที่เขาทำก่อนหน้าทำให้คุณไม่พอใจ ฉันขออภัยแทนเขาด้วยนะคะ คุณเป็นคนกว้างขวางในวงการธุรกิจมานานหลายปีแล้ว ก็อย่าถือสาอะไรกับเด็กไม่ประสีประสาคนนี้เลยนะ
ไหนใครพูดไร้สาระ…… กู้หลานอันที่กำลังจะตอบโต้ หุบปากลงทันทีเมื่อกู้ฝูเซิ่งส่งสายตาพิฆาตมาให้
เมื่อได้ฟังอันนาพูดแบบนี้ หลินเซวียนเม้มปาก ปากบอกว่าขออภัย แต่คำพูดก็เต็มไปด้วยนัยว่าเขาเป็นคนจุกจิกใจแคบ คิดเล็กคิดน้อย คนบ้านตระกูลกู้ช่างเป็นคนพาลและไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
คำอธิบายเสริมจากนักเขียน [1]ความสามารถในการมองเห็นและตรรกะของคนเมานั้นซับซ้อนมาก ขออภัยคนปกติที่ไม่เข้าใจ