อืม ฉันเพิ่งมาทำงานที่นี่พอเห็นซุปเปอร์สตาร์เจามากินข้าวที่นี่ฉันก็รีบไปขอเขาแล้วค่ะ บริกรสาวตอบอย่างภาคภูมิใจ
จริงเหรอ? กู้หลานอันรู้สึกตื่นเต้น สายตาหน้าเนื้อใจเสือแต่ปากก็ชมเธอว่า สาวสวยคุณนี่สุดยอดมาก คิดไม่ถึงเลยว่าจะขอลายเซ็นของซุปเปอร์สตาร์เจาได้ คนสวยนี่ข้อดีเยอะจริง ๆ พอชมเสร็จก็ทำหน้าอมทุกข์พูดอย่างเสียใจว่า ไม่เหมือนฉัน อุตส่าห์เชิญเขามากินข้าวเป็นพิเศษ ยังไม่ได้รับแม้แต่ลายเซ็นของเขาสักใบ
เป็นไปได้ยังไง? บริกรสาวประหลาดใจ คนที่ฐานะร่ำรวยหน้าตาดีมีชื่อเสียง แล้วยังอยู่ในแวดวงเดียวกันแบบคุณ ถ้าอยากได้ลายเซ็นมันก็เป็นเรื่องง่ายดายเลยไม่ใช่เหรอคะ?
ฉันก็นึกว่าแบบนั้นแหละ แต่ว่าฉันก็ยังขอไม่ได้ เสียใจมากเลย เขาเป็นไอดอลคนเดียวที่ฉันชอบด้วย กู้หลานอันทำท่าทางเหมือนวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงพรุ่งนี้ บริกรสาวเห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกใจอ่อนแล้วพูดว่า คุณอย่าคิดมากเลย ลายเซ็นของซุปเปอร์สตาร์เจาของฉันเดี๋ยวฉันจะให้คุณ
จริงเหรอ? กู้หลานอันดวงตาเป็นประกายแล้วเงยหน้า ดีใจจนตัวลอย
จริงค่ะ
ไม่ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก ให้ฉันแล้วเธอก็ไม่มีแล้วน่ะสิ พอได้สิ่งที่ต้องการตามจุดประสงค์แล้ว กู้หลานอันก็แกล้งทำเป็นพูดแสดงความเกรงอกเกรงใจ
ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังสามารถขอซุปเปอร์สตาร์เจาได้อีก ยังไงเขาก็มากินข้าวที่นี่บ่อย ๆ อยู่แล้ว บริกรสาวพูดอย่างมีพลังว่า คุณรอก่อนนะ ฉันจะไปหอพักพนักงานไปเอาลายเซ็นมาให้คุณ
อืม กู้หลานอันผงกหัวอย่างเชื่อฟัง พอบริกรสาวกลับตัวเดินไปไกลแล้วนั้น ก็ทำท่าดีใจไม่หยุด
ได้ลายเซ็นของเจาเยี่ยแล้วก็รู้สึกพออกพอใจ เวลาเดินกู้หลานอันเหมือนลอยได้เล็กน้อย โทรศัพท์ให้คนขับรถส่วนตัวมารับ พอขึ้นรถ ยื่นมือออกมาลูบแล้วลูบอีก ตัวหนังสือที่งดงามเหมือนเจาเยี่ย เผยรอยยิ้มที่แสนภาคภูมิใจออกมา เจาเยี่ยแต่ก่อนฉันเชื่อฟังนายมาตลอด แต่ว่านายอยากให้ฉันอย่าเข้าใกล้นายฉันทำไม่ได้แล้วจริง ๆ เพราะว่าพวกเรายังต้องถ่ายละครด้วยกัน
ตั้งแต่ขับรถออกจากร้านอาหารจนเดินทางมาไกลพอสมควร ในใจหลี่เสียวเหม่ยเหมือนมีอะไรสักอย่างทับไว้มาตลอดทาง ยิ่งคิดถึงท่าทางของกู้หลานอันเมื่อกี้แล้วยิ่งรู้สึกแทบทนไม่ไหว ถึงแม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของกู้หลานอันที่ปฏิบัติต่อเจาเยี่ย แต่หากเราได้ประโยชน์จากผู้อื่น เราก็ต้องทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อผู้อื่นสิ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือความรู้สึก เขารู้สึกว่าตัวเองควรจะช่วยเหลือเขา หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว หลี่เสียวเหม่ยก็มองเจาเยี่ยที่กำลังเอียงศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่างในกระจก แล้วถามเขาว่า พี่เจา พี่ยังโกรธกู้หลานอันคนเมื่อกี้อยู่เหรอครับ?
ไม่นี่ เจาเยี่ยลดสายตาลงไม่ยอมรับ ความจริงแล้วเขากำลังโกรธแต่ไม่ใช่เพราะโกรธเรื่องที่กู้หลานอันค้นหาข้อมูลของค้นหาข้อมูลเขา เขาโกรธตัวเอง ไม่คาดคิดเลยว่ากู้หลานอันจะส่งผลกระทบต่อตัวเอง เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาสร้างป้อมปราการอันหนาทึบ แต่ตอนนี้มันกลับเริ่มพังทลายลงทีละเล็กทีละน้อย เขากลัวจริง ๆ กลัวว่าฝันร้ายของเมื่อก่อนจะกลับมาเกิดซ้ำอีก
ฟังเขาตอบแบบนี้ หลี่เสียวเหม่ยนึกว่าเขาปากอย่างใจอย่าง ลังเลสักครู่แล้วพูดว่า พี่เจา แม้ว่าผมจะไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย แต่ผมรู้สึกว่า ถ้าผมชอบใครสักคนมาก ๆ ก็อยากจะรู้เรื่องทั้งหมดของเขา แบบนี้ถึงจะทำให้ผมรู้สึกมั่นคง มีความหวัง
รู้ว่าเขาเข้าใจผิด เจาเยี่ยก็ไม่ได้อธิบายอะไร แล้วพูดว่า นายกำลังช่วยพูดแทนกู้หลานอันเหรอ? นายกลัวเขาไม่ใช่เหรอ?
ผมกลัวเขา แต่ว่าผมเพิ่งกินข้าวของเขาไปมื้อหนึ่ง ผมรู้สึกว่าผมควรจะช่วยเขา อีกอย่างท่าทางของเขาแบบนั้น ผมว่าเขาชอบพี่จริง ๆ นะครับ เพื่อที่จะได้กินข้าวกับพี่หนึ่งมื้อ เขายอมเอาชีวิตเข้าแลกเลย หลี่เสียวเหม่ยกล่าวด้วยความจริงใจ
เจาเยี่ยชื่นชมพลางหรี่ตาลง แรกเริ่มเขาเลือกหลี่เสียวเหม่ยคนที่ประวัติการศึกษาธรรมดาและสวมเสื้อต๊อกต๋อยอยู่ท่ามกลางคนที่ยอดเยี่ยมมากมายขนาดนั้น ก็เพราะว่าเห็นถึงความจริงใจและซื่อสัตย์ของเขา และในวันนี้หลี่เสียวเหม่ยอยู่เคียงข้างเขามา 3 ปีแล้ว ไม่คิดเลยว่าธาตุแท้ของเขาก็ยังไม่เปลี่ยน ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย เจาเยี่ยมองหลี่เสียวเหม่ยที่ดูอย่างไรก็เป็นคนที่น่าแกล้ง เงยหน้าขึ้นพูดว่า เสียวเหม่ย นายดูไม่ประหลาดใจเลยสักนิดเรื่องที่กู้หลานอันชอบฉันเลย ถึงว่านายไม่เคยมีแฟนผู้หญิงเลย ที่แท้นายก็เป็นเกย์
เกย์? ผมเหรอ? เป็นไปไม่ได้ หลี่เสียวเหม่ยส่ายหัวไม่หยุด เขาอยากมีภรรยา แล้วมีลูกชายอ้วนๆ คนหนึ่ง จะเป็นเกย์ไปได้อย่างไร
ไม่ใช่เหรอ? งั้นเมื่อสักครู่ทำไมนายดูไม่ประหลาดใจ เท่าที่ฉันรู้ การเห็นเกย์คู่หนึ่ง (นักเขียน : ซุปเปอร์สตาร์เจานายได้สังเกตถึงการใช้คำของนายบ้างรึเปล่า? ╮ (╯▽╰) ╭) แล้วยังยอมรับได้อย่างมีความสุข โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นเกย์ จากคนที่ไม่เคยพูดโกหก ซุปเปอร์สตาร์เจาเริ่มพูดเรื่องโกหกได้อย่างหน้าตาเฉย
อะไรนะ?!! หลี่เสียวเหม่ยตะลึงงัน แล้วขับรถไปจอดข้างทาง หันศีรษะหน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปที่เจาเยี่ยแล้วพูดว่า พี่เจาเยี่ย อย่าหลอกผมให้ตกใจสิ
ฉันจะหลอกนายทำไม ฉันทำเรื่องน่าเบื่อแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ? เจาเยี่ยส่งสายตาเย็นชาสุด ๆ ให้เขา
ไม่เป็น หลี่เสียวเหม่ยที่มีเจาเยี่ยเป็นเทพสิงสถิตอยู่ในใจส่ายหัว นอนแผ่อยู่บนเก้าอี้ร้องไห้น้ำตานองหน้าอย่างเศร้าใจ ไม่เคยคิดเลยว่าฉันจะเป็นเกย์ พ่อแม่ผมขอโทษ ผมไม่สามารถขอสะใภ้แสนสวยและคลอดลูกชายตัวอ้วนให้พวกพ่อได้อีกแล้ว ลูกอกตัญญู… (หลี่เสียวเหม่ยที่น่าสงสาร แค่โดนเจาเยี่ยหลอกแค่นี้ก็เบี่ยงเบนซะแล้ว)
กู้หลานอันกลับถึงบ้าน เห็นจางเจียอี้กำลังออกมาจากบ้านพอดี เดินขึ้นไปยื่นมือออกไปจับกับเขา พูดอย่างมีมารยาทว่า ผู้กำกับจางสวัสดีครับ มาถึงนี่แล้วทำไมรีบกลับไม่อยู่เล่นอีกสักหน่อยหรือครับ
ไม่เล่นแล้ว ส่งสคริปต์เสร็จฉันก็ควรกลับได้แล้ว จางเจียอี้พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
คุณมาที่นี่เพื่อส่งสคริปต์เหรอครับ? รบกวนแย่เลย ต้องเดินทางมาส่งด้วยตัวเองแบบนี้ กู้หลานอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย โดยทั่วไปเรื่องเล็กอย่างการแจกสคริปต์แบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้ผู้กำกับมาด้วยตัวเองนี่นา
ฉันก็ไม่ได้อยากมาด้วยตัวเองหรอก แต่ว่าฉันกลัวว่าให้คนอื่นมาส่งแล้วถ้าเห็นแม่เธออีก กลัวจะได้ตายอย่างอนาจ จางเจียอี้พูดไปตัวสั่นตัวสั่นไป คิดไปถึงเมื่อสักครู่ที่ยื่นสคริปต์ไปให้อันนา สายตาที่อันนาเห็นบทตัวละครที่ตัวเองจะได้แสดงแล้วนั้น ไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้
ทำไมพูดแบบนี้ครับ คุณมาส่งสคริปต์ เกี่ยวอะไรกับแม่ผมเหรอ? กู้หลานอันมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ
เธอไม่รู้เหรอ? จางเจียอี้มองเขาด้วยความสงสัย แม่เธอก็เข้าร่วมแสดงละครเรื่องนี้ แต่เป็นแค่ตัวละครเล็ก ๆ พูดจบจางเจียอี้หน้านิ่วแล้วก็เสริมอีกประโยคว่า อืม ตัวละครที่ฉันให้เธอแสดงคือไทเฮา
ไทเฮา! ฮ่า ๆๆ ทั้งนี้เพื่อทดสอบศักดิ์ศรีของอันนา กู้หลานอันไม่ได้ถามจางเจียอี้ว่าแม่ของเขาต้องแถมเงินเพื่อเล่นบทนี้ด้วยหรือเปล่า แต่เขาจับคำพูดและเสียงหัวเราะของจางเจียอี้ก็พอรู้ แม่เขาเป็นใคร เป็นดาราเด็กที่สวยมาตั้งแต่เด็ก จนขึ้นเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมมูลค่าร้อยล้าน ได้รับฉายาเบื้องหลังที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะแสดงเรื่องไหนก็ต้องเป็นนักแสดงนำแต่ทุกเรื่องก็ดังระเบิด ไม่คิดเลยว่าวันนี้หวนคืนสู่วงการ จะถูกกำหนดให้รับบทเป็นตัวประกอบที่แทบจะไม่นับว่าเป็นบทไทเฮา คิด ๆ แล้วเขาเดาปฏิกิริยาของเธอได้เลยหลังรู้บทที่ได้รับเล่น
ผู้กำกับจาง คุณนี่สุดยอดเลย กู้หลานอันชื่นชมออกมาจากใจจริงเผยรอยยิ้มลุ่มลึกออกมา
งั้น ๆ น่า จางเจียอี้ใบหน้าขมขื่นพูดไม่ออก ส่ายหัว สายตาไปหยุดนิ่งอยู่ที่กระดาษที่โผล่ออกมาจากคอเสื้อของกู้หลานอัน ในเสื้อนายตรงนั้นคืออะไรเหรอ?
เสื้อข้างใน? กู้หลานอันปลดกระดุมออก หยิบกระดาษออกมาอย่างระมัดระวัง ถามจางเจียอี้ว่า ที่คุณพูด ใช่อันนี้รึเปล่า?
ใช่ จางเจียอี้จ้องกระดาษพอเห็นชื่อบนกระดาษแล้วรู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นลายเซ็นของเจาเยี่ย ทำไมเธอต้องเอามันใส่ไว้ในเสื้อด้วย?