บทที่ 281 ออกจากคุก
บทที่ 281 ออกจากคุก
“เอาล่ะ พัสดีโจว พวกเราขอตัวกลับกันก่อนก็แล้วกัน รบกวนคุณช่วยดูแลเขาในคืนนี้ด้วย เอาไว้หลังจากนี้เจอกันรอบหน้าผมจะขอเลี้ยงคุณมื้อใหญ่เพื่อเป็นการตอบแทน!”
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฉิงกัวอันจึงเอ่ยขอตัวลา
“โธ่ พี่เฉิง เรื่องแค่นี้มันเรื่องเล็ก ไม่ต้องเกรงใจหรอก” พัสดีโจวตอบกลับพลางหัวเราะเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเดินจากไป อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่หลี่จิงเทียน และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายมีแซ่เดียวกับหลี่เม่ย แต่จงจำไว้ว่าครั้งนี้มันคือครั้งสุดท้ายที่ฉันจะให้โอกาส!”
ประโยคนี้ทำให้หลี่จิงเทียนผู้ซึ่งกำลังตื่นเต้น ตัวสั่นในทันทีราวกับว่าเพิ่งโดนน้ำเย็นสาดเข้าใส่
หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานและเฉิงกัวอันก็จากไป
ทางด้านของพัสดีโจวหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าแขกกลับไปหมดแล้ว
จอมโหดเหยียนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามพัสดีโจวด้วยความสงสัย
“ท่านพัสดี สองคนนั้นเป็นใครงั้นเหรอ? ทำไมท่านถึงต้องต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเองแบบนี้?”
ต้องรู้ว่าตามปกติแล้ว พัสดีโจวไม่เคยลงมายุ่งเกี่ยวกับนักโทษแบบนี้เลย แต่คราวนี้เขากลับพาใครก็ไม่รู้เข้ามาเยี่ยมนักโทษด้วยตัวเองแถมคุยด้วยอย่างเป็นการเองอีกต่างหาก
เห็นได้ชัดว่าแขกทั้งสองคนที่เพิ่งกลับไปไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินคำถามนี้ พัสดีโจวก็ขมวดคิ้วและตวาดกลับ
“อย่าถามอะไรให้มันมากมาย! หน้าที่ของนายตอนนี้คือดูแลน้องชายคนนี้ให้ดี ๆ เอาตัวเขาไปไว้ในห้องขังเดี่ยวเพื่อรอการปล่อยตัววันพรุ่งนี้!”
หลังจากสั่งจบ เขาเดินจากไปในทันที
หากเป็นการคุยกับลูกน้องของตัวเองแล้ว พัสดีโจวนั้นจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเสมอ เขาไม่ยอมให้ใครแข็งขืนหรือตั้งคำถามกับเขาได้ทั้งนั้น
ท้ายที่สุดจอมโหดเหยียนก็ทำได้แต่พาหลี่จิงเทียนกลับเข้าไปในเขตคุมขัง แต่เมื่อเดินผ่านหน้าห้องขังที่เป็นห้องขังรวมซึ่งหลี่จิงเทียนเคยอยู่ หลี่จิงเทียนก็รวบรวมความกล้าและตะโกนขึ้นทันที
“ผู้คุม! ผมขอร้องเรียน! หลายวันที่ผ่านมานี้ผมถูกรังแก!”
ในทันทีที่หลี่จิงเทียนตะโกนขึ้นนักโทษที่อยู่ในห้องขังอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะสบถออกมาอย่างโมโห
“ถุย! แกคิดว่าแกเป็นใครกันวะ? แกมีหลักฐานงั้นหรือไงถึงได้มาปรักปรำพวกฉันแบบนี้? แกคิดว่าจะมีใครเชื่อแกหรือไง?”
“เชื่อไหมว่าหลังจากนี้ฉันฆ่าแกแน่! แม่งเอ๊ย ไอ้ลูกหมา! พออยู่ข้างนอกแล้วปากเก่งกับฉันคนนี้ใช่ไหม!”
“…”
บรรดานักโทษต่างพูดจาข่มขู่และด่าทอกันอย่างดุเดือด ต่อให้หลี่จิงเทียนจะมาจากตระกูลคนรวย พวกเขาก็ไม่เชื่อว่าผู้คุมจะยอมหนุนหลังไอ้หมอนี่
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าพัสดีของที่นี่เป็นคนที่ไม่เคยยอมให้อิทธิพลจากภายนอกส่งผลกระทบมาถึงข้างในนี้
แต่แล้วจู่ ๆ จอมโหดเหยียนตวาดใส่บรรดานักโทษในห้องขังด้วยสีหน้าเย็นชา
“หุบปากให้หมด!”
หลังจากโดนตวาด นักโทษทั้งหลายพากันเงียบลง
“เอาล่ะ หลี่จิงเทียน นายบอกมาว่ามีคนไหนที่รังแกนาย คนที่กล้าสร้างปัญหาในห้องขังฉันจะไม่ละเว้นมันสักคน!”
จอมโหดเหยียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเด็ดขาด
“ได้ครับ! คนที่รังแกผมคือ เจาตาเปียว หวังฉาง และ…”
จากนั้นหลี่จิงเทียนเอ่ยชื่อคนที่เคยรังแกตัวเองเรื่อย ๆ ซึ่งท้ายที่สุดมันก็คือทุกคนที่อยู่ในห้องขังเดียวกันกับเขา
บรรดาคนที่โดนเอ่ยชื่อต่างกัดฟันกรอด พวกเขาไม่นึกเลยว่าหลี่จิงเทียน จะกล้าถึงขนาดนี้
“แม่งเอ๊ย! แกเชื่อหรือเปล่าว่าคืนนี้ฉันจะฆ่าแก!”
หลังจากโดนเอ่ยชื่อ หนึ่งในนักโทษก็ทนไม่ไหววิ่งเข้ามาเกาะกรงขังด้วยแววตาอาฆาต
อย่างไรก็ตาม จอมโหดเหยียนก็รวดเร็วเช่นกัน เขาหวดกระบองไปที่มือของนักโทษที่พุ่งเข้ามาจับลูกกรงอย่างรุนแรงจนนักโทษคนนั้นร้องเสียงหลงและลงไปนอนกลิ้งด้วยความเจ็บปวด
“แกคิดว่าที่แห่งนี้แกสามารถทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ? นับจากนี้ใครที่กล้าสร้างปัญหาอีกจะถูกฉันส่งเรื่องให้ถูกเพิ่มโทษ!”
จอมโหดเหยียนโมโหขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาไม่นึกเลยว่าจะมีนักโทษคนไหนที่กล้าแสดงท่าทีข่มขู่นักโทษคนอื่นต่อหน้าเขา
อย่างไรก็ตาม คำพูดของจอมโหดเหยียนดูเหมือนจะได้ผล นักโทษแทบทุกคนต่างเงียบลงไปไม่กล้าพูดอะไรอีก ต้องรู้ว่าพวกเขาเป็นนักโทษคดีเล็ก ๆ ดังนั้นโทษของพวกเขาคือติดคุกไม่นานเท่าไหร่ หากโดนเพิ่มโทษเข้าไปอีกพวกเขาจะถูกส่งไปอยู่เรือนจำถาวรที่มีสภาพแวดล้อมแย่กว่านี้เยอะ
อย่างไรก็ตาม คนที่เพิ่งโดนตีมือไปนั้นเจ็บจนเลือดขึ้นหน้า เขาลุกขึ้นมาและตะโกนอีกครั้งอย่างไม่ยินยอม
“แก! แกจำหน้าของฉันให้ดี ๆ นะไอ้ลูกหมา! เมื่อไหร่ที่ผู้คุมเผลอ ฉันจะบังคับให้แกกินขี้ต่อหน้าทุกคน!”
จอมโหดเหยียนระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยันทันทีเมื่อฟังประโยคนี้จบ เขาเอาตัวมาบังหลี่จิงเทียน และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“หึหึ เสียใจด้วยว่ะ นับจากนี้แกคงไม่สามารถขู่เขาได้อีกแล้ว เพราะวันนี้ฉันจะให้เขาไปอยู่ในห้องขังเดี่ยว และพรุ่งนี้ก็จะมีคนมารับเขาออกไปจากที่นี่!”
หลังจากพูดจบ จอมโหดเหยียนกวาดสายตามองไปที่นักโทษที่เหลือในห้องขังและพูดต่อ
“ทีนี้พวกแกรู้กันแล้วใช่ไหมว่าพวกแกมันกระจอกแค่ไหนถ้าเทียบกับคนมีอำนาจ? เอาล่ะ เพื่อเป็นการลงโทษพวกแก นับจากนี้ 30 วัน ฉันจะไม่แจกจ่ายบุหรี่ประจำวันให้กับพวกแก!”
“ห๊ะ? ไม่แจกบุหรี่ 1 เดือน! ไม่นะ!”
หลังจากจอมโหดเหยียนพูดจบประโยค บรรดานักโทษในห้องขังต่างร่ำร้องกันเสียงหลง
การอยู่ในคุกโดยไม่มีบุหรี่ มันไม่ต่างอะไรกับตายเลย!
แน่นอนว่า จอมโหดเหยียนไม่สนใจเลยว่าพวกนักโทษจะร่ำร้องกันขนาดไหน เขายังคงแสดงสีหน้าเยาะเย้ย ก่อนที่จะพูดต่ออย่างเย็นชา
“อย่าเพิ่งตื่นเต้นกันไป นี่มันแค่บทลงโทษเบื้องต้นแบบเหมารวม เดี๋ยวหลังจากนี้ฉันจะไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดอีกรอบ และเมื่อดูเสร็จ ฉันจะมาลงโทษพวกแกแบบรายบุคคลอีกทีตามความผิดที่พวกแกแต่ละคนทำกันลงไป ฮ่าฮ่า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้บรรดานักโทษต่างก็แสดงสีหน้าย่ำแย่กันมากกว่าเดิม
การอยู่ในคุกนั้นมันแย่มากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือการถูกลงโทษจากผู้คุม พวกคุมทุกคนต่างมีวิธีการลงโทษที่หลากหลาย โดยเฉพาะจอมโหดเหยียนที่เป็นนักทรมานเบอร์ต้น ๆ ในบรรดาผู้คุมทั้งหมด
พวกเขารู้ได้เลยว่านับจากนี้ ชะตากรรมของพวกเขาจะต้องเลวร้ายแน่นอน
ทางด้านของ หลี่จิงเทียน ที่ยังคงแอบอยู่ข้างหลังจอมโหดเหยียน เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ยืดอกได้ทันที เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“ฮึ่ม! เป็นไงล่ะ ฉันบอกพวกแกแล้วว่าฉันคือนายน้อยหลี่แห่งตระกูลหลี่! และยิ่งไปกว่านั้นพี่เขยของฉันคือประธานบริษัทยักษ์ใหญ่เครือฮ่าวหราน!”
ขณะนี้สีหน้าของหลี่จิงเทียนหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก เขาไม่หลงเหลือท่าทีสงบเสงี่ยมแบบก่อนหน้านี้ที่อยู่ในห้องขังอีกต่อไป ซึ่งมันทำให้พวกนักโทษได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความอาฆาตแค้น แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจทำอะไรได้เลย
“พอแล้ว ๆ ไปที่ห้องขังเดี่ยวกับฉันได้แล้ว”
หลังจากนั้น จอมโหดเหยียนก็เดินนำหลี่จิงเทียนไปที่โซนห้องขังเดี่ยว
…
วันถัดมา
หลี่ชงซานเป็นคนขับรถมารับหลี่จิงเทียนด้วยตัวเองในวันนี้ เขามาตั้งแต่สิบโมงเช้าและนั่งรอจนถึงสิบเอ็ดโมง หลี่จิงเทียนจึงถูกปล่อยตัวออกมา
“พ่อ!”
ในทันทีที่เห็นหน้าพ่อของตัวเอง หลี่จิงเทียนก็ร้องไห้โฮในทันที
“ผ…ผมโดนรังแกทุกวันเลยพ่อ…ไอ้พวกในคุกมันทำเหมือนกับผมไม่ใช่คน…”
หลังจากขึ้นรถกันแล้ว หลี่จิงเทียนก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาถูกเลี้ยงมาอย่างกับไข่ในหิน ดังนั้นเขาจะทนกับการถูกรังแกในคุกได้ยังไง?
หลี่ชงซาน
ถอนหายใจยาวเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาไม่อยากจะเห็นภาพแบบนี้เลย ด้วยความผิดหวังในตัวลูกชาย เขาจึงไม่มาเยี่ยมหลี่จิงเทียนเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมา
แต่วันนี้ด้วยความกังวลและความคิดถึง หลี่ชงซานจึงเลือกที่จะขับรถมารับลูกด้วยตัวเอง
“ไปกัน พวกเรากลับบ้านกันก่อน”
หลังจากปลอบเล็กน้อย หลี่ชงซานก็ขับรถกลับไปที่บ้านตระกูลหลัก
อีกด้านหนึ่ง…
อวี้ฮ่าวหรานได้รับสายโทรศัพท์จากโจวเฟยหู่ซึ่งพูดว่าจะมาหาเขาที่บริษัทเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ
“คุยเรื่องสำคัญ?”
หลังจากวางสาย อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าสงสัย ชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายจะมาเจอเขาเรื่องอะไร เพราะตอนนี้แก๊งพยัคฆ์เวหาก็ดูกำลังไปได้สวยในทุก ๆ ด้าน
หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง โจวเฟยหู่ก็มาถึงออฟฟิศของอวี้ฮ่าวหราน เขานั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทีสบาย ๆ
“ฮ่า ๆ น้องอวี้ บริษัทของนายนี่ใหญ่โตจริง ๆ เทียบกับของนายแล้ว พวกบริษัทที่ฉันมีไม่ต่างอะไรกับเด็กประถมเลย นายนี่สุดยอดจริง ๆ”
“มาหาฉันวันนี้มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าก่อนจะถามกลับแบบตรง ๆ
หลังจากรู้จักกันมานานและช่วยเหลือกันมาหลายครั้ง อวี้ฮ่าวหราน รู้สึกพึงพอใจกับอีกฝ่ายพอสมควร
“อืม ตอนนี้มันกำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!”
โจวเฟยหู่เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังทันที
“นายรู้จักแก๊งฉลามคลั่งไหม?”
“ไม่รู้จัก” อวี้ฮ่าวหรานส่ายหัว
เขาไม่เคยคิดอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกแก๊งในเมืองสักเท่าไหร่ สำหรับเขาแล้ว พวกแก๊งในเมืองมีค่าไม่ต่างจากมดแมลง ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกมัน